ข้อดี ข้อเสียของสื่อวิทยุ โทรทัศน์

       ปัจจุบัน รูปแบบต่างๆ ซับซ้อนมากขึ้นด้วยเทคโนโลยี เช่น เราอาจดูช่องไทยพีบีเอส ซึ่งโดยปกติเป็นฟรีทีวี ที่รับชมได้ด้วยเสาหนวดกุ้ง แต่วันนี้ ก็ดูผ่านกล่องที่ต่อกับสายเคเบิล แล้วต้องจ่ายรายเดือนได้ ซึ่งช่องรายการนี้เป็นบริการสาธารณะ ในระดับชาติ ออกอากาศด้วยระบบอนาล็อก เป็นต้น

       การเลือกรับชมทีวีต้องดูที่ความต้องการ และข้อดี-ข้อด้อยของทีวีแต่ละประเภท เพราะปัจจุบัน มีบริการให้เลือกมากมาย โดยอาจตั้งคำถามกับตัวเองว่า

  1. ต้องการให้มีช่องรายการอะไรบ้าง ชอบดูละคร กีฬา สารคดี หรือรายการประเภทใด ก็เลือกรับบริการที่มีช่องรายการต่างๆ นั้น
  2. ในพื้นที่มีบริการอะไรให้เลือกบ้าง เพราะในบ้างพื้นที่ก็มีข้อจำกัดของสัญญาณภาคพื้นดิน ไม่สามารถใช้เสาหนวดกุ้ง/ก้างปลาได้คมชัด
  3. เต็มใจจะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้หรือไม่ และสะดวกจ่ายเงินแบบไหน เพราะบริการของเคเบิลทีวี หรือกล่องรับสัญญาณดาวเทียมบางราย ดูได้ฟรีไม่กี่ช่อง ถ้าจะดูเพิ่มก็เสียค่าใช้จ่าย

เสพสื่อวิทยุ โทรทัศน์ สื่อออนไลน์ มีข้อดีหรือข้อเสียมากกว่ากัน?

ผมอยู่ในวัยทำงาน

แต่ก่อนผมตื่นนอนก็ต้องเปิดทีวี เปิดมือถือ เปิดวิทยู ดูเป็นประจำ พอแต่งตัวเสร็จจะไปทำงานก็ขับรถต้องเปิดวิทยุฟังไปด้วย วันๆเสพสื่ออะไรต่ออะไรมากมาย
ส่วนตัวก็มีเหตุผลคงไม่ต่างจากคนส่วนใหญ่นัก คือเพื่อความบันเทิง เพื่อการติดต่อสื่อสารในหมู่เพื่อนและที่ทำงาน เพื่อโลกทัศน์ที่กว้างและจะได้ไม่ตกข่าว แล้วก็เพราะก็มันว่างนิไม่มีไรทำก็ขอเปิดมือถือสักหน่อย

สักพักใหญ่แล้วที่ผมสังเกตตัวเองว่าใช้อุปกรณ์สื่อสารเหล่านี้มากเกินไป แต่จริงๆก็ไม่ได้กระทบต่องานและการดำเนินชีวิตหรอกครับ แต่เพียงมีคำถามให้ตัวเองเท่านั้นว่า ทำไมผมต้องใช้หรืออาศัยสิ่งเหล่านี้ในการดำเนินชีวิตจริงเหรอ

คำถามที่ผมถามตัวเองคือ
1. การเสพสื่อเหล่านี้สร้างประโยชน์อะไรให้แก่ตัวผมเองบ้างไหม ... คำตอบสำหรับผมคือ ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรสำหรับผม (แต่ถ้าคุณใช้ประกอบอาชีพก็คงจำเป็น)
2. การเสพสื่อทำให้ผมใช้เวลาในแต่ละวันมากน้อยแค่ไหน ... คำตอบคือ พอสมควรเลยนะ บางวันก็ 1-2 ชั่วโมง บางวันก็ 5-6 ชั่วโมง
3. การเสพสื่อทำให้เกิดผลไม่ดีกับคุณ หรือคนใกล้ตัวคุณอย่างไร .... คำตอบ คือ ส่วนตัวผมเคยดูละครที่ชัดเจนมากคือทำให้ผมฟุ้งซ่านและหลงใหลไปกับเนื่อหาละคร แต่โดยสรุปง่ายๆคือทำให้ฟุ้งซ่านและพอกพูนความอยากได้อยากมีอยากเป็นให้มากขึ้น
4. สื่อเหล่านี้ได้ประโยชน์อะไรจากเราเหรอ ... คำตอบคือ คงเป็นค่าโฆษณา และอื่นๆจิปาถะ คุณไม่เคยคิดสังเกตบ้างเหรอว่า ทำไมรายการวิทยุดังๆ มีรางวัลมากมาย มีทริปเที่ยวต่างประเทศสุดหรูให้คุณฟรีๆ ... จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ที่แน่ๆคือสิ่งเหล่านี้กระตุ้นให้คุณมีความอยากมากขึ้นโดยรู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง เป็นต้น
5. สื่อเหล่านี้สร้างผลกระทบต่อคนในสังคมคุณมากน้อยแค่ไหน ... คำตอบคือ คุณลองมองรอบๆตัวคุณตอนนี้ซิ หรือตอนที่คุณออกสู่ที่สาธารณะคุณก็จะตอบได้ไม่ยากว่าส่งผลอย่างไร ทั้งในแง่การงานความรับผิดชอบ ทั้งในแง่ส่วนตัว และในแง่ของสังคม

