วิธีใช้ adobe acrobat xi pro

Download เอกสารประกอบการฝ กอบรม Adobe Acrobat XI X Pro...

เอกสารประกอบการฝึกกอบรม อบรม เอกสารประกอบการฝึ AdobeAcrobat Acrobat XI X Pro Adobe Pro

ประสิทธิ์ คล่องงูเหลือม Technology Consultant Thai Photo and Print

Page 2

การ​แปลง​ไฟล์​​PDF​ ​วิธี​การ​แปลง​ไฟล์​​PDF​​เพื่อ​ใช้​ใน​สำ�นักงาน​

​ ​1​.​​แปลงโดยการ​สั่ง​พิมพ์​จาก​โปรแกรม​ต่าง​​ๆ​​​ ​ ​ ​การ​แปลง​ไฟล์​​PDF​​ด้วย​วิธนี​ ี้​​จะ​ต้อง​อาศัย​​Printer​​Driver​​ซึ่ง​ทำ�​หน้าที่​ได้​แปลง​ไฟล์​​PDF​​เช่น​​Adobe​​PDF​​ Printer​​ของ​​Adobe​ ​ ​2​.​แปลงโดยการ ​Drag​​and​​Drop​​หรือคลิก​-​ขวา​ที่​รูป​สัญลักษณ์​ไฟล์​งาน​​เพื่อ​แปลง​ไฟล์​​PDF​ ​ ​3​.​แปลง​โดยตรง​จาก​โปรแกรม​ทั่ว​ไป​ ​ ​ ​โดย​อาศัย​เครื่อง​มือ​ ​หรือ​คำ�​สั่ง​ที่​มี​อยู่​ใน​โปรแกรม​ ​หรือ​มี​การ​เพิ่ม​เครื่อง​เข้าไป​ใน​ภาย​หลัง​ ​เพื่อ​ใช้​ใน​การ​ แปลง​ไฟล์​​PDF​​เช่น​P​ DF​​Maker​​ที่​เพิ่ม​เข้าไป​ใน​โปรแกรม​ชุด​​Microsoft​​Office​ ​ ​4​.​แปลงจาก​โปรแกรม​หรือเครื่องมือสำ�หรับ​แปลง​ไฟล์​​PDF​​โดย​เฉพาะ​​เช่น​​โปรแกรม​​Acrobat​​Distiller​ ​ ​5​.​​แปลง​โดยตรง​จาก​โปรแกรม​​Adobe​​Acrobat​ ​ ​

​การ​แปลง​​PDF​​จาก​โปรแกรม​ชุด​​Microsoft​​Office​​(W ​ indows​)​โดยใช้ Adobe PDFMaker

​ ​ใน Windows ​เมื่อ​ทำ�การ​ติด​ตั้ง​​Adobe​​Acrobat​​เข้า​สู่​คอมพิวเตอร์​​จะมีการติดตั้งแถบเครื่องมือ​​Acrobat​​PDFMaker​​และเมนู Adobe PDF ไป​พร้อมกัน​​Acrobat​PDFMaker​​เป็น​​Macro​​ที่​ทำ�งาน​ร่วม​กับ​โปรแกรม​ชุดของ Microsoft เช่น​​Microsoft​​Office​,​​​Microsoft​​Project​​, ​Microsoft​​Publisher​,​​Microsoft​​Visio​​เป็นต้น​​ ​ ​สามารถเลือกใช้แถบเครื่องมือ ​Acrobat​​PDFMaker​​หรือเมนู Adobe PDF สำ�หรับการ​แปลง​ไฟล์​​PDF​​ซึ่งจ​ ะ​ทำ�ให้​ ง่าย​​และ​สะดวก​ใน​การ​แปลง​ไฟล์เอกสารต่างๆ ​ ​ใน​เมนู​ ​Adobe​ ​PDF​ ​มี​คำ�​สั่ง​สำ�คัญซึ่ง​เกี่ยว​กับ​ข้อกำ�หนด​ของ​การ​แปลง​ไฟล์​ ​PDF​ ​อยู่ด้วย​ ​และ​ก่อน​ที่​จะ​ทำ�การ​ แปลง​ไฟล์​​PDF​​แนะนำ�​ว่า​​ควร​จะ​เข้า​มา​ตรวจ​เช็ค​​และ​แก้ไข​ข้อ​ก�ำ หนด​ของ​การ​แปลง​ไฟล์​​PDF​​ให้​ถูกต​ ้อง​และ​เหมาะ​สม​ เสีย​ก่อน​ที่​จะ​ลงมือ​ท�ำ การ​แปลง​ไฟล์​​ สำ�หรับ Microsoft Office 2007 และเวอร์ชั่นล่าสุด เช่น โปรแกรม Word, Excel, และ PowerPoint, ข้อกำ�หนด สำ�หรับการแปลงไฟล์ PDF สามารถเลือกใช้ได้จาก Acrobat ribbon หมายเหตุ: ถ้าคุณไม่เห็นปุ่มแถบเครื่อง PDF ในโปรแกรม คุณจะต้องกำ�หนดให้แสดง หรือเปิดใช้งานแถบเครื่อง มือ PDF เสียก่อน การแสดง หรือเปิดใช้งาน PDFMaker ใน Microsoft Office และ Lotus Notes ถ้าปุ่มแถบเครื่องมือ PDF ไม่ปรากฎในโปรแกรม Microsoft Office หรือ Lotus Notes ให้ท�ำ อย่างใดอย่างหนึ่งดัง ต่อไปนี้ เพื่อแสดง หรือเปิดใช้งาน PDFMaker. สำ�หรับ Lotus Notes 8 หรือเวอร์ชั่นล่าสุด, เลือก File > Preferences. ใน dialog box ที่ปรากฏขึ้นมา, เลือก Toolbar > Toolbars, และเลือก Visible สำ�หรับ Acrobat PDFMaker สำ�หรับ Office 2003 หรือเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้, เลือก View > Toolbars > Acrobat PDFMaker สำ�หรับ Office 2007 หรือ Office 2010, ให้ทำ�ตามขั้นตอนต่อไปนี้: 1. เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ - โปรแกรม Outlook 2007 เลือก Tools > Trust Center - โปรแกรม Office 2007 อื่นๆ คลิกปุ่ม Office และจากนั้นคลิกที่ปุ่ม [Application] Options, ที่ [Application] คือชื่อโปรแกรม Office ตัวอย่างเช่น ใน Word, ชื่อปุ่ม คือ Word Options Page 3

- โปรแกรม Office 2010 คลิกที่แถบ File และจากนั้นคลิก Option 2. คลิก Add-Ins อยู่ด้านซ้ายของ ของ dialog box 3. เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้: - ถ้า PDFMOutlook หรือ Acrobat PDFMaker Office COM Add-in ไม่มีอยุ่ในรายการ, เลือก COM Add-Ins จากรายการ Manage pop-up และคลิก Go - ถ้า PDFMOutlook หรือ Acrobat PDFMaker Office COM Add-in มีอยู่ในรายการ ภายใต้ Disabled Application Add-ins, เลือกหัวข้อ Disabled จากรายการ Manage pop-up และคลิก Go 4. เลือก PDFMOutlook หรือ Acrobat PDFMaker Office COM Add-in และคลิก OK 5. ปิด และเปิดโปรแกรม Office ใหม่

​การแปลง​ไฟล์​PDF

ดูการตั้งค่า PDFMaker สำ�หรับการแปลงไฟล์ PDF

1​.​​เปิด​ไฟล์​ทตี่​ ้องการ​จะ​แปลง​ใน​โปรแกรม​​Microsoft​​Office 2. คลิกปุ่ม Convert To Adobe PDF บนแถบเครื่องมือ Acrobat PDFMaker สำ�หรับโปรแกรม Microsoft Office 2007 หรือ 2010 เช่น Word, Excel, และ PowerPoint, คลิกที่ปุ่ม Create PDF บน Acrobat ribbon 3. พิมพ์ชื่อไฟล์ และกำ�หนดตำ�แหน่งในการจัดเก็บไฟล์ PDF, และคลิก Save​ ​

การตั้งค่า PDFMaker สำ�หรับการแปลงไฟล์ PDF จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของไฟล์ ตัวอย่างเช่น ตัวเลือก สำ�หรับไฟล์ PowerPoint จะไม่เหมือนกับตัวเลือกของไฟล์ Word ดังนั้น คุณจะต้องเลือกการตั้งค่าการแปลงทุกไฟล์ ก่อนการแปลงไปเป็น PDF 1. เปิด PDFMaker-จากโปรแกรมที่กำ�ลังเปิดใช้งานอยู่ (เช่น Word หรือ Excel) 2. ดำ�เนินการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้: - Lotus Notes, เลือก Actions > Change Adobe PDF Conversion Settings - โปแกรม Office 2007 หรือ 2010 ใน Acrobat หรือ Adobe PDF ribbon, คลิก Preferences - โปรแกรมอื่นๆ ทั้งหมด เลือก Adobe PDF > Change Conversion Settings 3. (หากต้องการ) เพื่อกลับไปยังค่าเริ่มต้นเดิม, คลิก Restore Defaults บนแถบ Settings ​

​ ​ ​ ​ Page 4

ราย​ละเอียด​การตั้งค่าข้อกำ�หนดต่างๆ ​ใน​​Change​​Conversion​​Settings​​ ตั้งค่าที่แถบ ของ Adobe PDFMaker Preferences การตั้งค่าข้อกำ�หนดต่างๆ สำ�หรับ PDFMaker ขึ้นอยู่กับแต่ละโปรแกรมที่คุณกำ�ลังใช้งาน

