8 มิ.ย. 2021 สุชีพ ธรรมาชีพเจริญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่ม Bakery & Beverage Cuisine บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (Central 2 Restaurants Group) หรือ “CRG” เปิดเผยว่า ธุรกิจร้านอาหารในปี 2564 ยังมีความเสี่ยงสูงเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา แต่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยจะเห็นได้จากความคึกคักของตลาดเบเกอรี จากการฮอตฮิตของขนมครัวซองต์ ทำให้อุตสาหกรรมเบเกอรีมีการเปลี่ยนแปลงแบบมีนัยยะสำคัญ โดยในปี 2563 มูลค่าตลาดเบเกอรีรวมสูงเฉียด 30,000 ล้านบาท ส่วนตลาดกาแฟ แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ส่งผลให้ตลาดรวมกาแฟในไทยคงที่ ไม่ได้เติบโต สำหรับภาพรวมของกลุ่ม Bakery & Beverage Cuisine ซึ่งประกอบด้วย 4 แบรนด์อาหารชั้นนำ ได้แก่ มิสเตอร์ โดนัท (Mister Donut), อานตี้ แอนส์ (Auntie Anne’s), โคล สโตน ครีมเมอรี่ (Cold Stone Creamery) และอาริกาโตะ (Arigato) รวมกับ 1 โรงงาน คือ ซีอาร์จี แมนูแฟคเจอริ่ง (CRGM) ด้วยผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด ต่อเนื่องมาจากปีก่อนหน้า การบริหารจัดการงบประมาณที่จำกัด
เน้นการลงทุนที่จะต้องได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธภาพสูงสุด เนื่องด้วยยอดการสั่งดิลิเวอรีของมิสเตอร์ โดนัท และ อานตี้ แอนส์ ในช่วงโควิด ที่ผ่านมา พร้อมเดินหน้าจัดกลยุทธ์รับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ได้แก่ New format เร่งเพิ่มโมเดลรุกหาลูกค้าเต็มพิกัด
ด้วยโจทย์หลักของยุคนี้ คือ ทำอย่างไร จึงจะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ในทุกที่และให้บริการได้ง่ายที่สุด จึงเพิ่มหลากหลายโมเดล และขยายสาขาโมเดลใหม่ ที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ลูกค้า 1)Shop Standalone 2)Delco 3)Mobile Tuk Tuk ขณะเดียวกัน ก็ดำเนินการอย่างใกล้ชิดกับพาร์ตเนอร์ โปรโมชันพิเศษที่ดึงดูดใจ
เพื่อกระตุ้นยอดขาย -New business model การขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ โดยตั้งเป้าว่า มิสเตอร์ โดนัท จะสามารถเปิดขายแฟรนไชส์ ได้ในปีนี้ ช่วงไตรมาส 3 และ อานตี้ แอนส์ ในไตรมาส 4 สำหรับค่าแฟรนไชส์
ต้องติดตามทางแบรนด์ ออกมาเปิดเผยอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ -New channel ช่องทางการขายใหม่ สู่ช่องทางออนไลน์ และเจาะกลยุทธ์ดิจิทัลมาร์เก็ตติง เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านมาร์เก็ตเพลส (Marketplace)
และระบบแพลตฟอร์มชอปปิงออนไลน์ชั้นนำอย่าง Shopee Mall ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีลูกค้าให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงช่องทาง C2C หรือ Customer to Customer ซึ่งเป็นช่องทางใหม่ที่น่าสนใจ เพราะเป็นโมเดลธุรกิจอีคอมเมิร์ซ แบบผู้บริโภคไปยังผู้บริโภค ที่สามารถขยายและต่อยอดการขายในวงกว้างมากขึ้น โดยใช้กลยุทธ์เปิดร้านขายบนแพลตฟอร์มของตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับสิทธ์จาก CRG ทั้งการขายปลีกและการขายส่ง -New occasion ส่งมอบประสบการณ์ความอร่อยหลากหลายเมนู ที่เข้าถึงได้ในทุกช่วงโอกาส โดยพัฒนาและต่อยอดเมนูเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และเข้าถึงง่าย อาทิ เมนูแกร็บ แอนด์ โก (Grab & Go), เทกโฮม (Take home) และสินค้าพร้อมทาน (RTE product) ด้านผลการดำเนินงานในปี 2564 กลุ่ม Bakery & Beverage Cuisine ตั้งเป้าสามารถสร้างรายได้กว่า 2,900 ล้านบาท หรือเติบโต กว่า 18-20% แฟรนไชส์ Mister Donut ไม่ถึงล้านก็เป็นเจ้าของได้ อีกกลยุทธ์รุกตลาดของกลุ่มเซ็นทรัล (วิเคราะห์) CRG พอร์ตธุรกิจอาหารของกลุ่มเซ็นทรัลที่มีแบรนด์ในเครือ 16 แบรนด์
