สำหรับผู้เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษที่ทักษะการฟังยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่นั้น หลายครั้งที่เราจะต้องถามคู่สนทนาว่า ไม่ทราบ ตะกี้คุณพูดว่าอะไรนะ ช่วยพูดซ้ำอีกทีได้ไหมคะ ช่วยสะกดให้หน่อยได้ไหมครับ ไม่ทราบว่าคุณหมายถึงอะไร ฯลฯ ซึ่งเป็นบทสนทนาที่ใช้ในชีวิตประจำวันที่ เราจะต้องหัดเรียนรู้และฝึกฝนเพื่อพัฒนาความสามารถทางภาษาอังกฤษให้ดียิ่งขึ้น วันนี้ทางศูนย์การแปลทีไอเอสฯ จะมาแนะนำประโยคและวลีที่เป็นประโยชน์ต่างๆ ดังนี้
บทสนทนาเกี่ยวกับการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน:
Can you speak English? / คุณพอพูดภาษาอังกฤษได้ไหมครับHow long have you been learning English? / คุณเรียนภาษาอังกฤษมานานแค่ไหนแล้วน้อ
Could you speak up a little, please? / ช่วยพูดดังขึ้นอีกนิดได้ไหมครับ
Could you please say that again? / ช่วยพูดอีกทีได้ไหมครับ
Could you please repeat that? / ช่วยพูดซ้ำอีกครั้งได้ไหมค่ะ
Would you mind spelling that for me? / รบกวนช่วยสะกดให้หน่อยได้ไหมครับ
How do you pronounce this word? / คำนี้อ่านออกเสียงยังไงนะคะ
What do you mean by this? / ไม่ทราบคุณหมายถึงอะไรคะ
I’m sorry, what do you mean? / ขอโทษทีค่ะ ไม่ทราบหมายถึงอะไรนะคะ
ถ้าคิดว่าบทความนี้ประโยชน์ อย่าลืมฝากกด Like กด Share ไปให้เพื่อนๆ ด้วยน๊า
What is this thing called in English? / อันนี้เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่าอะไรน้อI speak a little English. / ฉันพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย
I can speak English very well. / ฉันพูดภาษาอังกฤษได้ดีเชียวหล่ะ
Your English is excellent. / คุณพูดภาษาอังกฤษได้ดีงามมากเลย
I wish I could speak English fluently like you. / ผมอยากพูดภาษาอังกฤษได้คล่องเหมือนคุณจัง
Please speak slowly. / กรุณาพูดช้าๆ หน่อยค่ะ
Please repeat what you said. / ช่วยพูดอีกทีได้ไหมคะ
I’m afraid to speak English. / ฉันกลัวที่จะพูดภาษาอังกฤษอ่ะ
Sorry, my English is not quite good. / โทษทีนะ ภาษาอังกฤษฉันไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่
How often do you speak English? / คุณพูดภาษาอังกฤษบ่อยไหม
I can read English very well, but I can’t speak. / ฉันอ่านภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว แต่ฉันพูดไม่ได้
I would like to improve my English speaking. / ฉันอยากพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษให้ดีขึ้น
You have good pronunciation. / คุณออกเสียง (ภาษาอังกฤษ) ได้ดีเลยหล่ะ
หมายเหตุ: คำแปลภาษาไทยอาจมีการใช้สรรพนามในภาษาพูดบ้างเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
เรียนภาษาอังกฤษ ฟรี กับศูนย์การแปลทีไอเอส (ครบทุกตอน)
Tag: รับพากย์เสียงภาษาอังกฤษ | รับพากย์เสียง | นักพากย์คือคุณไบรอันภาพประกอบ: Pixabay
คุณสัจจา
ผู้ก่อตั้ง ผู้บริหารและผู้จัดการทั่วไปของศูนย์การแปลนานาชาติทีไอเอส ทรานสเลชั่น ผู้ที่มีประสบการณ์ในแวดวงการแปลมานับทศวรรษ คุณสัจจาเป็นผู้เชื่อในหลักการ "Lifelong Learning" การเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งเป็นผู้ที่ชอบไขว่คว้าหาความรู้ด้านต่างๆ บนโลกออนไลน์อย่างไม่หยุดหย่อน
just know ไม่ได้แปลว่า เพิ่งรู้ แต่หมายถึง รู้แค่ว่า เช่น
I just know that I'm in love with you!
ส่วน I never knew.... คือ ไม่เคยรู้มาก่อนว่า..
ซึ่งมีความหมายเดียวกันกับ เพิ่งรู้ เช่น
I never knew that you liked country music!
เพิ่งรู้ว่าคุณชอบเพลงลูกทุ่ง
I never knew that you were born in Thailand!
เพิ่งรู้ว่าคุณเกิดที่ประเทศไทย
I never knew that he was your brother!
เพิ่งรู้ว่าเค้าเป็นพี่/น้องชายของคุณ
นอกจากนั้นแล้วก็ยังสามารถใช้คำว่า
"just found out" ในความหมายว่า เพิ่งรู้ ได้เหมือนกัน เช่น
I just found out about that.
เพิ่งรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้น
I just found out he's coming to the event.
ฉันเพิ่งรู้ว่าเค้าจะมางานอีเวนต์
แต่ถ้าเป็น I've never known that... ก็จะหมายถึง ฉันไม่เคยรู้และยังไม่รู้ เช่น
I've never known why he decided to do that.