​Settings​ ​​จะ​แยก​ออก​เป็น​​PDFMaker​S​ etting​​และ​​Application​​Setting ​​

P​ DFMaker​S​ etting​(​​ข้อ​ก�ำ หนด​ของ​​PDF​​Maker​)​ ​ ​ ​-​​Conversion​​Setting​​กำ�หนด​ตัวเ​ลือก​ส�ำ หรับ​การ​แปลง​ไฟล์​ ​ ​ ​-​​View​​Adobe​​PDF​​result​​แสดง​ไฟล์​​PDF​​ขึ้น​มา​​หลังจ​ าก​มี​การ​แปลง​ไฟล์​ ​ ​ ​-​​Prompt​​for​​Adobe​​PDF​​File Name​​จะ​ปรากฏ​ข้อความ​เตือน​เพื่อ​ให้​ตั้ง​ชื่อ​ไฟล์​​ ​ ​​​ และ​กำ�หนด​ตำ�แหน่ง​ใน​การ​จัด​เก็บ​ไฟล์ ​ หากไม่ได้เลือกตัวเลือกนี้ จะ Save ไฟล์ และจัดเก็บอยู่ในโฟว์เดอร์เดียวกับไฟล์ต้น ใช้ชื่อเหมือนกัน แต่นามสกุลจะเป็น .pdf ​ ​ ​-​​Create​​PDF​/​A​-​1a​:​2005​​compliant​​file​​ทำ�การ​แปลง​ไฟล์​มาตรฐาน​​PDF​/​A​ ​ ​ ​-​​Convert​​Document​​Information​​ทำ�การ​ใส่​ราย​ละเอียด​ของ​เอกสาร​ไป​ที่​ไฟล์​​PDF ซึ่งนำ�ข้อมูลมาจากใน Properties ​ของไฟล์ต้นฉบับ ​ ​Application​​Setting​​(​ข้อ​กำ�หนด​ของ​โปรแกรม​)​ ​ ​ ​-​​Attact​​source​​File​​to​​Adobe​​PDF​​จะ​แนบ​ไฟล์​ต้นทาง​​ไป​ที่​​PDF​ ​ ​ ​-​​Add​​bookmarks​​to​​Adobe​​PDF​​ใส่​​bookmarks​​ที่​ใช้​ใน​ไฟล์​ต้นทาง​​ไป​ที่​​PDF​ ​ ​ ​-​​Add​​links​​to​​Adobe​​PDF​​ใส่​​link​​ที่​ใช้​ใน​ไฟล์​ต้นทาง​​ไป​ที่​​PDF​ ​ ​ ​-​​Enable​​accessibility​​and​​reflow​​with​​Tagged​​PDF​​เปิด​ใช้​ระบบ​เพิ่ม​ความ​สะดวก​ใน​การ​อ่าน​ไฟล์​​PDF​​ และ​การ​จัด​ตัว​อักษร​ตาม​การ​ปรับ​ขนาด​ของ​หน้า​งาน​​โดย​การ​​Tagged​​PDF​ ​หมายเหตุ​​ขอ้ ​กำ�หนด​ใน​​PDFMaker​​ของ​โปรแกรม​ชุด​​Microsoft​​Office​​จะ​เหมือน​กนั ​​แต่ข​ ้อก​ ำ�หนด​ของ​​Application​​จะ​แตก​ต่าง​กัน​ออก​ไป​ใน​แต่​โปรแกรม​ใน​ชุด​​Microsoft​​Office​​ ​Security​:​ เ​ป็นการ​กำ�หนด​เงื่อนไข​ของ​ระบบ​ป้องกัน​​ใน​ไฟล์​​PDF​ ​ ​-​​Document​​Open​​Password​​กำ�หนด​รหัสผ​ ่าน​ส�ำ หรับ​เปิด​เอกสาร​​PDF​ ​ ​-​​Premissions​​Password​​กำ�หนด​รหัส​ผ่าน​เพื่อ​อนุ​ญาติ​ให้​แก้ไข​เอกสาร​​และ​การ​สั่ง​พิมพ์​​PDF​ ​ ​:​​Printing​​Allowed​​อนุญ ​ าติ​เกี่ยว​กับ​การ​สั่ง​พิมพ์​​เช่น​​ไม่ใ​ห้​พิมพ์​,​​พิมพ์ค​ วาม​ละเอียด​ต�่ำ ​​150​​dpi​ ​ ​:​​Changes​​Allowed​​อนุ​ญาติ​เกี่ยว​กับ​การ​เปลี่ยนแปลง​แก้ไข​​เช่น​​การ​แยก​หน้า​งาน​,​​การ​กรอก​แบบ​ฟอร์ม​ ​ ​:​​Enable​​copying​​of​​text​,​​images​,​​and​​other​​contents​​สามารถ​ท�ำ ​ส�ำ เนา​ตัวอ​ ักษร​,​​ภาพ​​ และ ข้อ​มูล​อื่น​ๆ​ ​ ​:​​Enable​​text​​access​​for​​Screen​​reader​​deviecs​​for​​the​​visully​​impaired​​สิทธิ์​ใน​การ​ปรับ ​ใช้​ตัว​อักษร​​​บน​หน้า​จอ​ของ​อุปกรณ์​อ่าน​ไฟล์​​PDF​​เพื่อ​จ�ำ ลอง​ดคู​ วาม​ไม่​สมบูรณ์​ของ​การ​อ่าน​ตัว​อักษร​ ​

Page 5

การแปลงไฟล์ Word และ PowerPoint ไปเป็น PDF

1. เปิดไฟล์ ใน Word หรือ PowerPoint 2. ดำ�เนินการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้: - โปรแกรม Office 2003 หรือรุ่นที่เก่ากว่า, จากเมนู Adobe PDF, เลือก Convert To Adobe PDF - โปรแกรม Office 2007 หรือ 2010, จาก Acrobat ribbon, เลือก Create PDF, Create And Attach to Email, หรือ Create And Send For Review 3. ใน dialog box ของ Save Adobe PDF File As, ระบุชื่อไฟล์ และตำ�แหน่งสำ�หรับ PDF 4. คลิกเลื่อกปุ่ม Options เพื่อเปลี่ยนการตั้งค่าของการแปลง PDF (ดูรายละเอียด การตั้งค่าข้อกำ�หนด) 5. เลือก Page Range (Word) หรือ Slide Range (PowerPoint) 6. คลิก OK, จากนั้นคลิก Save เพื่อทำ�การสร้างไฟล์ PDF

การฝังไฟล์มัลติมีเดีย ในเอกสาร Word และ PowerPoint (เฉพาะโปรแกรม Acrobat Pro เท่านั้น) 1. ดำ�เนินการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้: - โปรแกรม Office 2003 หรือรุ่นที่เก่ากว่า, เลือก Adobe PDF > Embed Video And Convert To Flash Format - โปรแกรม Office 2007 หรือ 2010, ใน Acrobat ribbon, คลิก Embed Flash 2. ใน dialog box ของ Insert Flash, เลือไฟล์มัลติมีเดียจากรายการ หรือ คลิก Browse ไปยังตำ�แหน่งของไฟล์ที่จัดเก็บไฟล์ และเลือกไฟล์ที่ต้องการ 3. (หากต้องการ) ทำ�การเลือกเฟรมของวิดีโอ เฟรมใดเฟรมหนึ่ง เพื่อที่จะกำ�หนดให้เป็นภาพโปสเตอร์, จากนั้น คลิก Set Poster Image From Current Frame 4. เลือกรูปแบบของ skin ที่ใช้แสดงสื่อ จากในรายการ 5. คลิก OK, โปรแกรม Acrobat จะทำ�การแปลงไฟล์ไปเป็นรูปแบบ FLV และใส่เข้าไปในเอกสาร PDF

Page 6

ข้อกำ�หนดอื่นๆ สำ�หรับApplication Setting สำ�หรับโปรแกรม Microsoft Word​ Word:​​เป็นการ​ก�ำ หนด​คุณสมบัตเิ​กี่ยว​กับ​​Microsoft​​Word​​

​ ​ -​​Convert​​display​​comments​​to​​notes​​in​​Adobe​​PDF​:​​ ​ ​​​ เปลี่ยน​​comment​​จาก​w​ ord​​ไป​เป็น​​notes​​ใน​​PDF​ ​ ​ -​​Convert​​cross​-​references​​and​​table​​of​​contents​​to​​linkes​:​​ ​ ​​ ​เปลี่ยน​จาก​​cross​-​references​​และ​​table​​of​​contens​​จาก​​Word​​ไป​เป็น​​links​​ใน​​PDF​ ​ ​-​​Convert​​footnote​​and​e​ ndnote​​links​:​​เปลี่ยน​​footnote​​และ​​endnote​​จาก​​Word​​ไป​เป็น​​PDF​ ​ ​-​​Enable​​advanced​​tagging​:​​สามารถ​ใช้​การ​​tag​​ข้อมูล​ระดับ​สูง​ได้​​ ​ Bookmarks​:​​กำ�หนด​ตัว​เลือก​เกี่ยว​กับ​​Bookmarks​ ​ ​ คุณ​สามารถ​กำ�หนด​ตัวเ​ลือก​ของ​​element​​เช่น​​หัวเ​รื่อง​,​​Index​​เพื่อใ​ห้​เป็น​​bookmarks​​ใน​ไฟล์​​PDF​​ โดยคลิก​เลือก​ที่​กรอบ​สี่เหลี่ยม​ใน​รายการ​​Bookmarks​​ สำ�หรับMicrosoft PowerPoint​:​​เป็นการ​ก�ำ หนด​คุณสมบัติ​เกี่ยว​กับ​​Microsoft​Powerpoint

​Application​​Setting​​(​ข้อ​กำ�หนด​ของ​โปรแกรม เฉพาะที่แตกต่างจาก MS Word​)​

Page 7

​ ​ ​-​​Convert​​Multimedia​​to​​PDF​​Multimedia​:​​แป​ลง​มัล​ติ​มีเดีย​​จาก​​powerpoint​​ ​ ​ ​​ ​ไป​เป็น​มัล​ติ​มีเดีย​ใน​​PDF​ ​ ​ ​-​​Save​​Animation​​in​​Adobe​​PDF​:​​จัดเ​ก็บ​เอ​นิ​เมชั่น​​จาก​​powerpoint​ ​ไป​ไว้​ใน​​Adobe​​PDF​ ​ ​ ​ -​​Save​​Slide​​Transition​​in​​Adobe​​PDF​:​​จัด​เก็บ​สไลด์​ท​ราน​ซิชั่น​ไป​ไว้​ใน​​Adobe​​PDF​ ​ ​ ​-​​Convert​​hidden​​slide​​to​​PDF​​pages​:​​แปลง​สไลด์​ที่​ซ่อน​ไว้​ไป​เป็น​หน้า​​PDF​ ​ ​ ​-​​Convert​​speaker​​notes​​to​​text​​note​​in​​Adobe​​PDF​:​​แปลง​​speaker​​notes​​ ​ ​​​​​​​​​​ ​ไป​เป็น​​text​​note​​ใน​​Adobe​​PDF​ ​ ​ ​ -​​PDF​​layout​​base​​on​​powerpoint​​printer​​setting​:​​โครง​ร่าง​หน้า​​PDF​ ​ ยึด​จาก​ข้อ​กำ�หนด​การ​พิมพ์​ของ​​Powerpoint​ ​​ ​ การ​แปลง​ไฟล์​​Microsoft​​Excel​ไปเป็น PDF ​1​.​​เปิด​ไฟล์​ที่​ต้องการ​จะ​แปลง​จาก​โปรแกรม​​Microsoft​​Excel​ 2. ดำ�เนินการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้: - โปรแกรม Office 2003 หรือรุ่นที่เก่ากว่า, จากเมนู Adobe PDF, เลือก Convert To Adobe PDF - โปรแกรม Office 2007 หรือ 2010, จาก Acrobat ribbon, เลือก Create PDF 3. ใน dialog box ของ Acrobat PDFMaker, เลือก Conversion Range, จากนั้นเลือก Convert To PDF 4​.​​เลือก​ข้อ​กำ�หนด​อย่าง​ใด​อย่าง​หนึ่ง​​จาก​ใน​รายการ​​Conversion​​Setting​​ ​ ​ ​5​.​คลิก​เลือก​OK​​เพื่อ​ยืนยัน​ข้อ​ก�ำ หนด​ที่​มี​การ​เปลี่ยนแปลง​ ​ ​ ​6​.​​เลือก​ปฏิบัติ​อย่าง​ใด​อย่าง​หนึ่ง​ได้​​ดัง​ต่อ​ไป​นี้​​เพื่อ​ทำ�การ​แปลง​เอกสารPDF​ ​ ​ ​ ​:​​เลือก​เมนู​​Adobe​​PDF​>​ ​​และ​เลือก​ค�ำ ​สั่งท​ ี่​ต้องการ​จะ​แปลง​เอกสาร​​PDF​ ​ ​ ​ ​:​คลิก​ปุ่ม​​Convert​​to​​Adobe​​PDF​​​ที่​อยู่​บน​แถบ​เครื่อง​มือ​ ​ ​ ​ ​​​เพื่อ​ทำ�การ​แปลง​ไฟล์​ไป​เป็น​​เอกสาร​​PDF​ ​ ​ ​ ​:​คลิก​ปุ่ม​​Convert​​to​​Adobe​​PDF​​and​​Email​​ที่​อยู่​บน​แถบ​เครื่อง​มือ​ ​ ​ ​ ​​เพื่อท​ ำ�การ​แปลง​ไฟล์​ไป​เป็น​เอกสาร​​PDF​​และ​ทำ�การ​ผูกต​ ิด​เอกสาร​​PDF​ ​ไป​กับ​​Email​​ ​ ​ ​ ​:​คลิกปุ่ม​​Convert​​to​​Adobe​​PDF​​and​​Send​​for​​Review​ ​ทอี่​ ยู่​บน​แถบ​เครื่อง​มือ​ ​ ​ ​​7​.​กรณีที่มีการเลือก ​Prompt​​for​​selecting​​Excel​​sheets​ไว้ จะปรากฏ dialog box สำ�หรับกำ�หนดเลือก sheets ที่ต้องการจะแปลงขึ้นมา เมื่อเลือก Sheets เรียบร้อยแล้ว ให้คลิกปุ่ม Convert to PDF