โฟกัสเฉพาะกลุ่มธุรกิจเบเกอรี่และเครื่องดื่ม (Bakery & Beverage Cuisine) ที่มีสาขารวมกว่า 630 สาขา กับ 4 แบรนด์คือ มิสเตอร์ โดนัท, อานตี้ แอนส์, โคล สโตน ครีมเมอรี่ และ อาริกาโตะ รวมกับ 1 โรงงาน คือ ซีอาร์จี แมนูแฟคเจอริ่ง (CRGM) ปีที่ผ่านมามีรายได้ 2,430 ล้านบาท ปีนี้ปรับกลยุทธ์ใหม่รุกทุกช่องทางหวังปั้นรายได้ปีนี้ให้เติบโต 18-20% มีรายได้กว่า 2,900 ล้านบาท หนึ่งในโมเดลที่น่าจับตาคือ การเปิดขายแฟรนไชส์ ‘มิสเตอร์ โดนัท-อานตี้ แอนส์’ สุชีพ ธรรมาชีพเจริญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่ม Bakery & Beverage Cuisine บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ CRG เล่าว่า ความท้าทายของธุรกิจเบเกอรี่นั้นหากมองเป็นกลุ่ม QSR เบเกอรี่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าร้านอาหารที่นั่งรับประทาน แม้จะกระทบน้อยกว่าแต่ก็ต้องมีช่องทางใหม่ ๆ มาต่อเป็นจิ๊กซอว์สร้างรายได้ จากเดิมที่ 90% คือสาขาที่มีอยู่ตามห้างศูนย์การค้า ปีนี้จะปรับออกมาโตขยายสาขานอกห้าง โมเดลใหม่ที่จะเกิดขึ้นในไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้คือ การขายแฟรนไชส์แบรนด์เรือธงอย่าง ‘มิสเตอร์ โดนัท-อานตี้ แอนส์’ ประกอบกับเห็นโอกาสจากความสนใจลงทุนของคนบางกลุ่มที่อยากหารายได้เสริมอย่างเช่น นักบิน แอร์โฮสเตส ที่เป็นกลุ่มคนที่มีเงินออมอยู่แล้ว สำหรับราคาค่าแฟรนไชส์นั้นตอนนี้ยังไม่ได้มีข้อสรุปแบบชัดเจน แต่เบื้องต้นคาดว่าราคาแฟรนไชส์ของมิสเตอร์โดนัทต่ำกว่าหนึ่งล้านบาท ส่วนอานตี้ แอนส์ อาจจะมีราคาสูงขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโมเดลรูปแบบ โดยแฟรนไชส์นี้จะมีในทุกฟอร์แมต
แล้วนอกจากนี้ ธุรกิจเบเกอรี่และเครื่องดื่มของ CRG ปรับกลยุทธ์เพื่อเติบโตอย่างไร New format ด้วยโจทย์หลักของยุคนี้ คือทำอย่างไรจึงจะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ในทุกที่และให้บริการได้ง่ายที่สุด เพื่อเร่งสร้างยอดขาย และตอบเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เดินทางหรือออกนอกบ้านน้อยลง จึงเพิ่มหลากหลายโมเดล และเอื้ออำนวยต่อธุรกิจในรูปแบบใหม่ซึ่งก็คือเดลิเวอรี่และออมนิชาแนลทั้ง – Shop Standalone – Delco มีแผนการขยายธุรกิจ 50-70 สาขา โดยจะเน้นการเปิดสาขาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นในปั๊มน้ำมัน, ไทวัสดุ เป็นต้น – Mobile Tuk Tuk เน้นขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ ๆ และเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าตลาดใหญ่ ๆ โรงเรียน มหาวิทยาลัย New channel รุกช่องทางออนไลน์และเจาะกลยุทธ์ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง โฟกัส O2O เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านอีคอมเมิร์ซและระบบแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำต่าง ๆ เช่น JD Central, Shopee และ LAZADA รวมไปถึงช่องทาง C2C หรือ Customer to Customer ซึ่งเป็นช่องทางใหม่ แบบผู้บริโภคไปยังผู้บริโภคที่สามารถขยายและต่อยอดการขายในวงกว้างมากขึ้น โดยใช้กลยุทธ์เปิด ร้านขายบนแพลตฟอร์มของตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับสิทธิ์จาก ซีอาร์จี ทั้งการขายปลีกและการขายส่ง โดยเริ่มจากพนักงานในเครือของ CRG ก่อน New occasion ต่อยอดเมนูเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และเข้าถึงง่าย อาทิ เมนู Grab & Go, เทคโฮม และสินค้าพร้อมรับประทาน อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
|