มิ้นท์ i roam alone ประวัติการศึกษา

วันที่ 21 ก.พ. 2558 เวลา 12:19 น.

โดย...รอนแรม ภาพ... มณฑล กสานติกุล

ตัวคุณเองหรือเพื่อนในเฟซบุ๊กอาจติดตามเพจI Roam Alone เธอคือ มิ้นท์-มณฑล กสานติกุล หญิงสาววัย 27 ปี ที่ฝันอยากไปรอบโลก เธอเคยเป็นไข่ในหินเคยอ่อนต่อโลก เคยบ้าแบรนด์เนม และเคยเที่ยวกับเพื่อนแต่การเดินทางคนเดียวทำให้สาวคนนี้เปลี่ยนไป เธอเข้าใจคำว่า “ความสุข” และ “ชีวิต” มากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ

อาชีพปัจจุบันของเธอคือ นักเดินทาง ทำมาตั้งแต่อายุ 24 ปี และยังไม่มีทีท่าจะคิดลาออก ออกเดินทางท่องโลกแล้วประมาณ 80 ประเทศ สั่งสมประสบการณ์มากมายและเป็นแรงบันดาลใจให้คนอย่างน้อย 5.5 หมื่นคน ในเฟซบุ๊กคิดกล้าเดินทางคนเดียว

I Roam Alone

ที่มาของ I Roam Alone เกิดขึ้นครั้งแรกตอนอายุ 24 ปี เป็นช่วงที่เธอเครียดจัดหลังจบปริญญาโทและรู้สึกอยากทำบางสิ่งให้สุดกู่สักครั้ง เธอจึงเก็บกระเป๋าและซื้อตั๋วบินเดี่ยวไปเกาะอะซอเรส ประเทศโปรตุเกส ไปดูปลาวาฬ ดำน้ำ ว่ายน้ำกับปลาโลมา ตอนนั้นเธอรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ผจญภัย แต่ในชีวิตจริงเธอไม่ได้เจอเพียงความสนุกตื่นเต้น แต่ยังพบกับความกลัวตัวคนเดียว

“ตอนนั้นมิ้นท์ถูกเลี้ยงมาแบบไข่ในหิน มันเป็นครั้งแรกที่รู้จักกับความเลวร้าย” เธอได้เล่าประสบการณ์ถูกไล่ออกจากที่พักให้ฟัง ซึ่งทำให้เธอกลัวการเดินทางคนเดียวไปพักใหญ่เธอกล่าวว่า เวลาเดินทางคนเดียวเราไม่มีแผนบี มีแต่ตัวเราที่เป็นแผนเอ ไม่มีคนช่วย เวลามีปัญหาอะไร เราก็ต้องจัดการเอง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราเท่านั้น ซึ่งทักษะการเอาตัวรอดและการแก้ปัญหาจะเก่งขึ้นเมื่อเดินทางไปเรื่อยๆ เพราะเราจะได้เรียนรู้วิธีจัดการกับปัญหาและรู้ว่าอะไรคือถูกหรือผิด

มิ้นท์เดินทางทุกเดือนมาตลอด 4 ปี จนรู้สึกอยากหาสิ่งที่ท้าทายกว่าและยากกว่า ตอนนี้เธอจึงหันมาปีนเขา กิจกรรมท้าทายที่ทำให้ไม่ต้องเดินทางคนเดียว

ท้าความกลัว

ชีวิตคือความท้าทาย เธอกล่าวเช่นนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องหาที่ที่มันยากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างล่าสุดเธอเพิ่งกลับมาจากเขา “ซีกู่เหนียง” ประเทศจีน จุดหมายที่เธอยกให้ “โหด”ที่สุดในชีวิต

“เป็นครั้งแรกที่รู้จักกับความกลัว” ทริปปีนเขาซีกู่เหนียงทำให้เธอถึงขั้น “ผิดหวัง” ในตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมความกลัวได้ ซึ่งเรื่องราวครั้งนั้นถูกเผยแพร่ไปในเพจ I Roam Alone เป็นที่เรียบร้อย กล่าวโดยสังเขปคือ เธอได้เดินทางไปพิชิตยอดเขายอดที่ 3 ของซีกู่เหนียงพร้อมกับนักปีนเขามืออาชีพ ประเด็นอยู่ที่ต้องออกเดินตั้งแต่ตี 2 ครึ่ง บนความสูง 4,000 ม. จากระดับน้ำทะเล ท่ามกลางความหนาวเย็นอุณหภูมิติดลบต่ำกว่า -15 องศาเซลเซียส บนทางเดินที่กว้างพอดีแค่เท้า เธอเป็นคนกลัวความสูงและความมืด การเดินจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เธอพยายามต่อสู้กับความกลัว แต่สำหรับประสบการณ์ครั้งแรกทำให้เธอใจเสียและกลัวมาก