8. ระบุ​ชื่อ​ไฟล์​​และ​ตำ�แหน่ง​ใน​การ​จัด​เก็บ​​และ​จา​กนั้นค​ลิ๊ก​​Save​ Page 8

​ ​ ​ ​​ ​ ​ ​ ​หมายเหตุ ​โปรแกรม​​Excel​​เลือก​​Adobe​​PDF​​>​​Convert​​Entire​​Workbook​​ เพื่อท​ ำ�การ​แปลง​ ​Worksheets​ ​ทั้งหมด​ใน​ไฟล์​ ​Excel​ ​ถ้า​ข้อก​ ำ�หนด​นไี้​ม่​ถูก​เลือก​ไว้​ ​จะ​แปลง​เฉพาะ​หน้าที่​เปิด​อยู่​ขณะ​นั้น​​ โปรแกรม​จะ​ก�ำ หนด​ไว้​ใน​​เบื้อง​ต้น​​ให้ม​ ี​การ​แปลง​เฉพาะ​​Sheet​​ที่​ก�ำ ลัง​เปิดใ​ช้​งาน​อยู่​ใน​​Excel​​เท่านั้น​

​ ​ราย​ละเอียด​ต่างๆ​​ใน​​Change​​Conversion​​Settings ​​

​ ​ Application​​Setting​​(​ข้อ​กำ�หนด​ของ​โปรแกรม เฉพาะที่แตกต่างจาก MS Word​)​ ​ ​ ​-​​Convert​​comments​​to​​notes​:​​แปลง​​comment​​ไป​เป็น​​note​​ใน​​PDF​ ​ ​ ​-​​Fit​​Worksheet​​to​​a​​single​​page​:​​ปรับ​ขนาด​ของ​​worksheet​​ให้​พอดี​กับ​หนึ่ง​หน้า​ ​ ​ ​-​​Prompt​​for​​selecting​​Excel​​sheets​ ​ ​

การแปลงไฟล์ email ข้อความ ข่าวสาร ไปเป็น PDF

สามารถใช้ PDFMaker เพื่อแปลงไฟล์ email ข้อความ ข่าวสาร เพียงหนึ่งข้อมูล หรือหลายข้อมูล จาก Microsoft Outlook หรือ Lotus Notes หรือข้อมูลที่มีอยู่ใน folders ทั้ง folders รวมเป็น PDF เพียงไฟล์เดียว หรือรวมอยู่ใน PDF Portfolio ใน PDF Portfolio ไฟล์ email ข้อความจะปรากฏแยกกันแต่ละไฟล์ ที่ dialog box ของ Acrobat PDFMaker จะมีตัวเลือก ให้ทำ�การกำ�หนดว่าต้องการให้ email รวมเป็น PDF ไฟล์ เดียว หรือรวมกันอยู่ใน PDF Portfolio คำ�สั่งควบคุมการแปลง email ไปเป็น PDF จะปรากฏอยู่ 2 ตำ�แหน่งในโปรแกรม email บนแถบเครื่องมือ Acrobat PDFMaker และบนเมนู ใน Outlook, ที่เมนูเรียกว่า Adobe PDF และปรากฏที่ด้านขวาของเมนู Outlook Help. ใน Lotus Notes, คำ�สั่ง PDF จะปรากฏอยู่ภายใต้เมนู Actions. Page 9

คุณสามารถแปลง email ที่กำ�ลังเปิดอยู่ ไปเป็น PDF โดยเลือกคำ�สั่ง File > Print, และเลือก Adobe PDF เป็น พริ้นเตอร์ ใน dialog box ของ Print กำ�หนด email ให้กลายเป็น PDF ที่รวมอยู่ในไฟล์เดียว หรือ PDF Portfolios 1. ทำ�อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้: * (Outlook) เลือก Adobe PDF > Change Conversion Settings * (Lotus Notes) เลือก Actions > Change Adobe PDF Conversion Settings 2. ทำ�อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้: * ทำ�การแปลง และรวม email ไปเป็นโดยมีหน้าเรียงต่อเชื่อมกัน อยู่ในเอกสารเพียงเอกสารเดียว, โดยที่ไม่เลือก คำ�สั่ง Output Adobe PDF Portfolio When Creating A New PDF File * ทำ�การแปลง email เข้าไปรวมเป็นส่วนประกอบอยู่ใน PDF Portfolio, ให้เลือก Output Adobe PDF Portfolio When Creating A New PDF File

แปลง email ที่เปิดอยู่ ไปเป็น PDF (Outlook)

แปลง email ไปเป็น PDF ไฟล์ใหม่

เลือก Adobe PDF > Convert To Adobe PDF

1. ใน Outlook หรือ Lotus Notes, เลือกแต่ละ email ที่ต้องการแปลง 2. ทำ�อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้: * (Outlook) เลือก Adobe PDF > Convert Selected Messages > Create New PDF

* (Lotus Notes) เลือก Actions > Convert Selected Messages To Adobe PDF. 3. ใน dialob box ของ Save Adobe PDF As, เลือกตำ�แหน่งที่จะจัดเก็บไฟล์, พิมพ์ชื่อ, และคลิก Save Page 10

เพิ่ม email หรือ folders ไปที่ PDF ซึ่งกำ�ลังเปิดอยู่ 1. ใน Outlook หรือ Lotus Notes, เลือกแต่ละ email หรือ folders ที่ต้องการ 2. ทำ�อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้: * (Outlook) เลือก Adobe PDF > Convert Selected Messages > Append To Existing PDF, หรือ Adobe PDF > Convert Selected Folders > Append To Existing PDF

* (Lotus Notes) เลือก Actions > Append Selected Message(s) To Existing Adobe PDF, หรือ Actions > Append Selected Folder(s) To Existing Adobe PDF 3. กำ�หนดตำ�แหน่ง และเลือก PDF หรือ PDF Portfolio ที่ต้องจะเพิ่ม emails ที่มีการแปลง, และคลิก Open ความสำ�คัญ: ไม่ต้องพิมพ์ชื่อใหม่ส�ำ หรับ PDF เพราะถ้าคุณพิมพ์จะปรากฏข้อความเตือนขึ้นมาบอกคุณ เกี่ยวกับ การแปลง PDF ไม่ผ่าน ให้คลิก OK และเลือกไฟล์ PDF โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนชื่อ 4. (เฉพาะ Outlook เท่านั้น) ถ้ามีข้อความปรากฏขึ้น เพื่อเตือนคุณเกี่ยวกับ PDF ที่กำ�ลังเปิดอยู่ มีการแปลงโดย ใช้ PDFMaker เวอร์ชั่นก่อนหน้า, ทำ�อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้: * ทำ�การแปลง PDF Portfolio จาก PDF ต้นฉบับ ซึ่งเป็นไฟล์ที่แปลงเก็บไว้ครั้งแรก, คลิก Yes, และเลือกชื่อ และ ตำ�แหน่งเพื่อที่จะจัดเก็บไฟล์ใหม่ (ค่าตั้งต้น ชื่อไฟล์จะใส่ค�ำ ว่า _Portfolio ต่อจากชื่อไฟล์ PDF ต้นฉบับ) เมื่อทำ�การแปลง เสร็จสมบูรณ์แล้ว และ dialog box ของ Creating Adobe PDF ปิดไป, ไฟล์ที่จัดเก็บใหม่จะเปิดขึ้นมาใน Acrobat * คลิก No เพื่อยกเลิกการทำ�งาน แปลง folders ของ email ไปเป็น PDF ไฟล์ใหม่ PDFMaker สามารถทำ�การแปลงหลายๆ ไปเป็น PDF โดยการดำ�เนินการเพียงครั้งเดียว มันไม่จำ�เป็นที่จะเลือก folders ก่อนที่จะเริ่มขั้นตอนการแปลง เพราะว่าคุณสามารถเลือก folders ใน dialog box ที่ปรากฏขึ้นได้โดยอัตโนมัติ 1. ทำ�อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้: * (Outlook) เลือก Adobe PDF > Convert Selected Folders > Create New PDF * (Lotus Notes) เลือก Actions > Convert Selected Folder(s) To Adobe PDF 2. ใน dialog box ของ Convert Folder(s) To PDF, เลือก folders หลังจากนั้นคลิกเลือก หรือไม่เลือก ตัวเลือก Convert This Folder And All Sub Folders

3. ใน Save Adobe PDF File As, เลือกตำ�แหน่ง และชื่อ สำ�หรับ PDF Portfolio เมื่อการแปลงเสร็จสมบูรณ์แล้ว ไฟล์ PDF ใหม่จะเปิดขึ้นมาใน Acrobat

Page 11

แปลงไฟล์ Visio ไปเป็น PDF PDF ที่แปลงจากไฟล์ Visio จะยังคงรักษาขนาดของหน้างาน และรองรับ layers, การค้นหาข้อความ, การเชื่อม โยง, bookmarks, และ comments, ขึ้นอยู่กับการกำ�หนดเงื่อนไขของการแปลง (เลือก Adobe PDF > Change Conversion Settings เพื่อตรวจดูข้อกำ�หนด) เมื่อคุณแปลงไฟล์ Visio, เฉพาะรูปทรง และไกด์ ที่กำ�หนดให้พิมพ์ และกำ�หนดให้มองเห็น ใน Visio เท่านั้น ที่จะ ถูกแปลง และปรากฏใน PDF รูปทรงที่มีการแปลง จะไม่ค�ำ นึงว่ามีการป้องกัน คุณสมบัติของรูปทรงที่สร้างขึ้น สามารถ ที่จะแปลงไปเป็นข้อมูลวัตถุที่ PDF เมือ่ คุณแปลงไฟล์ Visio ไปเป็น PDF, คุณสามารถคงสภาพเลเยอร์ทงั้ หมด หรือเฉพาะบางเลเยอร์ไว้, หรือสามารถ รวมเลเยอร์ทั้งหมด แปลงไฟล์ Visio 1. ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนข้อกำ�หนดของการแปลงไฟล์ ที่ PDFMaker, ให้เปิด Visio และเลือก Adobe PDF > Change Conversion Settings 2. ถ้าคุณต้องการแปลงแต่ละหน้าในไฟล์ Visio เพื่อคั่นหน้าหนังสือ ในไฟล์ PDF, เลือก Adobe PDF > Convert All Pages In Drawing ถ้าตัวเลือกนี้ ไม่ได้เลือก, เฉพาะหน้าที่เปิดอยู่เท่านั้น ที่จะมีการแปลง 3. ทำ�อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้: * คลิกปุ่ม Convert To Adobe PDF ในแถบเครื่องมือ Adobe PDF * เลือก Adobe PDF > Convert To Adobe PDF * เลือก Adobe PDF > Convert To Adobe PDF And EMail * เลือก Choose Adobe PDF > Convert To Adobe PDF And Send For Review 4. ถ้าคุณต้องการที่จะรวมคุณสมบัติของรูปทรงที่สร้างขึ้น, ให้เลือกตัวเลือกนั้น 5. คลิก Continue. 6. เลือกตัวเลือกที่จะต้องการให้คงเลเยอร์อยู่ หรือรวมเลเยอร์ใน PDF ที่แปลงเสร็จแล้ว และคลิก Continue Note: ถ้าคุณเลือก Retain Some Layers In The Selected Page, จะมีระบบเตือนความจำ� เพื่อให้คุณเลือกเลเยอร์ Visio รวมไปด้วย 7. คลิก Convert To Adobe PDF, ระบุตำ�แหน่ง และตั้งชื่อไฟล์, และคลิก Save เลือกเลเยอร์ Visio เพื่อแปลง เลเยอร์ที่คุณแปลงจาก Visio ไปที่ PDF คุณสามารถที่จะทำ�การจัดการกับเลเยอร์เหล่านี้ได้ ในพาแนล Acrobat Layers 1. ด้วยเลเยอร์หลายๆ เลเยอร์ เปิดอยู่ใน Visio, คลิกปุ่ม ในแถบเครื่องมือ Adobe PDF,และเลือก Retain Some Layers In The Selected Page Note: ถ้าตัวเลือก Retain Some Layers In The Selected Page ไม่สามารถใช้ได้, ต้องไม่เลือก Convert All Pages In Drawing option 2. เลือกหนึ่งเลเยอร์ หรือหลายเลเยอร์ ในรายการ Layers In Visio Drawing 3. ทำ�การเพิ่มเลเยอร์ Visio ที่เลือก ใส่ไปที่รายการของเลเยอร์ เพื่อที่จะแปลงไปเป็นไฟล์ PDF, ทำ�อย่างใดอย่าง หนึ่งดังต่อไปนี้: Page 12

* ทำ�การแปลงเลเยอร์ Visio ที่เลือก เพื่อให้แยกเป็นแต่ละเลเยอร์ในไฟล์ PDF พร้อมด้วยชุดของเลเยอร์ใน PDF, คลิก Create Layer Set, และกำ�หนดตัวเลือกอื่นๆ, พิมพ์ชื่อเลเยอร์ * ทำ�การแปลงเลเยอร์ Visio ที่เลือก เพื่อให้แยกเป็นแต่ละเลเยอร์ (แต่ไม่รวมกลุ่ม ภายใต้ชุดของเลเยอร์), คลิกปุ่ม Add Layer(s) 4. ตัวเลือกเพิ่มเติม, ทำ�อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้: * ทำ�การจัดลำ�ดับเลเยอร์ใหม่ ในรายการ Layers In PDF, ลากหัวข้อขึ้น หรือลงในรายการ * ทำ�ให้มีการรวมเอาคุณสมบัติที่จะกำ�หนดให้มองเห็นได้เอาไว้ด้วย โดยสามารถที่เปิด หรือปิดสลับไปมา จะต้อง ไม่เลือก Locked On การล็อคมีผลทำ�ให้เลเยอร์ PDF เปิดไว้ให้มองเห็น ให้เลือก Locked On * ทำ�การบันทึกข้อกำ�หนดที่มีการกำ�หนดใช้อยู่ ของเลเยอร์ Visio ที่เลือก, คลิก Save PDF Settings, และคลิก OK. ข้อกำ�หนดนี้จะถูกใช้ในครั้งต่อไปที่มีการแปลงไฟล์ Vision ไปเป็นไฟล์ PDF 5. คลิก Convert To PDF, ระบุ folder ใน Save In box ในที่ซึ่งจะมีการบันทึกไฟล์ PDF, พิมพ์ชื่อไฟล์ และจาก นั้นคลิก Save

​ ​​

Page 13

การ​สร้าง​เอกสาร​​PDF​​โดยตรง​จาก​​Adobe​​Acrobat XI ​

ก​ าร​สร้าง​ไฟล์​​PDF​​โดยตรง​จาก​โปรแกรม​​Adobe​ ​Acrobat X​​เป็น​อีก​วิธี​หนึ่ง​ของ​การ​สร้าง​ไฟล์​​PDF​​ซึ่ง​เหมาะ​กับ​ ข้อมูล​ประเภท​รูปภาพ​ ​เพราะ​มี​ข้อ​กำ�หนด​ไม่​มาก​นัก​ ​จึง​ทำ�ให้​มี​ความ​สะดวก​ ​และ​รวดเร็ว​ใน​การ​แปลง​ไฟล์​ ​หากเป็นไฟล์ ข้อมูลที่​สร้าง​จาก​ชุดโปรแกรม​ ​Microsoft​ ​ขอแนะนำ�​ว่า​ ควร​ใช้​วิธี​การ​สร้าง​โดยตรง​จาก​โปรแกรม​เหล่า​นั้น​ ​หรือ​โดย​วิธี​การ​ สั่งพ​ ิมพ์​เป็น​ไฟล์​​PDF​​ซึ่ง​จะ​มี​การ​กำ�หนด​เงื่อนไข​ของ​การ​แปลง​ไฟล์​​PDF​​ที่​ดี​กว่า​กา​รสร้างไฟล์​จาก​รูปภาพ​ ​

​ ​การ​สร้าง​ไฟล์​​PDF​​จาก​ไฟล์​ต่างๆ​​ทลี​ ะ​ไฟล์​​ผ่าน​โปรแกรม​​Adobe​​Acrobat X​​ ​ ​1​.​​เปิด​โปรแกรม​​Adobe​​Acrobat XI​​ขึ้นม​ า​​จาก​นั้น​เลือก​ค�ำ ​สั่ง​​File​​>​​Create​​PDF​​>​​From​​File​​ หรือ​คลิกที่​ปุ่ม​​Create​​PDF​​​ที่​อยู่​บน​แถบ​เครื่อง​มือ​​และ​เลือก​​From​​File​​

​ ​2​.​​เลือก​ชนิด​ของ​ไฟล์​จาก​กรอบ​รายการ​ของ​​File​​of​​Type​​(​Windows​)​​หรือ​​Show​​(​Mac​​OS​)​​ จาก​นั้น​ค้นหา​ไฟล์​งาน​ที่​ต้องการ​น�ำ ​มา​แปลง​เป็น​​PDF​​ ​ ​3​.​​คลิกปุ่ม​​Setting​​ถ้า​ต้องการ​แก้ไข​ข้อ​กำ�หนด​ส�ำ หรับ​การ​แปลง​ไฟล์​​ ​ ​ ​:​​จาก​นั้น​ให้​คลิก ​OK​​เพื่อใ​ห้​ได้​ผล​ลัพท์​​ตาม​ข้อ​ก�ำ หนด​ใหม่​ที่​เปลี่ยนแปลง​ ​ ​ ​ ​ ​:​​ข้อก​ ำ�หนด​ทใี่​ช้​ใน​การ​แปลง​ไฟล์​​จะ​มี​ความ​แตก​ต่าง​กัน​​ขึ้น​อยู่​กับ​ชนิด​ของ​ไฟล์ ​ที่​จะ​น�ำ ​มา​แปลง​ ​ ​ ​:​​กรณี​ที่​ปุ่ม​​Setting​​จาง​ลง​​แสดง​ว่า​​ไม่​สามารถ​ที่​จะ​ก�ำ หนด​เงื่อนไข​ของ​การ​แปลง​ไฟล์​ได้​ ​ ​4​.​​คลิก ​Open​​เพื่อ​ท�ำ การ​แปลง​ไฟล์​ที่​เลือก​ไว้​​ให้​เป็น​​PDF​

การแปลงไฟล์​หลายรูปแบบ เป็น PDF พร้อมการกำ�หนดกลุ่มไฟล์ PDF ​ ​ ​1​.​​เลือก​คำ�​สั่ง​​​File​​>​​Create​​PDF​​>​​Batch Create Multiple Files... ​ ​และ​จาก​นั้น​คลิก​​Add​​Files​หรือ Add Folders (ทุกไฟล์ที่บรรจุไว้ใน Folder)

Page 14

​ ​

​ ​

2​ ​.​​เลือก​ไฟล์​และโฟว์เดอร์ ที่​ต้องการ​​​และ​คลิก​ปุ่ม​​Add​​Files​หรือ Choose ​3​.​​ต้องการ​ลบ​ไฟล์​​คลิก​​Remove​

​4​.​​คลิก OK จากนั้นจะปรากฏ dialog box ของ Output Options ขึ้นมา

: Target Folder (กำ�หนดโฟว์เดอร์สำ�หรับจัดเก็บไฟล์) - The Same Folder Seleted at Start (จัดเก็บไว้ในโฟว์เดอร์เดียวกันกับไฟล์ที่เลือกเริ่มต้น) - A Folder on My Computer >> เลือก Choose เพื่อกำ�หนดเลือกโฟว์เดอร์ (จัดเก็บไว้ในโฟว์เดอร์ใดโฟว์เดอร์หนึ่งในคอมพิวเตอร์ของเรา) : File Naming (การตั้งชื่อไฟล์) - Keep original file name (ใช้ชื่อไว้เดิม) - Add to original file names: (ใส่ชื่อเพิ่ม จากชื่อไฟล์เดิม) โดยแทรกก่อน (Insert Before) หรือแทรกหลัง (Insert After) ชื่อไฟล์เดิม 5. คลิก OK เพื่อทำ�การสร้างไฟล์ PDF Page 15

การ​รวม​ไฟล์​​​(​Combine​​Files​)​ ​ ​การ​รวม​ไฟล์​​ด ​ ้วย​วิธี​ของ​การ​ใช้​คำ�​สั่ง​​Combine​​Files​ ​ ​-​​เป็นการ​รวม​หลาย​ๆ​​ไฟล์​​ให้ร​ วม​อ​ยู่ใน​​PDF​​เพียง​ไฟล์​เดียว​ ​-​​ง่าย​ต่อ​การ​เลือก​ใช้​​และ​การ​จัด​เตรียม​เอกสาร​​และ​รูปภาพ​​จาก​นั้น​ก็​น�ำ ​ไฟล์ท​ ี่​รวม​กัน​ไว้​​ไป​จัด​พิมพ์​ ​ ​-​​จะ​ช่วย​รักษา​ข้อมูล​ที่​เกี่ยวข้อง​กัน​รวม​กัน​ไว้​​และ​นำ�​เสนอ​ข้อมูล​ใน​ทุก​ๆ​​ค�ำ ​สั่งท​ ี่​ต้องการ​ ​ ​-​​ผลิต​ไฟล์​​PDF​​สุดท้าย​​ที่​มี​ขนาด​เล็ก​​โดย​ใช้​ตัว​เลือก​ไม่​ยุ่ง​ยาก​ใน​การ​ลด​ขนาด​ของ​ไฟล์​ ​ ​ ​

​การ​รวม​ไฟล์​สามารถ​ช่วย​อะไร​คุณ​ได้​บ้าง​

​วิธี​การ​รวม​ไฟล์​​

​ ​ ​Legal​​Document​​(​เอกสาร​ทา​งด้า​นกฏ​หมาย​)​ ​ ​ ​เอก​สาร​ห​ลาย​ๆ​​ไฟล์​​จัดร​ วบรวม​ให้​เหลือ​เพียง​ไฟล์​เดียว​​ ​ ​ ​ ​ทำ�การ​ดึง​เอกสาร​ที่​ความ​เชื่อม​โยง​กัน​ ​จาก​หล​ าย​แหล่ง​ ​และ​หลาย​ผู้​สร้าง​ไฟล์​ ​มา​รวม​เข้า​ด้วย​กัน​​ เพื่อส​ ร้าง​เอกสาร​ที่​เกี่ยว​กับ​กฏ​หมาย​​จาก​เอกสาร​ที่​หลาก​หลาย​​ให้​เหลือ​เพียง​ไฟล์​เดียว​​ก่อน​ทจี่​ ะ​ส่ง​ให้​กับ​ลูกค้า​​หรือ​ศาล​​ อาทิ​เช่น​​เอกสาร​สัญญา​,​​เอกสาร​คำ�ร้อง​,​​เอกสาร​ญัตติ​​เป็นต้น​ ​ ​ ​Project​​Binders​ ​ ​ ​จัด​ระบบ​ไฟล์​แผน​งาน​ ​ ​ ​ ​เก็บ​รักษา​เอกสาร​แผน​งาน​ของ​ทุก​คน​ ​รวม​ไว้​ใน​ที่​เดียวกัน​ ​สร้าง​แผน​งาน​เพื่อ​เก็บ​รักษา​เอกสาร​ที่​ เชื่อม​โยง​กัน​ไว้​ใน​ไฟล์​เดียว​​ซึ่ง​จะ​สามารถ​ทำ�ได้​ง่ายๆ​​เพื่อ​การ​จัด​เก็บ​เอกสาร​ออกแบบ​,​​เอกสาร​ส�ำ หรับ​ส่ง​​email​,​​เอกสาร​ สัญญา​​และ​เอกสาร​ตาราง​เวลา​ ​ ​ ​การนำ�​เสนอ​การ​ขาย​ ​ ​ ​ความ​ประทับ​ใจ​กับ​การนำ�​เสนอ​การ​ขาย​ ​ ​ ​ทำ�ให้​ลูกค้า​เกิด​ความ​ประทับใจ​ ​ด้วย​เอกสาร​ระดับ​มือ​อาชีพ​ ​ใช้​เพียง​เอกสาร​เดียว​ ​เพื่อ​บรรยาย​ข้อ​เสนอ​ ของ​คุณ​​จัด​เตรียม​เอกสาร​ของ​คุณ​ใน​ทุก​คำ�​สั่ง​​เพื่อ​ช่วย​เพิ่ม​โอกาส​ของ​คุณ​​ที่​จะ​สามารถ​ค้นหา​รายการ​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​ตาม​ ที่​คุณต​ ้องการ​​ไม่​ว่า​จะ​เป็น​โบว์​ชัวร์​,​​เอกสาร​น�ำ ​เสนอ​,​​spreadsheet​​และ​เอกสาร​สัญญา​ ​ ​ ​ ​1​.​​คลิก​เครื่อง​มือ​​Combine​​Files into PDF ที่ Tools Pane > Pages > Insert Pages หรือ​เลือก​เมนู​​File​​>​​Create > Combine​​Files into a Single PDF... หรือเลือกที่แถบเครื่องมือ Create > Combine​​Files into a Single PDF...

2. ทำ�อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้:

Page 16

- Add Files... ถ้าต้องการนำ�ไฟล์ PDF มารวม โดยเลือกทีละหนึ่งไฟล์ - Add Folders... ถ้าต้องการ​เลือกไฟล์​​PDF​​ทั้ง​​folder - Add PDF from Scanner.. ถ้าต้องนำ�ไฟล์ PDF จากการสแกนเอกสารจากโปรแกรม Acrobat - Add Webpage... ถ้าต้องการข้อมูลจากหน้าเว็บมารวมเป็นไฟล์ PDF - Add from Clipboard... ถ้าต้องการนำ�ข้อมูลที่ได้ copy ไว้ใน Clipboard มารวมเป็นไฟล์ PDF - Add Email... ถ้าต้องการนำ�ข้อมูลจาก Email มารวมเป็นไฟล์ PDF ​- เลือก Reuse​​Files... ถ้าต้องการนำ�​ไฟล์​​PDF​​ที่​มี​การ​รวม​ไว้​ก่อน​หน้า​นี้​​กลับ​มา​ใช้​ใหม่​ - เลือก Add Open Files... ถ้าต้องการเลือกไฟล์ PDF ที่กำ�ลังเปิดอยู่ ​3​.​เลือก Add​​Files​... จากนั้นเลือกไฟล์ PDF ที่ต้องการนำ�มารวม

​ ​

A. ปุ่มแสดงไฟล์ PDF แบบรายการ และ Thumbnail B. แถบเลื่อนเพื่อเปลี่ยนขนาด Thumbnail C. ปุ่ม Undo และ Redo D. ปุ่มลบรายการที่เลือก E. แสดงสัญลักษณ์ + เป็นการแสดงรวมทุกหน้าในเอกสาร

​4​.​​คลิกเลือก​ปุ่ม Options เพื่อกำ�หนดตัวเลือกเพิ่มเติมสำ�หรับการรวมไฟล์

5. กำ�หนด File Size: (ขนาด​ของ​ไฟล์)​ ​คลิกเลือกที่รูปสัญลักษณ์ที่อยู่ตรงกลาง (Defualt File Size) เป็น ขนาดไฟล์ที่เหมาะสำ�หรับใช้เป็นเอกสารธุรกิจ ไฟล์ PDF ที่อยู่ในรายการจะรักษาขนาด และคุณภาพ ของไฟล์ต้นฉบับไว้ 6. ที่ File Type: (ชนิดของไฟล์ที่ต้องการรวม) เลือกเป็น Single PDF Page 17

7​.​​กำ�หนดตัวเลือกอื่น ใน dialog box ของ Options เรียบร้อยแล้ว จากนั้นคลิก OK 8. คลิก​ปุ่ม​​Combine Files ​เพื่อทำ�การรวมไฟล์ เมื่อรวมไฟล์เสร็จเรียบร้อย ชื่อไฟล์จะกำ�หนดเป็น Binder1 9. ให้ทำ�การ Save และตั้งชื่อไฟล์ใหม่ตามต้องการ และกำ�หนดตำ�แหน่งการจัดเก็บ ​ ​ ตัวเลือกอื่น​ๆ​ ​ ​ ​ -​​ต้องการ​​เปลี่ยน​ตำ�แหน่ง​ไฟล์​​ กรณี อยู่ในโหมดแสดงไฟล์ PDF แบบ List เลือก​​Move​​Up​​ (​ย้าย​ไฟล์​ขึ้น​ด้าน​บน​)​,​​Move​​Down​

​(​ย้าย​ไฟล์​ลง​ด้าน​ล่าง​)​

กรณี อยู่ในโหมดแสดงไฟล์ PDF แบบ Thumnail ใช้การ Drag and Drop (ลากและปล่อย) Thumnail

​ ​ ​ ​-​​ต้องการ​ลบ​ไฟล์​​คลิก​​Remove​ ​ ​ ​ ​การ​เลือก​รวม​เฉพาะ​บาง​หน้า​ของ​ไฟล์​ ​ ​ ​1​.​​คลิก​เลือก​ไฟล์​​PDF​​ที่​ต้องการ​จะ​เลือก​รวม​เฉพาะ​บาง​หน้า​ ​ ​ ​2​.​​คลิก​เลือก All Pages ที่อยู่ในแถวของ Page​​Rang​​จากนั้น​​ให้​ระบบ​ุ​หน้า​​ที่​ต้องการ​

​ ​ ​3​.​​คลิก​​Enter ​ ​บันทึก​:​​ใส่​เลข​หน้า​​และ​/​หรือ​ระหว่าง​หน้าที่​แยก​กัน​​โดย​ใช้​​comma​​(​,​)​

Page 18

การแปลง​ไฟล์​หลายรูปแบบเป็น PDF​​และนำ�มา​รวม​กัน​ไว้​ใน​​PDF Portfolio ​

P​ DF​P​ ortfolio เ​ป็นการ​น�ำ ไ​ฟล์​P​ DF​ม​ า​รวม​ไว้ท​ เ​ี่ ดียวกัน​จ​ ะ​ชว่ ย​ให้ค​ ณ ุ ร​ วม​ขอ้ มูลซ​ งึ่ เ​กีย่ วข้อง​แ​ ละ​เชือ่ ม​โยง​กนั ​เ​ข้าไป​ รวม​ไว้​ใน​​PDF​​เพียง​ไฟล์​เดียว​​ใน​ขณะ​ที่​ยัง​คง​รักษา​คุณสมบัติ​ของ​ไฟล์​​PDF​​แต่ละ​ไฟล์​ให้​อยู่​เหมือน​เดิม​ภายใน​​Portfolio ​ ​ ​วิธี​แปลง​ไฟล์​​PDF​นำ�มา​รวม​กัน​ไว้​ใน​​PDF Portfolio ​ ​ ​เลือก​คำ�​สั่ง​​​File​​>​​Create​​PDF​​>​​Combine Files into a Single PDF ​ หรือ​คลิกที่​ปุ่ม​​Create​​PDF​​​ที่​แถบ​เครื่อง​มือ​​และ​เลือก​Combine Files into a Single PDF​ ​และ​จาก​นั้น​คลิก​​Add​​Files​หรือ Add Folder (ทุกไฟล์ที่บรรจุไว้ใน Folder) ​ ​ ​2​.​​เลือก​ไฟล์​และโฟว์เดอร์ ที่​ต้องการ​​​และ​คลิก​ปุ่ม​​Add​​Files​หรือ Choose ​ ​ ​3​.​​ปรับ​เปลี่ยน​ลำ�ดับ​ของ​ไฟล์​ตาม​ที่​ต้องการ​​โดย​ใช้​​Move​​Up​​หรือ​​Move​​Down​ ​และ​จาก​นั้น​เลือก​ขนาด​ของ​ไฟล์​​และ​ข้อ​ก�ำ หนดการ​แปลง​ ​ภาย​ใต้​หัวข้อ​​“​File​​Size​​”​ ​ ​ ​4​.​​เลือก​PDF​Portfolio 5. จากนั้นคลิกปุ่ม Create PDF​Portfolio ห​ มายเหตุ​:​ร​ ายละเอียดของการกำ�หนดเงื่อนไข การเปลี่ยนแปลงการแสดงผล การเพิ่มไฟล์ รูปแบบอื่นๆ ใน PDF Portfolio สามารถดูเพิ่มเติมได้จากหัวข้อ “Create PDF Portfolio” ​

