ดังกล่าวนั่นเองหรือพูดให้ง่ายขึ้นมาหน่อยก็คือ หากเปรียบความรู้เป็น ” กับข้าว ” อย่างหนึ่งแล้ว Active learning ก็คือ ” วิธีการปรุง ” กับข้าวชนิดนั้น ดังนั้นเพื่อให้ได้กับข้าวดังกล่าว เราก็ต้องใช้วิธีการปรุงอันนี้แหละแต่ว่ารสชาติจะออกมาอย่างไรก็ขึ้นกับประสบการณ์ความชำนาญ ของผู้ปรุงนั่นเอง ( ส่วนหนึ่งจากผู้สอนให้ปรุงด้วย ) Show
“เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย โดยการร่วมมือระหว่างผู้เรียนด้วยกัน ในการนี้ ครูต้องลดบทบาทในการสอนและการให้ข้อความรู้แก่ผู้เรียนโดยตรงลง แต่ไปเพิ่มกระบวนการและกิจกรรมที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการจะทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น และอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยการพูด การเขียน การอภิปรายกับเพื่อนๆ” กระบวนการเรียนรู้ Active Learning ทำให้ผู้เรียนสามารถรักษาผลการเรียนรู้ให้อยู่คงทนได้มากและนานกว่ากระบวนการเรียนรู้ Passive Learning เพราะกระบวนการเรียนรู้ Active Learning สอดคล้องกับการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำ โดยสามารถเก็บและจำสิ่งที่ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม มีปฏิสัมพันธ์ กับเพื่อน ผู้สอน สิ่งแวดล้อม การเรียนรู้ได้ผ่านการปฏิบัติจริง จะสามารถเก็บจำในระบบความจำระยะยาว (Long Term Memory) ทำให้ผลการเรียนรู้ ยังคงอยู่ได้ในปริมาณที่มากกว่า ระยะยาวกว่า ซึ่งอธิบายไว้ ดังรูป จากรูปจะเห็นได้ว่า กรวยแห่งการเรียนรู้นี้ได้แบ่งเป็น 2 กระบวนการ คือ กระบวนการเรียนรู้ Passive Learning
การบวนการเรียนรู้ Active Learning
ลักษณะของ Active Learning (อ้างอิงจาก :ไชยยศ เรืองสุวรรณ)
บทบาทของครู กับ Active Learning ณัชนัน แก้วชัยเจริญกิจ (2550) ได้กล่าวถึงบทบาทของครูผู้สอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางของ Active Learning ดังนี้ รูปแบบการสอนทุกวันนี้เรียกได้ว่าเปิดกว้างขึ้นมาก ๆ เด็ก ๆ ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ผ่านตำรา หรือเรียนในห้องเรียนแต่เพียงเท่านั้น แต่สามารถเรียนรู้แบบบูรณาการได้หลากหลายรูปแบบเพื่อให้ผู้เรียนรู้สึกมีความสุขและสนุกสนานไปกับการเรียนมากยิ่งขึ้น ในปัจจุบันเองมีปรัชญา ทฤษฎี หลักการ แนวคิดในการสอนหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ หนึ่งในแนวคิดทางการศึกษาที่เป็นที่นิยมและคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยได้ยินผ่านหูกันมาก่อนก็คือการจัดการเรียนรู้ที่ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริง หรือที่เรียกว่า Learning by doing วันนี้พี่ TIgo เลยอยากพาคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านมาทำความรู้จักกับรู้และทำความเข้าใจรูปแบบการเรียนการสอนแนวนี้มากยิ่งขึ้นกันครับ บทความนี้มีเนื้อหาอะไรบ้าง ?การเรียนรู้โดยการลงมือทำคืออะไร?เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ คือ แนวคิดการเรียนการสอนที่สนับสนุนให้ผู้เรียนได้ลงมือกระทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง ผ่านการทำการทำกิจกรรม การลงมือปฏิบัติจริงในสภาพแวดล้อมจริง ได้ฝึกคิด ฝึกทำ ฝึกปฏิบัติ ฝึกทักษะ ไปจนถึงค้นคว้าในสิ่งที่ตนเองสนใจหรือถนัดด้วยตนเอง เพื่อใช้เป็นแรงจูงใจและมีความสุขในการเรียน การเรียนการสอนในรูปแบบนี้ผู้สอนจะลดบทบาทของตัวเองในการสอนและการให้ความรู้กับผู้เรียนโดยตรงลงแล้วเปลี่ยนมาสนับสนุน เพิ่มกระบวนการและกิจกรรมที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการจะทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น การเรียนแบบลงมือทำมีที่มาอย่างไร?