ฉันไม่เคยรู้และยังไม่รู้ว่าเค้าตัดสินใจทำเช่นนั้นเพราะอะไร
หรือแปลไทยเป็นไทยอีกทีว่า ฉันไม่รู้ว่าเค้าตัดสินใจทำเช่นนั้นเพราะอะไร
ส่วน You know? ที่ได้ยินบ่อยในภาษาพูด
ก็ใช้ในกรณีเดียวกันกับ นึกออกป้ะ ของภาษาไทย
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเราไม่ได้ตอบกลับไปว่า นึกออกครับ หรือ Yes, I know.
แต่ส่วนใหญ่ You know? เป็นคำที่เอาไว้ซื้อเวลาเพื่อคิดคำพูดต่อ
บางคนใช้เยอะไปจนมันน่ารำคาญนิดนึงแต่ถ้าใช้แบบพอประมาณก็ไม่เป็นไรครับ
ถ้าเติม never เข้าไปเป็น You never know. ก็หมายถึง คุณไม่มีวันรู้
ซึ่งมักจะใช้ในกรณีที่เราไม่แน่ใจว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะเกิดขึ้นหรือไม่ เช่น
You never know what's going to happen.
คุณไม่มีวันรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น
10 ประโยคเจ๋งๆ ในภาษาอังกฤษ ที่สามารถใช้แทนคำว่า ‘I dont know’ ได้
By ScholarShip ทุนเรียนต่อต่างประเทศ -
February 20, 2016
ในภาษาอังกฤษนั้น คำว่า ฉันไม่รู้ ไม่ได้มีแค่คำว่า ‘I don’t know’ เพียงเท่านั้น แต่ยังมีคำที่ใช้แทนคำนี้อีกเพียบ
เพื่อนๆคนไหนที่รู้สึกว่าตัวเองใช้ I don’t know บ่อยเกินไป.. ท่านผู้โดยสารสามารถเปลี่ยนเส้นทางไปใช้คำเหล่านี้ได้ค่ะ
1. I have no idea. ฉันไม่มีไอเดียเลย ไม่รู้จริงๆ
A: What time does the movie start?’
B: I have no idea.
เอ: หนังเริ่มกี่โมงหรอ?
บี: เราไม่รู้อะ
2. I’m not sure. ฉันไม่แน่ใจ
A: Do you know where is John’s new house?
B: I’m not sure.
เอ: เธอรู้ไหมว่าบ้านใหม่ของจอห์นอยู่ไหน?
บี: เราไม่แน่ใจอะ
3. Your guess is as good as mine. ประมาณว่า ฉันก็ได้แต่เดาพอๆกะเธอ
A: Do you think we will be able to book the restaurant for Friday?
B: Your guess is as good as mine.
เอ: เธอคิดว่าเราจะจองโต๊ะอาหารวันศุกร์ได้ไหม
บี: ฉันก็เดาๆเอาเหมือนเธออะ
4. Not as far as I know. เท่าที่รู้ก็ไม่นะ
A: Has Tom sold his Toyota? I haven’t seen him driving it for a long time.
B: Not as far as I know
เอ: ทอมขายโตโยต้าของเขายัง? ฉันไม่เห็นเขาขับรถคันนั้นมานานละ
บี: เท่าที่รู้ก็ไม่นะ
5. Beats me! ฉันยอมแพ้ ฉันไม่รู้
A: Why did he do such a stupid thing?
B: It beats me.
เอ: ทำไมเขาทำอะไรโง่ๆยังไงฮะ?
บี: ไม่รู้อะ ฉันยอมแพ้เลย
6. Don’t ask me! ไม่ต้องมาถามฉันเลย ฉันไม่รู้
A: How much does it cost to open a coffee shop?
B: Don’t ask me!
เอ: ถ้าจะเปิดร้านกาแฟต้องใช้เงินเท่าไหร่หรอ?
บี: อย่ามาถามฉันเลย ไม่รู้อะ
7. I’m not sure I’m the best person to answer that . ไม่แน่ใจว่าควรจะให้คำตอบได้หรือเปล่า
A: Do you think I could come to Peter’s birthday party?
B: Hmm…I’m not sure I’m the best person to answer that.
เอ: I’m not Sure I’m the best person to answer that
บี: ฮืมมม…. เราไม่แน่ใจอะ เราว่าเราไม่ควรให้คำตอบเธอได้อะ
8. That’s exactly what I’m seeking to answer . ไม่รู้เลย นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันกำลังหาคำตอบอยู่
A: Will we get to see Jessie tonight?
B: That’s exactly what I’m seeking to answer
เอ: พวกเราจะได้เจอเจสซี่ปะ?
บี: ไม่รู้เลยอะ นั้นแหละคือสิ่งที่ฉันกำลังหาคำตอบอยู่
9. I’ve been wondering that, too. ไม่รู้สิ ฉันก็กำลังสงสัยอยู่เหมือนกันเลย
A: Why is the traffic so bad today?
B: I’ve been wondering that, too.
เอ: ทำไมวันนี้รถติดจัง?
บี: ไม่รู้สิ ฉันก็กำลังสงสัยอยู่เหมือนกันเลย
10. Who knows? จะรู้ได้ยังไงล่ะ
A: What is Ben’s favorite color?
B: Who knows?!
เอ: รู้มั้ยว่าเบนชอบสีอะไร
บี: ใครจะไปรู้ล่ะ !?
ยิ่งเราใช้บ่อยเท่าไรก็จะยิ่งทำให้เราสามารถใช้ได้เป็นธรรมชาติมากขึ้นนะคะ การเลือกใช้ศัพท์ที่หลากหลายจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เพิ่มขึ้นในการใช้ภาษาอังกฤษของเราอีกด้วยค่ะ