Page 19

PDF Portfolio กระเป๋าจัดเก็บเอกสาร ในโปรแกรม Adobe Acrobat XI PDF Portfolio เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติในโปรแกรม Adobe Acrobat XI เพื่อใช้ในการจัดเก็บเอกสารให้เป็น หมวดหมู่ รวบรวมเอกสาร ภาพวาด อีเมล์ ตารางสเปรดชีต และริชมีเดีย เช่น วิดีโอ, เสียง, ภาพ 3 มิติ และแผนที่ ไว้ใน PDF Portfolio ที่มีการบีบอัดข้อมูล คุณสามารถเลือกใช้เทมเพลตแบบมืออาชีพที่มีอยู่มากมาย เพื่อผนวกรวมคอนเทนต์ ต่างๆ และกำ�หนดรูปแบบการนำ�ทาง (Navigation) พร้อมทั้งปรับแต่ง PDF Portfolio ของคุณ นอกจากนี้ยังสามารถสร้าง แบรด์ และปรับแต่งเทมเพลตของคุณ ด้วยรายละเอียดต่างๆ เช่น โลโก้ ชุดรูปแบบสี ภาพถ่าย และข้อมูลติดต่อ และคุณ สามารถแบ่งปัน PDF Portfolio บทแพลตฟอร์มที่หลากหลาย Acrobat ในเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ จะมีค�ำ สั่งที่ใช้ในการจัดการ และบริหารไฟล์ PDF อยู่แล้ว ซึ่งมีชื่อว่า Organizer แต่ใน Portfolio มีการจัดการ และจัดเก็บไฟล์ไว้ในที่ที่เดียวกัน เหมือนการ Package ทั้ง Organizer และ Package จะทำ�งานภายใต้รูปแบบไฟล์ PDF ส่วนใน Portfolio นอกจากไฟล์ PDF แล้ว ยังสามารถนำ�รูปแบบไฟล์อื่นๆ มาบรรจุ ไว้ในกระเป๋า หรือซองเอกสารได้ด้วย แต่ละไฟล์ไม่ได้นำ�มารวมเป็นไฟล์เดียวกัน แต่จะแยกเป็นอิสระ และจัดเก็บไว้ใน โฟว์เดอร์ที่สร้างขึ้นไว้ใน PDF Portfolio เมื่อเรียกใช้งาน แต่ละไฟล์ก็จะไปเรียกเปิดจากโปรแกรมที่สามารถเปิดอ่าน หรือ ใช้งานไฟล์นั้นๆ สำ�หรับไฟล์ PDF ก็เช่นกัน เมื่อมาอยู่ใน PDF Portfolio ก็สามารถแสดงผลได้ตามปกติ สามารถปรับ เลื่อนหน้า, ย่อ-ขยาย เพื่อดูข้อมูล และหากต้องการให้ไฟล์ PDF เปิดขึ้นมาเพื่อใช้งานบนโปรแกรม Adobe Acrobat ก็ สามารถทำ�ได้ง่ายๆ เพียงคลิกปุ่ม Open ไฟล์ PDF ก็จะถูกส่งไปเปิดในโปรแกรม Adobe Acrobat ทันที PDF Portfolio มีระบบการจัดเก็บไฟล์เป็นหมวดหมู่โดยอาศัย folder (ระบบกระเป๋า) และระบบการ จัดเรียง ข้อมูลที่หลากหลายให้มีความน่าใช้ยิ่งขึ้น สามารถเลือกใช้ Layout ตามต้องการ, ใส่หน้าต้อนรับ และหัวข้อส่วนบน, ใส่ สีของรายการ, ระบุการแสดงรายละเอียดของไฟล์ และผลิตงานเพื่อแจกจ่ายเผยแพร่ โดยการบันทึกเป็นไฟล์ PDF แบบ Portfolio, จัดส่งไปทาง Email หรือส่งไปเพื่อใช้ไฟล์ร่วมกันบนเว็บ www.acrobat.com

Page 20

ใน PDF Portfolio, คุณสามารถ:

ทำ�การรวมไฟล์ PDF และไม่ใช่ไฟล์ PDF เข้าด้วยกัน ทำ�การ Import และแปลงไฟล์ที่ไม่ใช่ไฟล์ PDF รวบรวม, จัดประเภท และคัดกรอง เพื่อการส่งกลับข้อมูลที่กรอกในแบบฟอร์ม (Acrobat 9 Standard หรือ Professional) สร้างอีเมล์ Portfolio ขึ้น โดยใช้กลไกของ PDFMaker ที่ฝังอยู่ในโปรแกรม Outlook หรือ Lotus Notes รวมไฟล์เข้าด้วยกันเก็บไว้ในโฟร์เดอร์ แก้ไขไฟล์ที่ไม่ใช้ PDF ได้โดยตรงจาก Portfolio และบันทึกสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงกลับไปที่ Portfolio ทำ�การค้นหาเอกสาร (ทั้งไฟล์ PDF และไม่ใช่ไฟล์ PDF) ทำ�การพิมพ์เฉพาะเนื้อที่ได้เลือกไว้ ใส่ headers และ footers, watermarks หรือ backgrounds ไปที่ไฟล์ทั้งหมด หรือเฉพาะไฟล์ที่เลือก ใช้ลายเซ็นดิจิตอล

กำ�หนดใส่กลุ่มตัวเลข

• • •

• • • • • •

วิธีการสร้าง PDF Portfolio 1. เปิดโปรแกรม Adobe Acrobat XI Pro 2. เลือกคำ�สั่ง File > Create > PDF Portfolio... หรือคลิกปุ่ม Create > PDF Portfolio... บนแถบเครื่องมือ จากนั้นจะปรากฏหน้า Create PDF Portfolio ขึ้นมา เพื่อเลือกรูปแบบของเลย์เอ้าท์ Portfolio ที่คุณต้องการ

>> ให้คลิกเลือกรูปแบบเลย์เอ้าท์ ภายใต้หัวข้อ Choose a layout for your Portfolio (ให้สังเกตุตัวอย่างของ เลย์เอ้าท์ที่แสดงอยู่ด้านขวามือ >> คุณสามารถนำ�เข้าเลย์เอ้าท์ ที่คุณได้จัดเตรียมไว้เข้ามาใช้งานได้ โดยคลิกที่ปุ่ม Import Custom Layout... 3. คลิกปุ่ม Add Files เพื่อใส่ไฟล์ต่างๆ ใน PDF Portfoilo หรือคลิกปุ่ม Finish เพื่อจบการเลือกรูปแบบเลย์เอ้าท์ แล้วจึงค่อยไปใส่ไฟล์ต่างๆ ในภายหลัง ข้อสังเกตุ: หลังจากคลิกปุ่ม Add Files หรือ Finish จะแสดงชื่อไฟล์เป็น Portfolio1.pdf Page 21

หมายเหตุ: การแสดงไฟล์ใน PDF Portfolio จะต้องทำ�งานร่วมกับเทคโนโลยี Flash เพราะฉนั้น คุณจะต้องติด ตั้ง Flash Player ที่เข้ากันได้กับ Adobe Reader และ Acrobat

ภายใต้หน้าต่าง PDF Portfolio จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน

- ส่วนที่ 1 เป็นแถบเครื่องมือด้านบนของหน้าต่าง เป็นปุ่มเครื่องมือ สำ�หรับใช้ในการแสดงผล, การบันทึก, การ พิมพ์, การ Share ข้อมูล และคำ�สั่งเพื่อปรับปรุง PDF Portfolio - ส่วนที่ 2 การแสดงผล เพื่อแสดงข้อมูลไฟล์ PDF และไฟล์อื่น ๆ โดยการแสดงผลจะเป็นไปตามเงื่อนไขที่ กำ�หนดจากคำ�สั่ง Edit Portfolio ภายใต้ Panel ด้านขวามือ - ส่วนที่ 3 พาเนลด้านขวา จะแยกตามหัวข้อ เช่น หัวข้อ Layout ก็จะประกอบไปด้วย คำ�สั่งสำ�หรับใส่เนื้อหา (Add Content), คำ�สั่งปรับเปลี่ยนเลย์เอ้าท์ (Portfolio Layouts), คำ�สั่งเปลี่ยนสี (Color Palettes) และคำ�สั่งกำ�หนดพื้นหลัง (Background) เพื่อเพิ่มความน่าใช้ และสะดวกต่อการเรียกใช้งาน 4. ทำ�การบันทึกชื่อของ Portfolio โดยกดปุ่ม ที่อยู่ด้านบนของหน้าต่าง เลือกคำ�สั่ง Save Portfolio และจากนั้นตั้งชื่อไฟล์ของ Portfolio ตามต้องการ

5. สร้างกระเป๋าเพื่อจัดเก็บไฟล์ ให้คลิกที่ปุ่ม Create New Folder ทำ�การตั้งชื่อกระเป๋า, คลิกปุ่ม OK กระเป๋าที่สร้างขึ้นมาใหม่จะปรากฏอยู่ในรายการ Portfolio Page 22

วิธีใส่ไฟล์ PDF และไฟล์อื่นๆ ใน PDF Portfolio

การใส่ไฟล์ PDF สามารถใส่เข้าไปทีละไฟล์ หรือใส่ทั้งกระเป๋าก็ได้ สามารถใส่ไฟล์เข้าไปตรงๆ ใน Portfolio หรือ ใส่เข้าไปให้อยู่ภายในกระเป๋าที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้ก็ได้ โดยให้ปฎิบัติดังต่อไปนี้ 1. คลิกปุ่ม Add Files จากนั้นเลือกไฟล์ PDF หรือไฟล์อื่นๆ ที่ต้องการใส่เข้าไปใน Portfolio, คลิก Open

2. คลิกปุ่ม Add Folder จากนั้นเลือกกระเป๋าที่ต้องการใส่เข้าไปใน Portfolio, คลิกปุ่ม OK ไฟล์ทั้งหมดที่อยู่ในกระเป๋าก็จะถูกบรรจุเข้าไปพร้อมกันได้วย 3. หากต้องการใส่ไฟล์เข้าไปในกระเป๋าที่มีการสร้างไว้ก่อนหน้า ให้เลือกกระเป๋าที่ต้องการนำ�ไฟล์มาใส่ไว้ภายใน โดยการ Double-Click ที่กระเป๋า จากนั้นก็ทำ�การใส่ไฟล์ข้อมูลตามต้องการ จะใส่ทีละไฟล์ หรือใส่ทั้งกระเป๋าก็ได้ (ดูจากขั้นตอนที่ 1 และ 2)

วิธีการเรียกดูไฟล์ใน PDF Portfolio

1. คลิกที่ปุ่ม Preview บนแถบเครื่องมือด้านบน >> ให้เลือกไฟล์ที่ต้องการจะเรียกดู จากนั้นให้ทำ�การ Double-Click ที่ไฟล์นั้นๆ >> หากต้องการให้ไฟล์ เปิดขึ้นจากโปรแกรมต้นทางของไฟล์นั้นๆ ให้ทำ�การ Double-Click อีกครั้ง หรือใช้คลิกเลือกที่ปุ่ม Open File ที่แสดงอยู่มุมบนของ PDF Portfolio กรณี ไฟล์ที่มีหลายๆ หน้า จะปรากฏปุ่มเพื่อเลื่อนหน้าอยู่ด้านล่างไฟล์นั้นๆ หากต้องการเลื่อนหน้า ให้คลิกที่ ลูกศรขึ้น-ลงเพื่อเลื่อนหน้า หรือหากต้องการไปยังหน้าต่างๆ ให้คลิกลงในช่องเลขหน้า ป้อนเลขหน้าที่ต้องการ

>> หากไม่ต้องการเปิดไฟล์ที่เลือก ให้คลิกปุ่มกากบาท ซึ่งอยู่ด้านบนของไฟล์ที่เลือก เพื่อปิดไฟล์นั้นกลับไป Page 23

2. กรณีไฟล์ที่จะเรียกดูถูกจัดเก็บไว้ในกระเป๋าอีกชั้นหนึ่ง ให้ท�ำ การ Double-Click เพื่อเข้าไปภายในกระเป๋านั้นก่อน แล้วจึงเลือกไฟล์ที่ต้องการที่จะเปิดดู - การปรับเลื่อนไปยังไฟล์อื่นๆ ที่อยู่ในกระเป๋าเดียวกัน หรืออยู่ใน Portfolio เดียวกัน ให้คลิกที่รูปสัญลักษณ์ลูกศรซ้าย-ขวา ซึ่งแสดงอยู่ที่ตำ�แหน่งด้านซ้าย-ขวา ของแต่ละไฟล์ที่เปิดขึ้นมา

การแก้ไข เปลี่ยนแปลง PDF Portfolio การแก้ไข เปลี่ยนแปลง Portfolio จะสามารถทำ�ได้โดยการเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ ที่อยู่ในพาแนลด้านขวามือ ของ Portfolio ภายใต้หัวข้อ Edit การที่เราปิดไฟล์ Portfolio และเปิดกลับขึ้นมาใช้ใหม่ทุกครั้ง จะกลับมาอยู่ใน โหมด Preview คำ�สั่งส่วนพาแนลจะ ถูกซ่อนไว้ เพื่อให้ส่วนของการแสดงข้อมูลมีพื้นที่ใน การแสดงผลมากขึ้น หากต้องการที่จะแก้ไข ก็ต้องไปเลือกคำ�สั่ง Edit Portfolio อยู่ที่แถบเครื่องมือด้านบน เมื่อเลือกปุ่มคำ�สั่ง Edit พาแนลการแก้ไขก็จะแสดงขึ้นมา หรือถ้าต้องการปิดก็กลับไปที่ปุ่มคำ�สั่ง Preview การเรียกใช้คำ�สั่งต่าง ๆ และการกำ�หนดเงื่อนไขใน Edit Portfolio โดยคลิกเลือกไปที่หัวข้อของคำ�สั่ง จากนั้นก็ เลือกคำ�สั่งย่อย ซึ่งก็จะทำ�การแสดงรายการเฉพาะหัวข้อที่เราเลือก ส่วนรายการในหัวข้ออื่นๆ ก็จะถูกซ่อนไว้