“มันเป็นเรื่องของความกลัวล้วนๆ” เธอกล่าว เพราะไม่เคยเจอเส้นทางโหดแบบนี้มาก่อนในชีวิต ทำให้ไม่มีสิ่งเปรียบเทียบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันแย่หรือยังไม่แย่ เธอต้องเดินต่อไป เดินไปเรื่อยๆ พร้อมสภาพจิตใจที่พังไปแล้ว จนกระทั่งวันสุดท้ายที่ต้องตะเกียกตะกายปีนสู่ยอดเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้น เธอสามารถทำได้เป็นคนแรกผู้พิชิตความสูง 5,000 ม. “แต่ก็ยังรู้สึกผิดหวังในตัวเอง”” เพราะเธอสามารถทำได้ดีกว่านี้และน่าจะควบคุมความกลัวได้ดีกว่านี้

กิจกรรมปีนเขาต้องมีทีมที่ดี เพราะมันคือชีวิต มันคือความเสี่ยงต่อความตาย และมันคือความช่วยเหลือกันและกันระหว่างทาง และด้วยความเสี่ยงกับชีวิตทำให้เธอเรียนรู้ชีวิต เธอกล่าวว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะก้าวพลาด แล้วเราก็หล่น และเราก็ตาย ดังนั้นเราต้องรู้ตัวว่าเมื่อไรต้องถอย กลับมาเริ่มต้นใหม่ ล้มแล้วลุก อีกทั้งมันยังทำให้เธอต่อสู้กับสัญชาตญาณ ทำให้จิตใจเข้มแข็งมากขึ้น และรู้จักใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น

เพื่อนเที่ยว

จริงอยู่ที่การปีนเขาต้องมีทีม แต่การเดินทางท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนร่วมทางเสมอไป เธอกล่าวด้วยว่า การหาเพื่อนเที่ยวที่ชอบเหมือนกันกับเราทุกอย่างมันลำบาก ส่วนใหญ่แล้วเวลาไปกับเพื่อนเราก็จะทำตามอย่างที่เพื่อนอยากทำ ซึ่งการจะรู้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร “เราต้องเดินทางคนเดียว” เธอยกตัวอย่างตัวเอง สมัยก่อนเธอคิดว่าตัวเองชอบเข้าพิพิธภัณฑ์ เพราะเป็นเด็กจากคณะอักษรศาสตร์ แต่พอได้เดินทางคนเดียวจึงรู้ว่ามันไม่ใช่กิจกรรมที่เธอชอบ มันทำให้เธอรู้ว่าตัวตนจริงๆ เป็นแบบไหน กลัวอะไร เธอได้วิจารณ์สังคมออนไลน์สมัยนี้ด้วยว่าเป็นยุคที่ไม่มีใครจะนั่งนิ่งๆแล้วคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำไปอีกแล้ว แต่การเดินทางมันทำให้มีเวลาอยู่กับตัวเอง ได้คิดย้อนกลับไปว่าเวลาเราเดินทางมาถึงจุดนี้ มันเป็นจุดที่เราชอบแล้วหรือยัง มีอะไรที่เราอยากทำอีกไหม และความสุขของเราคืออะไร

ความสุขของเธอคือ I Roam Alone หมายถึง การเดินทางคนเดียวและเป็นแรงบันดาลใจให้หญิงสาวกล้าออกเดินทาง ข้ามพ้นข้อจำกัดในชีวิตอย่างที่เธอเคยผ่านมาแล้ว

“สมัยก่อนมิ้นท์ติดแบรนด์เนม มีข้อจำกัดในชีวิตเยอะมากแต่พอเดินทางเรื่อยๆ เราก็จะปล่อยสิ่งนี้ไป เพราะเรารู้ว่าของที่สำคัญจริงๆ ก็คือ เป้บนหลังเรานี่แหละ มันได้ปล่อยวาง กลายเป็นว่าเรามีความสุขมากขึ้น ถ้าน้องๆ เขาเดินทางต่อไปเรื่อยๆ เขาก็จะพบความสุขอย่างที่มิ้นท์พบในวันนี้”

เธอยังค้นพบความจริงที่ว่า “ความสุขที่แท้จริงไม่ใช่การมีทุกอย่าง แต่คือมีความสุขกับอะไรบางอย่างแค่นี้ก็พอแล้ว” ซึ่งยิ่งเดินทางมากเท่าไรก็ยิ่งเห็นความสุขง่ายขึ้นเพียงมองรอบตัว

โลกของมณฑล

หากเธอมีโลกของตัวเอง 1 ใบ เธออยากให้โลกนั้นมีทางเดินป่าแทนห้างสรรพสินค้า แล้วให้ร้านขายของแบรนด์เนมกลายเป็นร้านขายอุปกรณ์เอาต์ดอร์ โลกใบนั้นจะได้มีนักปีนเขา และมีความสุขกับการท้าทายตัวเอง

  • TAGS :
  • มณฑล กสานติกุล
  • ท่องเที่ยว
  • โลกของฉัน

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก