Show ๑. ความเชื้อเกี่ยวกับเทพเจ้า ความคิดเรื่องเทพเจ้าต่างๆ ของศาสนาพราหมณ์ในสมัยแรกๆ คือ ยุคพระเวท (ประมาณ ๙๐๐-๑,๕๐๐ ปี ก่อนคริสกาล) เกิดจากสภาพธรรมชาติ คือ มนุษย์เกิดจินตนาการว่าเบื้องหลังของธรรมชาติหรือปรากฏการณ์ต่างๆ ต้องมีผู้มีอำนาจบังคับ คือ มนุษย์ใส่ความรู้สึกให้แก่ธรรมชาติ กลายเป็นเทพเจ้าตามธรรมชาติไป เทพเจ้าเหล่านี้เป็นที่มาของเทพนิยายทางศาสนาพราหมณ์ และเป็นพื้นฐานที่สำคัญของลัทธิการบูชายัญในศาสนาฮินดู
ในระยะต่อมาเทพที่สำคัญคือเทพประจำทิศทั้งแปด ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยพระเวท และเห็นชัดขึ้นในสมัยพราหมณะ อันเป็นระยะที่มีการทำพิธีการต่างๆ เพื่อบูชายัญ เทพเจ้ามีลักษณะที่มนุษย์บูชาเทพเจ้าองค์ใดเขาก็ยกย่องเทพเจ้าองค์นั้นว่าสูงสุดในขณะนั้น ลักษณะเช่นนี้ได้วิวัฒนาการไปสู่ความคิคเรื่องเอกเทวนิยม เทพที่สำคัญคือ พระอินทร์ พระยม พระวรุณ พระกุเวร ๒.๓ พระศิวะ เป็นเทพเจ้าดั้งเดิมของพวกทมิฬหรือทราวิฑ หรือดราวิเดียนทางภาคใต้ของอินเดีย ดังปรากฏหลักฐานในคัมภีร์ของพวกทมิฬและหลักฐาน ทางโบราณคดี จากการขุดค้นที่เมืองโมเหโช-ดาโร และเมืองฮารัปปา ซึ่งเชื่อกันว่าเมืองทั้งสองนี้เป็นที่อยู่ของพวกดราวิเดียนมาก่อน คนพวกนี้นิยมบูชาลึงค์ของพระศิวะ หรือศิวลึงค์
พระองค์มักมีชื่อตามสิ่งที่พระองค์ทรงสัมพันธ์ด้วย เช่น สัมพันธ์กับภูเขา โดยเฉพาะภูเขาหิมาลัยจึงได้นามว่า คีรีศะ คือ เป็นใหญ่แห่งภูเขา หรือพระองค์เป็นที่นับถือของพวกผี เป็นผู้เกี่ยวข้องกับความตายจึงได้นามว่า ภูเตศวร เป็นต้น ในคัมภีร์พระเวทไม่ได้กล่าวถึงพระศิวะไว้โดยตรง แต่กล่าวถึงพระรุทระ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าเป็นพระศิวะในการต่อมา พระรุทระเป็นที่เคารพของพราหมณ์เสมอด้วยเทพอื่นๆ เมื่อศาสนาพราหมณ์ได้รับการปฏิรูปเพื่อแข่งขันกับพระพุทธศาสนาในต้นพุทธศตวรรษที่ ๖
พระศิวะก็ได้รับการยกย่องเสมอด้วยพระพรหมและพระวิษณุ และเด่นชัดขึ้น เมื่อมีการแบ่งเป็นนิกายต่างๆ เพราะนักปราชญ์ในแต่ละนิกาย ต่างก็แต่งคัมภีร์ยกย่องเทพเจ้าสูงสุดในนิกายของตน ลักษณะเช่นนี้ปรากฏชัดในยุคปุราณะ โดยปกติพระศิวะได้รับการกล่าวถึงในสองลักษณะ คือ ลักษณะแรก ไม่มีรูปร่าง พระองค์เป็นอย่างเดียวกันกับพราหมณ์ หรืออาตมันในกรณีนี้ถ้าต้องการบูชาพระองค์ก็ต้องบูชาส่วนอันละเอียดอ่อนของพระองค์ คือศิวลึงค์ซึ่งมีกำเนิดในลักษณะต่างๆ เช่น เกิดขึ้นเองเรียกว่าสยมภู หรือมีผู้มีศรัทธาสร้างขึ้น
หรือภูเขาที่มีลักษณะเหมือนลึงค์ตามธรรมชาติ และลักษณะที่สอง พระศิวะปรากฏเป็นรูปร่างในรูปแบบต่างๆ ในกรณีนี้สามารถบูชารูป เคารพของพระองค์ได้ ในศิวปุราณะได้กล่าวถึงศิวลึงค์ว่า ควรอยู่คู่กับฐานศิวลึงค์ (ซึ่งเรียกว่าโยนิ) อุปมาดังว่าพระศิวะประทับคู่กับพระนางปารวตีฉันใด รูปศิวลึงค์ก็ควรอยู่บนรูปโยนิของพระนางปารวตีฉันนั้น ความเชื่อของศาสนาฮินดูมีอะไรบ้างหลักความเชื่อ ศาสนาฮินดูเป็นศาสนาที่เชื่อในพระเจ้า พระเจ้ามีชื่อเป็นภาษาสันสกฤตว่า พฺรหมฺ หลักธรรมคาสอน หลักปฏิบัติพื้นฐานจุดมุ่งหมายของชีวิตตามแนวทางของศาสนาฮินดูมี๔ ประการ คือ ๑. อรถะ หรืออรรถะ การแสวงหาทรัพย์เพื่อการดารงชีวิตภายใต้กรอบคาสอนทางศาสนา ๒. ธรมะ หรือธรรมะ การดารงชีวิตภายใต้กรอบคาสอนทางศาสนา
ศาสนาพราหมณ์ฮินดูมีความสำคัญอย่างไรสาระสำคัญในศาสนาฮินดูคือ "ปุรุษารถะ" ทั้งสี่ อันเป็นจุดมุ่งหมายอันสมควรในชีวิตของมุนษย์ ได้แก่ ธรรมะ (หน้าที่/จริยธรรม), อรรถะ (การเจริญเติบโต/หน้าที่การงาน), กามะ (ประสงค์/แรงจูงใจ) และ โมกษะ (การหลุดพ้น/การเป็นอิสระจากการเวียนว่ายตายเกิด) นอกจากนี้ แนวคิดสำคัญอื่น ๆ ที่พบในศาสนาฮินดูยังรวมถึง กรรม (การกระทำ/ผลของการ ...
ศาสนาฮินดูสัมพันธ์กับพราหมณ์อย่างไรศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูก็คือศาสนาเดียวกันนั่นเอง การที่มีชื่อเรียกควบคู่กันไป 2 ชื่อ คือ “พราหมณ์-ฮินดู” เพราะผู้ให้กำเนิดศานานี้ ในตอนแรกเริ่มเรียกตัวเองว่า ”พราหมณ์” ต่อมาศานาเสื่อลงระยะหนึ่งและได้มาฟื้นฟูปรับปรุงเป็นให้เป็นศาสนาฮินดู โดยเพิ่มบางสิ่งบางอย่างเข้าไป มีการปรับปรุงเนื้อหาหลักธรรม คำสอนให้ดีขึ้น คำว่า “ ...
คัมภีร์ของศาสนาพราหมณ์ฮินดูคืออะไรพระเวท (สันสกฤต: वेद) โดยทั่วไปถือว่าเป็นคัมภีร์ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู หากกล่าวโดยเฉพาะลงไป หมายถึง บทสวดต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับความเชื่อของชาวอินโดอารยัน หรืออาจเรียกได้ว่าศาสนาพราหมณ์ฮินดู โดยมีการรวบรวมเป็นหมวดหมู่ในชั้นหลัง คำว่า “เวท” นั้น หมายถึง ความรู้ มาจากธาตุ “วิทฺ” विद् (กริยา รู้) คัมภีร์พระเวท ประกอบด้วยคัมภีร์ ...
|