Layout เลือกรูปแบบเลย์เอ้าท์ของ Portfolio ซึ่งมีให้เลือกหลายรูปแบบ อาทิเช่น Click-Through, Freeform, Grid, Linear และ Wave นอกจากนั้นยังสามารถเลือก Themes ได้อีกด้วย จากรายการ Visual Themes เช่น Clean, Spring, Tech Office, Modern เป็นต้น Page 24

Color Palettes เลือกสีให้กับรูปแบบของ Portfolio ที่สร้างขึ้น โดยจะเป็นตารางสีให้เลือก หรือถ้าคุณไม่ต้องการสีที่มีอยู่ คุณก็ยัง สามารถที่จะสร้างสีขึ้นมาใช้เองได้ การสร้างสีขึ้นมาใช้เอง ให้คลิกเลือกที่ Create from Existing เมื่อเลือกชุดสีเสร็จแล้ว ให้คลิกปุ่ม Save ในชุดสีจะแบ่งเป็น 5 ส่วน Background Color (สีพื้นหลัง), Border (สีกรอบ)] Primary (สีอันดับแรกที่ใช้กับ กรอบ หรือป้ายรายการ), Accent (สีของบัตร หรือป้ายรายการ), Text (สีของตัวอักษร)

Details กำ�หนดรายละเอียดของไฟล์ ซึ่งประกอบไปด้วย Columns to Display (กำ�หนดคอลัมน์เพื่อการ แสดงรายละเอียดของไฟล์) และ Initial Sort (กำ�หนดอักษรแรกเพื่อการจัดเรียงลำ�ดับของไฟล์) ทั้ง 2 ข้อกำ�หนด ทั้งการแสดงผล และการจัดลำ�ดับ ยึดตามหัวข้อ Name, Description, Modified, Compressed size และ Create Page 25

Share การเผยแพร่ และกระจาย Portfolio โดยการ (SAVE) บันทึก, ส่งทาง Email และแบ่งบัน Portfolio

Page 26

Electronic Signature ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ ในโปรแกรม Adobe Acrobat XI

การเซ็นในไฟล์ PDF ด้วย Adobe EchoSign Electronic Signature การเซ็นในไฟล์ PDF

​ ​ ​ ​

ว​ ิธีการเซ็นในไฟล์ PDF, คุณสามารถใช้การพิมพ์, ใช้กล้องถ่ายภาพ หรือสแกนภาพลายเซ็นที่ เขียนด้วยลายมือ , การวาดภาพ หรือการใส่ภาพลายเซ็นของคุณ หรือการวางใบรับรองลายเซ็น คุณสามารถ ใส่ข้อความ เช่น ชื่อ, บริษัท, ตำ�แหน่ง หรือวันที่ เมื่อเอกสารสมบูรณ์ ลายเซ็น และข้อความจะเป็นส่วนหนึ่ง ของ PDF Type my signature พิมพ์ชื่อลงในช่อง Enter Your Name โปรแกรม Acrobat จะทำ�การสร้างลาย เซ็นให้คุณ คุณสามารถเลือกรูปแบบลายเซ็นจากรายการขนาดเล็ก คลิก Change Signature Style เพื่อดู ลักษณะที่แตกต่างของลายเซ็น เมื่อคุณพอใจกับลายเซ็นของคุณแล้ว, คลิก Accept 1. เปิดไฟล์ PDF ที่คุณต้องการเซ็น 2. เลือก Sign > I Need To Sign 3. ทำ�การใส่ข้อความ, เช่น ชื่อ, บริษัท, ตำ�แหน่ง หรือวันที่such, คลิก Add Text ในพาแนล I Need To Sign คลิกในเอกสารตำ�แหน่งที่คุณต้องการจะใส่ข้อความ และพิมพ์ข้อความ

4. ในพาแนล Need To Sign, คลิก Place Signature

ในการเซ็นครั้งแรก, dialog box ตัวเลือก Place Signature จะเปิดขึ้นมา เพื่ออนุญาติให้คุณทำ�การ สร้าง หรือนำ�เข้าลายเซ็นของคุณ Page 27

5. (การเซ็นครั้งแรก) ในพาแนล Place Signature, เลือกชนิดของลายเซ็นของคุณที่ต้องการจะวางใน เอกสาร PDF

6. คลิกใน PDF ตำ�แหน่งที่ต้องการวางลายเซ็นของคุณ 7. วิธีการย้าย, ปรับขนาด หรือหมุนลายเซ็น ให้ทำ�อย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

A. pointer สำ�หรับการย้าย B. pointer สำ�หรับปรับขนาด C. pointer การหมุน Move: ให้นำ�เคอเซอร์ไปวางไว้บนลายเซ็น และทำ�การย้ายตำ�แหน่ง Resize: ลากจุดจับที่มุมใดมุมหนึ่งเพื่อปรับขนาด Rotate: วางตำ�แหน่งเคอร์เซอร์ไปที่จุดจับการหมุน (จุดจับอยู่ด้านบนตรงกลาง), เมื่อเคอร์เซอร์มีการ เปลี่ยนแปลงไปเป็นรูปลูกศรวงกลม ให้ทำ�การลาก​​เพื่อหมุนลายเซ็น การสร้างลายเซ็นเพื่อเซ็นใน PDF คุณสามารถเพิ่มลายเซ็นของคุณไปที่ PDF โดยใช้เทคนิคใดเทคนิคหนึ่งที่แนะนำ�ด้านล่างนี้: พิมพ์ลายเซ็น พิมพ์ชื่อของคุณในช่อง Enter Your Name โปรแกรม Acrobat จะทำ�การสร้างลายเซ็นให้คุณ คุณ สามารถเลือกรูปแบบลายเซ็นจากรายการขนาดเล็ก คลิก Change Signature Style เพื่อดูลักษณะที่แตกต่าง ของลายเซ็น เมื่อคุณพอใจกับลายเซ็นของคุณแล้ว, คลิก Accept ใช้กล้องถ่ายภาพ ตัวเลือก Use Webcam เปิดเฟรมวิดีโอที่ช่วยให้คุณสามารถถ่ายภาพลายเซ็นของคุณ โดยใช้กล้อง ดิจิทัลระบบที่ใช้ถ่ายภาพเพื่อใช้งานบนเว็บ

Page 28

เซ็นชื่อของคุณด้วยหมึกดำ� บนกระดาษขาว เพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ดี และทำ�การถ่ายภาพด้วยกล้อง Webcam โดยการคลิกที่ปุ่ม Start Webcam เพิ่มเริ่มต้นถ่ายภาพลายเซ็น

หมายเหตุ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลายเซ็นของคุณอยู่ในแหน่งถูกต้อง บนเส้นสีน้ำ�เงินในกรอบการ แสดงผลวิดีโอ ดูตัวอย่างลายเซ็นจากภาพถ่าย เมื่อคุณถึงพอใจกับลายเซ็นของคุณแล้ว ให้คลิก Accept วาดลายเซ็น ภาพลายเซ็นของคุณในช่อง Draw Your Signature เมื่อคุณถึงพอใจกับลายเซ็นของคุณแล้ว ให้คลิก Accept ใช้รูปถาพ 1. เซ็นชื่อของคุณด้วยหมึกดำ�บนแผ่นกระดาษเปล่าสีขาวที่สะอาด เซ็นตรงกลางของกระดาษ เวลาที่ คุณถ่ายภาพ หรือสแกนจะได้ไม่ติดขอบกระดาษ 2. ถ่ายภาพ หรือสแกนลายเซ็นของคุณ ในขณะที่คุณถ่ายภาพลายเซ็น ต้องเช็คให้แน่ใจว่า บน กระดาษนั้นมีแสงสว่างเพียงพอ และไม่มีเงาตกกระทบอยู่ในลายเซ็น 3. ถ่ายโอนภาพถ่าย หรือสแกนไปยังคอมพิวเตอร์ของคุณ โปรแกรมจะรองรับไฟล์ JPG, PNG, GIF, BMP, TIFF, และ PDF เมื่อลายเซ็นคุณปรากฎใน dialog box, คลิก Accept ใช้ใบรับรอง คลิก Next ทำ�ตามคำ�แนะนำ�บนหน้าจอ เพื่อกำ�หนดว่าจะวางลายเซ็น, กำ�หนดลักษณะ และบันทึก ลายเซ็นในรูปแบบไฟล์ PDF

การเซ็นชื่อในไฟล์ PDF โดยใช้ Adobe EchoSign

คุณสามารถเซ็นเอกสารสาร โดยใช้ EchoSign ซึ่งเป็นบริการแบบออนไลน์ ช่วยให้คุณเซ็นเอกสารได้เร็วขึ้นในเว็บ บราวเซอร์ โดยไม่ต้องมี digital ID การบริการแบบออนไลน์ จะมีการติดตามการเซ็นชื่อทั้งกระบวน EchoSign จะบริการส่งอีเมลไปยังผู้เซ็นเอกสาร ที่คุณต้องการให้เซ็นเอกสารของคุณ พวกเขาตรวจสอบ และเซ็นใน Page 29

เอกสารผ่านเว็บไซต์ ภายใต้ระบบการรักษาความปลอดภัยของ EchoSign เมื่อมีการเซ็นเอกสาร, ทั้งคุณ และผู้เซ็น เอกสารของคุณ จะได้รับเอกสารที่เซ็นในรูปแบบไฟล์ PDF ทางอีเมล และ EchoSign จะทำ�การจัดเก็บเอกสารที่เซ็นใน บัญชีของคุณเพื่อนำ�มาใช้อ้างอิงในภายหลัง ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ให้เข้าไปที่เว็บไซต์: www.echosign.com 1. เปิด PDF ที่ต้องการจะเซ็น 2. เปิดคำ�สั่ง Sign (คลิก Sign บนแถบเครื่องมือด้านขวา)

3. คลิก Get Others To Sign เพื่อเปิดพาแนล

4. คลิก Send for Signature 5. เมื่อข้อความ “The document has been uploaded to Adobe EchoSign” ปรากฏขึ้นมา, คลิก Proceed to Adobe EchoSign เพื่อให้ดำ�เนินการต่อ

6. เมื่อเว็บไซต์ EchoSign เปิดขึ้นในเว็บบราวเซอร์ของคุณ ให้ปฏิบัติค�ำ แนะนำ�บนหน้าจอ เพื่อส่งไฟล์ PDF Page 30

Digital IDs (รหัสดิจิทัล)

เกี่ยวกับรหัสดิจิทัล

รหัสดิจิตอล รวมถึงคีย์ส่วนตัว ที่คุณใช้ป้องกัน และกุญแจสาธารณะ (ใบรับรอง ) ที่คุณใช้แบ่งปัน