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ผมว่าใครๆก็น่าจะสังเกตเห็นได้ และวิเคราะห์ได้ สำหรับคนวัยทำงาน แต่สิ่งที่น่ากังวลคือเด็กและวัยรุ่น หรือแม้แต่เด็กวัยมหาวิทยาลัยที่มีวุฒิภาวะและความคิดเห็นในระดับหนึ่ง เค้าจะเป็นอย่างไร หากสื่อเหล่านี้ยังคงวิ่งเข้าหาอนาคตของชาติมากมาย

ทั้งหมดนี้คงเป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ว่า ทำไมคนในสังคมเมืองจึงใช้ชีวิตแบบพอเพียงไม่เป็น ทำไมหนี้ครัวเรือนสูงมากขึ้นทุกๆปี ทำไมปัญหาสังคมอาชญากรรมมากมาย ทำไมปัญหาครอบครัวไม่ลดลง ทำไมปัญหาตั้งครรภ์ในวัยรุ่นมีมากที่สุดในโลก ทำไมนักเรียนไทยมีคุณภาพต่ำมากเมื่อเทียบกับภูมิภาคนี้

ส่วนตัวผมเองมีวิธีปรับชีวิตง่ายๆ เผื่อท่านใดอยากลองลดละเลิกการเสพสื่อบ้าง
1. ผมจะไม่ใช้  Sim ที่สามารถ Access wifi , edge, 3G, 4G ใดๆได้เลย ดังนั้นมือถือผมจะสามารถเป็นแค่โทรศัพท์จริงๆเท่านั้น
2. ผมจะเปิดใช้ Wifi เฉพาะที่บ้านและที่ทำงานเท่านั้น โดย Wifi ที่บ้านจะต้องปิดการใช้งานก่อนนอน 1-2 ชั่วโมง
3. การใช้ FB และ Scoical network อื่นๆ (ยกเว้น Line) จะปิดการใช้งานทั้งหมดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตอนนี้ผมเหลือแต่ FB  ซึ่งไม่ได้เปิดเข้ามาเป็นสัปดาห์ล่ะ ส่วน Line ผมต้องใช้ในการทำงานอยู่จึงเป็นประโยชน์สำหรับผมอยู่
4. โทรทัศน์ดูเฉพาะรายการข่าวบางรายการและบางช่องเท่านั้น

เรื่องเหล่านี้คงไม่ได้มีเหตุผลและคำตอบถูกผิดสำหรับทุกๆคนที่เหมือนหรือคล้ายกันได้ ด้วยบริบทที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เป็นจุดมุ่งหมายที่เป็นอันเดียวกัน คือ อนาคตของประเทศและสังคมไทยจะเป็นอย่างไร หากสื่อทั้งหลายเหล่านี้ ยังมีแต่เรื่องความรัก ความใคร่ ความอยากได้อยากมีอยากเป็นที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ผู้ผลิตรายการและสื่อทั้งหลายเหล่านี้ ก็คงเสพสื่อต่างๆมากกว่าผมอย่างแน่นอน ซึ่งแน่นอนท่านทั้งหลายย่อมได้เสพสื่อที่ดีและมีคุณภาพจริง แม้ว่าบางเรื่องที่นำเสอนเรื่องความรักแต่ก็เป็นรักที่ถูกศีลธรรมและสร้างสรรค์ ผมขอยกตัวเอย่างสักเรื่อง The Wind Rises เป็นต้น แต่ในสังคมไทยมีแต่สื่อที่นำเสนอความรักความใคร่ของคนร่ำรวยล้นฟ้า กับคนยากจน หรือ ความรักใคร่ของผู้ที่ผิดทำนองคลองธรรม หรือความรักของเพศที่สาม แม้ว่าคุณในฐานะผู้คิดสร้างสื่อเหล่านี้จะให้เหตุผลว่านี่คือ แง่มุมด้านมืดที่สังคมควรรับรู้ หรือเหตุผลเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ... เหล่านี้เป็นเหตุผลที่แท้จริงหรือไม่ หรือด้วยเหตุผลอื่น ...

หากผู้ผลิดรายการต่างๆ เป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นผู้ที่หวังดีต่อสังคมอย่างแท้จริง ท่านลองพิจารณา

แต่เราฐานะผู้บริโภคก็ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบตัวเอง ครอบครัวตนเองด้วย โดยการสร้างภูมิคุ้มกันและความคิดอ่านในการรับสื่อต่างๆเหล่านี้ด้วยเช่นกัน