สำหรับแนวคิดการเรียนแบบการสอนแบบ เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ เป็นแนวคิดที่มาจาก จอห์น ดิวอี้ (John Dewey) นักปรัชญาชาวอเมริกัน ที่เชื่อว่า “มนุษย์จะต้องปรับตัวเพื่อให้ชีวิตอยู่รอด” สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญและจะ ต้องนำไปใช้เป็นแนวคิดของการจัดการศึกษา ที่ต้องเน้นฝึกให้มนุษย์แก้ปัญหา เพื่อให้เกิดการเรียนรู้จากการกระทำ นอกจากนี้ต้องได้ฝึกปฏิบัติ ฝึกคิด ฝึกลงมือทำ ฝึกทักษะกระบวนการต่างๆประสบการณ์ที่มนุษย์พบหรือเผชิญ มีอยู่ 2 ประเภทดังนี้
หลักการทฤษฎีเรียนผ่านการลงมือทำมีลักษณะอย่างไร?ลักษณะสำคัญของหลักทฤษฎี Learning by doing นั้นก็แปลได้ตรงตัวตามชื่อเลย คือการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยการเรียนรู้ด้วยตนเองนี้คือการที่ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ เกิดความสัมพันธ์โดยตรงกับสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ โดยผู้เรียนจะเกิดความรู้ขึ้นได้เมื่อได้ลงมือทำ และทั้งหมดนี้เป็นหลักการปรัชญาแบบ John Dewey ซึ่ง สรุปได้ว่าคนเราจะสามารถเรียนรู้ได้ดีที่สุดจากการที่ได้ลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง วิธีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองได้ แบ่งเป็น 4 ขั้นตอน
การเรียนแบบลงมือทำมีประโยชน์ต่อเด็กอย่างไร?สำหรับประโยชน์ที่เด็กๆ จะได้รับจากการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง คือการที่เด็กๆ จะได้เรียนรู้จากการกระทำของตนเอง ได้ลองผิดลองถูกเพื่อให้เกิดองค์ความรู้ที่มีแต่ตัวเด็กๆ เองท่านั้นที่จะสามารถเข้าใจได้ เป็นการสร้างเสริมประสบการณ์แบบที่ผู้ใหญ่ไม่สามารถหยิบยื่นให้ได้ อีกหนึ่งประโยชน์ที่สำคัญคือ เมื่อเด็กๆได้เรียนรู้ด้วยตนเอง อีกสิ่งหนึ่งที่ได้เพิ่มมาคือการได้สร้างความมั่นใจจากการลงมือทำสิ่งต่างๆ โดยความมั่นใจนี้เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะส่งผลดีต่อการเรียนรู้ในระยะยาวของตัวเด็กเอง พ่อแม่จะนำการสอนแบบลงมือทำนำไปปรับใช้ได้อย่างไร ?การเรียนรู้ด้วยตนเองนั้นเป็นสิ่งที่พ่อแม่สามารถนำไปใช้ได้ ทั้งคุณพ่อคุณแม่ที่ส่งเด็ก ๆ เข้าโรงเรียน ใช้ดูแลเด็ก ๆ ระหว่างอยู่บ้านเรียนออนไลน์ หรือคุณพ่อคุณแม่ที่ให้เด็กเรียนแบบ Home School โดยอาจเริ่มต้นจากการทำสิ่งต่างๆ รอบตัวในชีวิตประจำวัน อย่างเช่นการล้างจาน พ่อแม่อาจจะเริ่มจากการให้ลูกยืนดู เพื่อให้เขาได้สำรวจ จากนั้นให้เขาช่วยล้างจานเพื่อให้เขาได้ทดลอง หลังจากนั้นเราก็ปล่อยให้เขาได้ทำเอง ได้ลองเก็บจากโต๊ะกินข้าว เริ่มทำขั้นตอนทุกอย่างด้วยตนเอง ให้เขาได้ค้นหาว่านอกจากวิธีการล้างจานแบบที่พ่อแม่ทำให้เขาดูนั้น เขาสามารถล้างจานด้วยวิธีอื่นอีกได้หรือไม่ ถ้าล้างจานโดยไม่ล้างน้ำเปล่าเลยจานจะสะอาดหรือเปล่า ถ้าล้างจานโดยไม่เขี่ยเศษอาหารทิ้งก่อนอ่างล้างจานจะสกปรกหรือไม่ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวสามารถเป็นองค์ประกอบของการเรียนรู้ด้วยตนเองได้ทั้งหมด โดยที่พ่อแม่แค่คอยแนะนำแนวทางให้เด็กๆ เท่านั้นเอง รูปแบบการเรียนแบบนี้เรียกได้ว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยใช่มั้ยครับ ที่ LingoAce เองก็มองเห็นถึงความสำคัญในเรื่องของการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริงเช่นเดียวกัน เราจึงออกแบบและตั้งใจปรับเปลี่ยนวิธีการสอนให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม ได้ซึมซับและมีส่วนร่วม และลงมือทำ บนระบบ Gamification และ Interactive ผ่านการสอนแบบ Immersive Learning และ TPR Teaching ให้ผู้เรียนเข้าใจภาษาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผ่านการลงมือทำ โต้ตอบในสถานการณ์จำลองกับเจ้าของภาษา สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนอยากให้น้อง ๆ เรียนแบบสนุก ไม่เครียด ได้ลงมือทำจริงแบบนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Line: @lingoace หรือ ลงทะเบียนรับสิทธิ์ทดลองเรียนครั้งแรกฟรี เกร็ดน่ารู้ทำไมการเรียนแบบ เรียนรู้ผ่านการลงมือทำจึงได้ผล เพราะผู้เรียนได้ลงมือกระทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเองในสิ่งที่สนใจและตัวเองชอบ จึงมีแรงจูงใจในการเรียนและมีความสุขในการเรียนมากกว่า นอกจากนี้การฝึกลงมือทำยังช่วยก่อให้เกิดประสบการณ์ ความรู้ใหม่ และมั่นใจซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งผลดีต่อการเรียนรู้ในระยะยาว เรียนรู้ผ่านการลงมือทำเหมาะกับเด็กอายุเท่าไหร สำหรับรูปแบบการเรียนการสอนแบบลงมือทำคุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มนำไปหรับใช้ได้ดีที่สุดในช่วงวัยที่เด็ก ๆ เริ่มเข้าโรงเรียนแรียนแล้วซึ่งก็คืออายุราว ๆ 3 – 4 ปี เพราะถึงตอนนั้นเด็ก ๆ จะเริ่มเข้าใจคอนเซปต์ต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น ข้อควรระวังในการเรียนแบบ เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ มีอะไรบ้าง การจัดการเรียนรู้โดยให้เด็กได้ลงมือกระทำนั้น นั้นเป็นสิ่งสำคัญผู้สอนจะต้องสนใจธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก และลักษณะของกิจกรรมซึ่งควรสอดคล้องกัน พร้อมที่จะส่งเสริมให้เด็กได้ลงมือกระทำผ่านสิ่งที่เด็กถนัดหรือสนใจ ทฤษฎี Active Learning เป็นของใครสำหรับแนวคิดการเรียนแบบการสอนแบบ เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ เป็นแนวคิดที่มาจาก จอห์น ดิวอี้ (John Dewey) นักปรัชญาชาวอเมริกัน ที่เชื่อว่า “มนุษย์จะต้องปรับตัวเพื่อให้ชีวิตอยู่รอด” สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญและจะ ต้องนำไปใช้เป็นแนวคิดของการจัดการศึกษา ที่ต้องเน้นฝึกให้มนุษย์แก้ปัญหา เพื่อให้เกิดการเรียนรู้จากการกระทำ นอกจาก ...
ทฤษฎี Active Learning มีอะไรบ้าง1. แบบระดมสมอง (Brainstorming) 2. แบบเน้นปัญหา/โครงงาน/กรณีศึกษา (Problem/Project-based Learning/Case Study) 3. แบบแสดงบทบาทสมมุติ(Role Playing) 4. แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think – Pair – Share) 5. แบบสะท้อนความคิด (Student's Reflection) 6. แบบตั้งคาถาม (Questioning-based Learning) 7. แบบใช้เกม (Games-based Learning)
แอคทีฟเลินนิ่งคืออะไรActive Learning คือกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ลงมือกระทาและได้ใช้กระบวนการ คิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้กระทาลงไป (Bonwell, 1991) เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภายใต้สมมติฐานพื้นฐาน 2 ประการคือ 1) การเรียนรู้เป็นความพยายามโดยธรรมชาติของมนุษย์, และ 2) แต่ละบุคคลมีแนวทางในการ เรียนรู้ที่แตกต่างกัน (Meyers and Jones, ...
การจัดการเรียนการสอนแบบActive Learning มีความสําคัญอย่างไรรูปแบบการเรียนรู้แบบนี้จะสามารถทำให้ผู้เรียนรักษาผลการเรียนรู้ได้อยู่คงทน และเก็บเป็นระบบความจำในระยะยาว การเรียนรู้จะเป็นไปอย่างมีความหมายโดยเกิดจากความร่วมมือกันระหว่างครูและผู้เรียน ส่งผลให้เกิดความรู้ ทักษะ และเจตคติที่ดี อันจะนำไปสู่การเกิดสมรรถนะที่สำคัญตามเป้าหมายของแต่ละวิชา
|