ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หายเองได้ไหม

โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection) เป็นโรคที่อยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด ใครที่ยังไม่เคยเป็น อย่าคิดว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสพบเจอกับโรคนี้ โดยเฉพาะคุณสาวๆ นั้นมีโอกาสเป็นโรคนี้กันเยอะมาก โรคนี้คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเราติดเชื้อนี้หรือยัง มาเช็กเพื่อเตรียมรับมือกัน

รู้จักระบบทางเดินปัสสาวะ

ระบบทางเดินปัสสาวะ ประกอบด้วยอวัยวะหลายส่วน ทำหน้าที่กำจัดของเสีย และ รักษาสมดุลของเหลวในร่างกาย ระบบทางเดินปัสสาวะประกอบไปด้วย ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และ ท่อปัสสาวะ

  • ไต มีหน้าที่หลักคือกรองของเสียที่อยู่ในเลือด ดูดซึมสารที่มีประโยชน์ รักษาสมดุลของเหลว ฯลฯ
  • ท่อไต ทำหน้าที่นำปัสสาวะจากไตลงสู่กระเพาะปัสสาวะ
  • กระเพาะปัสสาวะ เป็นอวัยวะสำหรับพักปัสสาวะไว้ชั่วคราว ก่อนขับออกจากร่างกาย
  • ท่อปัสสาวะ เป็นท่อต่อจากกระเพาะปัสสาวะ ทำหน้าที่เป็นทางผ่านของปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะออกสู่นอกร่างกาย

ทางเดินปัสสาวะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน

  1. ระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง (Lower urinary tract) หมายถึง กระเพาะปัสสาวะ และ ท่อปัสสาวะ
  2. ระบบทางเดินปัสสาวะส่วนบน (Upper urinary tract) หมายถึงไต และ ท่อไต

โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ คืออะไร?​

การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection หรือ UTI) หมายถึง การเกิดการอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะรวมถึงการติดเชื้อตั้งแต่กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ ไปจนถึงไต ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ดังนี้

  • โรคท่อปัสสาวะอักเสบ (Urethritis)
  • โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis)
  • โรคกรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis)

สาเหตุของโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

สาเหตุส่วนใหญ่ของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ มาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย จากลำไส้ หรือ ผิวหนังของอวัยวะเพศเข้าไปอยู่ในทางเดินปัสสาวะ และ แพร่เข้าไปอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ หรือไต

อาการของโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

ถ้าติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง จะมีอาการ

  • ปัสสาวะแสบขัด และ เจ็บเสียวเมื่อใกล้สุด
  • ปัสสาวะกะปริบกะปรอย ปัสสาวะออกมาน้อย
  • ปัสสาวะอาจมีกลิ่น
  • ปัสสาวะขุ่น อาจมีเลือดปน


ถ้าติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะส่วนบน หรือ กรวยไต
 จะมีอาการ

  • ปัสสาวะแสบขัด กระปริบกระปรอย
  • มีไข้สูง หนาวสั่น
  • เบื่ออาหาร
  • ปวดบั้นเอวข้างใดข้างหนึ่ง หรือสองข้าง
  • ถ้าอาการรุนแรง อาจมีความดันโลหิตต่ำ และ หมดสติได้

จะรู้ได้อย่างไรว่าติดเชื้อทางทางเดินปัสสาวะ

สังเกตการปัสสาวะของตัวเอง ถ้าการปัสสาวะมีความผิดปกติ หรือ สงสัยว่าตัวเองอาจจะมีอาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ควรไปหาหมอ เพื่อให้หมอตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดยการตรวจเพื่อดูว่าติดเชื้อทางเดินปัสสาวะหรือไม่นั้น ทำได้ง่ายๆ คือ ใช้การตรวจปัสสาวะนั่นเอง

  • การตรวจปัสสาวะ เพื่อหาการติดเชื้อจากสิ่งแปลกปลอมที่อาจปนอยู่ในน้ำปัสสาวะ เช่น เชื้อแบคทีเรีย เลือด หรือเม็ดเลือดขาว หากพบเม็ดเลือดขาวมากกว่า 3-5 ตัว อาจเป็นไปได้ว่ามีการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรีย
  • การเพาะเชื้อปัสสาวะ หากตรวจปัสสาวะแล้วพบว่าอาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะมีการติดเชื้อ อาจจะมีการตรวจด้วยการเพาะเชื้อปัสสาวะเพิ่มเติม
  • ส่องกล้องระบบทางเดินปัสสาวะ ถ้ามีอาการรุนแรง หรือ เรื้อรัง เป็นไม่หาย หมออาจจะตรวจเพิ่มเติมด้วยการส่องกล้องระบบทางเดินปัสสาวะ ดูว่ามีความผิดปกติอื่นนอกจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะหรือไม่
  • การตรวจทางรังสีวิทยา ใช้ในการตรวจหาภาวะแทรกซ้อนจาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เช่น การตรวจนิ่วในทางปัสสาวะ การตรวจการอุดกั้นในทางเดินปัสสาวะ

วิธีการรักษาโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

  • กินยาปฏิชีวนะ เพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อ โดยส่วนใหญ่ หากมีการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง คือ กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ หมอจะให้กินยาปฎิชีวนะประมาณ 3-7 วัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ โดยไม่จำเป็นต้องแอดมิด นอนโรงพยาบาล
  • ให้ยาปฎิชีวนะทางหลอดเลือดดำ หากมีการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะส่วนบน หรือติดเชื้อที่ไต หมอจะให้นอนโรงพยาบาล เพราะจำเป็นต้องให้ยาปฎิชีวนะทางหลอดเลือดดำ ใช้เวลาประมาณ 10-14 วัน หากอาการดีขึ้นก็สามารถกลับบ้านได้ แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น ควรกลับมาตรวจเพิ่มเติม

ป้องกันไม่ให้เกิดโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้อย่างไร?

  1. ดื่มน้ำมากขึ้น ควรดื่มน้ำให้ได้ประมาณ 2-3 ลิตรต่อวัน
  2. ไม่กลั้นปัสสาวะ
  3. ปัสสาวะก่อนนอน และ หลังมีเพศสัมพันธ​์
  4. เช็ดทำความสะอาดให้แห้งเสมอ
  5. ทำความสะอาดอวัยวะเพศอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะผู้หญิง ควรเช็ดทำความสะอาดโดยเช็ดจากช่องคลอดจากด้านหน้าไปด้านหลัง
  6. หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ หรือ สารเคมีเติมในอ่างอาบน้ำ

รู้หรือไม่!

  • โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ มักเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะท่อปัสสาวะสั้น ทำให้แบคทีเรียผ่านเข้าไปง่ายกว่า
  • 50% ของผู้หญิงต้องเคยติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในชีวิต อย่างน้อย 1 ครั้ง
  • ช่วงอายุของผู้หญิงที่มีโอกาสติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้บ่อยที่สุด คือ ช่วงอายุ 18-40 ปี

กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นนานแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบสามารถหายขาดได้เองโดยไม่ต้องได้รับการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่อาการปานกลาง ไม่ได้อยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือมีโรคประจำตัว เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจะค่อย ๆ ขจัดเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในร่างกายออกไป แต่อาจพบอาการเดิมคงอยู่นาน 2-3 วันหรือบางรายนานเป็นสัปดาห์ ดังนั้น หากต้องการให้หายไว ...

ทำยังไงให้หายกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

วิธีการรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แนวการรักษาหลักๆ คือการให้ยาปฏิชีวนะประมาณ 3-5 วันขึ้นอยู่กับชนิดของยา ร่วมกับการรักษาตามอาการหากจำเป็น เช่น ยาแก้ปวดชนิดคลายการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ และพยายามดื่มน้ำให้มากๆ ทั้งนี้ ผู้ป่วยไม่ควรซื้อยารับประทานเองเนื่องจากอาจได้ยาที่ไม่ตรงกับชนิดของเชื้อโรคและจะทำให้ดื้อยาได้ง่าย

รักษา กระเพาะปัสสาวะอักเสบ กินยาอะไร

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ.
ดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้หายเร็วขึ้น.
กินยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยาที่แนะนำ คือ โคไตรม็อกซาโซล (Cotrimoxazole) กินครั้งละ ๒ เม็ด วันละ ๒ ครั้ง เป็นเวลา ๓ วัน หรือยาที่มีสรรพคุณดีขึ้น คือ นอร์ฟลอกซาซิน (Norfloxacin) ขนาด ๔๐๐ มิลลิกรัม กินครั้งละ ๑ เม็ด วันละ ๒ ครั้ง เป็นเวลา ๓ วัน.

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ร้ายแรงไหม

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นโรคที่สามารถป้องกัน และรักษาได้ง่าย ๆ แต่หากละเลยสัญญาณเตือนของร่างกาย และไม่ได้รับการรักษา เชื้ออาจลุกลามขึ้นไปที่ไตทำให้เป็นกรวยไตอักเสบ หากปล่อยไว้จนเกิดการเรื้อรังก็อาจทำให้เกิดภาวะไตวายได้ ส่วนในผู้ชายเชื้ออาจลุกลามจนทำให้มีอาการต่อมลูกหมากอักเสบ และถ้าหากมีการติดเชื้อรุนแรงอาจนำไปสู่การ ...