รหัสดิจิทัล คืออะไร รหัสดิจิทัล เป็นเหมือนใบอนุญาตขับอิเล็กทรอนิกส์ หรือหนังสือเดินทาง ที่ใช้พิสูจน์ตัวตนของคุณ รหัสดิจิทัล มักจะมีชื่อของคุณ และที่อยู่อีเมล , ชื่อขององค์กรที่ออก, หมายเลข และวันหมดอายุ รหัส ดิจิทัลที่ใช้ส�ำ หรับการรักษาความปลอดภัยที่ผ่านการรับรอง และลายเซ็นดิจิตอล รหัสดิจิตอลมีสองคีย์: คีย์ล็อคสาธารณะ หรือเข้ารหัสข้อมูล; การปลดล็อคคีย์ส่วนตัว หรือถอดรหัส ข้อมูล เมื่อคุณเซ็นไฟล์ PDF, คุณใช้คีย์ส่วนตัวเพื่อใช้ลายเซ็นดิจิตอลของคุณ คีย์สาธารณะที่อยู่ในใบรับ รอง คุณใช้ส�ำ หรับแจกจ่ายให้กับผู้อื่น ตัวอย่างเช่น คุณสามารถส่งใบรับรองไปยังผู้ที่ต้องการตรวจสอบลาย เซ็น หรือตัวตนของคุณ เก็บรหัสดิจิทัลของคุณ ในสถานที่ที่ปลอดภัย เพราะมีคีย์ส่วนตัวของคุณ ที่คนอื่น ๆ สามารถใช้ในการถอดรหัสข้อมูลของคุณ ทำ�ไมต้องใช้ รหัสดิจิทัล คุณไม่จ�ำ เป็นต้องใช้รหัสดิจิทัลสำ�หรับงานส่วนมากที่คุณทำ�ในไฟล์ PDF ตัวอย่างเช่น คุณไม่จำ�เป็น ต้องมีรหัสดิจิทัล ในการสร้างไฟล์ PDF, ใส่ความเห็นในไฟล์ PDF และแก้ไขไฟล์ PDF แต่คุณต้องมีรหัส ดิจิทัลที่จะลงนามในเอกสาร หรือการเข้ารหัสไฟล์ ที่ผ่านการรับรอง จะได้รับรหัสดิจิทัลอย่างไร คุณจะได้รับรหัสดิจิทัล จากผู้ให้บริการ บุคคลที่สาม หรือคุณสามารถสร้างรหัสดิจิทัล เพื่อใช้ในการ ลงนามตนเอง รหัสดิจิทัลสำ�หรับลงนามตนเอง รหัสดิจิทัลลงนามตนเอง เพียงพอสำ�หรับการใช้งานส่วนบุคคล หรือธุรกิจขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาด กลาง การใช้งาน ควรจะจำ�กัดให้แก่บุคคล ที่ได้สร้างความไว้วางใจซึ่งกัน และกัน Page 31

รหัสการรับรองจากหน่วยงาน การดำ�เนินธุรกิจ ส่วนใหญ่ต้องการรหัสดิจิทัล จากผู้ให้บริการ บุคคลที่สาม ที่เชื่อถือได้ เรียกว่า การ รับรอง เพราะผู้มีอ�ำ นาจในการรับรองเป็นผู้รับผิดชอบ ในการตรวจสอบตัวตนของคุณ ให้กับผู้อื่น ให้เลือก บริษัทที่มีความไว้วางใจ ควรเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ท�ำ ธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต ในเว็บไซต์ Adobe จะให้ชื่อคู่ ค้า ของ Adobe ที่ทำ�ธุรกิจเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย ที่มีบริการรหัสดิจิตอล และโซลูชั่นรักษาความ ปลอดภัย อื่น ๆ ดูรายละเอียดได้ที่ www.adobe.com/security/partners/index.html การสร้างรหัสดิจิทัล สำ�หรับลงนามตนเอง การทำ�ธุรกรรมที่มีความสำ�คัญระหว่างธุรกิจโดยทั่วไป ต้องการรหัสจากผู้มีอำ�นาจในการรับรอง มากกว่าหนึ่งคนในลงนาม 1. ใน Preferences เลือก Signatures 2. เลือก Identities & Trusted Certificates และ คลิก More 3. เลือก Digital IDs อยู่ทางด้านซ้าย แล้ว คลิกปุ่ม Add ID 4. เลือกตัวเลือก New Digital ID I Want To Create Now และ คลิก Next 5. ระบุตำ�แหน่งที่ต้องการจัดเก็บรหัสดิจิทัล และคลิก Next New PKCS#12 Digital ID File เก็บข้อมูลรหัสดิจิตอลในแฟ้มที่มีนามสกุล .pfx ใน Windows และ .p12 ใน Mac OS คุณสามารถใช้ไฟล์ที่สลับกันระหว่างระบบปฏิบัติการ ถ้าคุณย้ายไฟล์จาก ระบบปฏิบัติการหนึ่งไปยังอีกระบบระบบปฏิบัติการหนึ่ง โปรแกรม Acrobat จะทำ�การจำ�แนกได้เอง Windows Certificate Store (Windows only) เก็บรหัสดิจิทัลไปยังสถานที่ที่พบได้ง่ายจาก การใช้งาน ทั่วไปของโปรแกรมบน Windows นอกจากนี้ยังสามารถเรียกดูได้ง่าย 6. พิมพ์ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ สำ�หรับรหัสดิจิทัลของคุณ เมื่อคุณรับรอง หรือลง นามในเอกสาร ชื่อจะปรากฏในพาแนล Signatures และในฟิลด์ Signature 7. เลือกตัวเลือกจากเมนู Key Algorithm สำ�หรับตัวเลือก 2048-bit RSA จะมีความปลอดภัยสูงกว่า 1024-bit RSA แต่ 1024-bit RSA เป็นที่ยอมรับ และใช้กันแพร่หลาย 8. จาก เมนู Use Digital ID For ให้เลือกว่าคุณต้องการใช้รหัสดิจิทัล สำ�หรับเซ็นชื่อ, การเข้ารหัส ข้อมูล หรือทั้งสองอย่าง 9. พิมพ์รหัสผ่าน สำ�หรับไฟล์รหัสดิจิทัล การกดแป้นพิมพ์แต่ละตัวอักษร จะเป็นการวัดถึงรหัสผ่า นที่ดี หรือความมั่นคงของรหัสผ่าน การประเมินรหัสผ่านของคุณ และแสดงถึงรหัสผ่านที่ดี จะใช้รูปแบบสี ยืนยันรหัสผ่านของคุณ คุณสามารถ export และส่งไฟล์ใบรับรองของคุณ ไปยังรายชื่อ ที่สามารถใช้เพื่อทำ�การตรวจสอบ ลายเซ็นของคุณ หมายเหตุ: ทำ�สำ�เนา สำ�รองของแฟ้ม ID ดิจิตอลของคุณ ถ้าแฟ้ม รหัสดิจิทัล ของคุณสูญหายหรือ เสียหายหรือ หากคุณลืม รหัสผ่านของคุณ คุณไม่สามารถใช้ รายละเอียด ที่ จะเพิ่ม ลายเซ็น Page 32

ลงทะเบียนรหัสดิจิทัล เพื่อที่จะใช้รหัสดิจิทัลของคุณ จะต้องทำ�การลงทะเบียน ID ของคุณ ด้วย Acrobat Reader 1. เลือก Preferences > Signatures ใน Identities & Trusted Certificates และคลิก More 2. เลือก Digital IDs อยู่ทางด้านซ้าย 3. คลิกที่ปุ่ม Add ID 4. เลือกหนึ่งในตัวเลือกดังต่อไปนี้: A File เลือกตัวเลือกนี้ ถ้าคุณได้รับรหัสดิจิทัลเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ ทำ�ตามข้อมูลแจ้ง เพื่อ เลือกไฟล์รหัสดิจิทัล, พิมพ์รหัสผ่านของคุณ และเพิ่มรหัสดิจิทัลในรายการ A Roaming Digital ID Stored On A Server เลือกตัวเลือกนี้ จะใช้รหัสดิจิทัลที่เก็บไว้ใน เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ส�ำ หรับการลงนาม ให้พิมพ์ชื่อเซิร์ฟเวอร์ และ URL ที่อยู่จัดเก็บรหัสดิจิทัล A Device Connected To This Computer เลือกตัวเลือกนี้ ถ้าคุณมีเครื่องหมายการรักษา ความปลอดภัย หรือเครื่องหมายฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของคุณ 5. คลิก Next และปฏิบัติตามคำ�แนะนำ�บนหน้าจอ เพื่อลงทะเบียนรหัสดิจิทัลของคุณ ระบุค่าเริ่มต้นรหัสดิจิทัล เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับแจ้งให้เลือกรหัสดิจิทัลในแต่ละครั้งที่เข้าสู่ระบบของคุณ หรือการรับรอง PDF คุณสามารถเลือกรหัสดิจิทัลค่าเริ่มต้นได้ 1. เลือก Preferences > Signatures ใน Identities & Trusted Certificates และ คลิก More 2. เลือก Digital IDs อยู่ทางด้านซ้าย และจากนั้นเลือกรหัสดิจิทัล ที่คุณต้องการใช้เป็นค่าเริ่มต้น 3. คลิกปุ่ม Usage Options และเลือก task ที่คุณต้องการรหัสดิจิทัลเป็นค่าเริ่มต้น เพื่อระบุรหัส ดิจิทัลเป็นค่าเริ่มต้นสำ�หรับสองงาน ให้คลิกปุ่มตัวเลือกการใช้งานอีกครั้ง และเลือกตัวเลือกที่สอง เครื่องหมายเช็ค จะปรากฏถัดจากตัวเลือกที่เลือก หากคุณเลือกเฉพาะการลงนาม ไอคอน Sign จะ ปรากฏถัดจากรหัสดิจิทัล หากคุณเลือกเฉพาะการเข้ารหัส ไอคอน Lock จะปรากฏขึ้น หากคุณเลือกเฉพาะ การรับรอง หรือถ้าคุณเลือกการลงนามและตัวเลือกการรับรอง ่ไอคอนริบบิ้นสีฟ้าจะปรากฏขึ้น เปลี่ยนรหัสผ่าน และกำ�หนดเวลาการใช้ สำ�หรับรหัสดิจิทัล รหัสผ่าน และกำ�หนดเวลาการใช้ สามารถตั้งค่าสำ�หรับ PKCS #12 ID หาก PKCS # 12 ID มีหลายรหัส การกำ�หนดค่ารหัสผ่านและการกำ�หนดเวลการใช้ในระดับไฟล์ หมายเหตุ: รหัสดิจิทัลสำ�หรับการลงนามตนเอง จะหมดอายุภายในอีกห้าปี หลังจากวันที่หมดอายุ คุณสามารถใช้รหัสเป็นปกติ แต่ลงนาม หรือเข้ารหัสเอกสารไม่ได้ 1. เลือก Preferences > Signatures ใน Identities & Trusted Certificates และ คลิก More 2. ขยาย Digital IDs ด้านซ้าย, ให้เลือก Digital ID Files แล้วเลือกรหัสดิจิทัลที่อยู่ด้านขวา 3. คลิก Change Password พิมพ์รหัสผ่านเก่า และรหัสผ่านใหม่ แล้วคลิก OK Page 33

4. ด้วย ID ยังคงเลือกอยู่ ให้คลิกที่ปุ่ม Password Timeout 5. ระบุความถี่ ที่คุณต้องการที่จะได้รับแจ้งให้ใส่รหัสผ่าน: Always จะแจ้งในแต่ละครั้งเวลาที่คุณใช้รหัสดิจิทัล After ช่วยให้คุณสามารถระบุช่วงเวลา Once Per Session จะแจ้งคุณ เมื่อคุณเปิด Acrobat แต่ละครั้ง Never คุณไม่ถามรหัสผ่าน 6. พิมพ์รหัสผ่าน และ คลิก OK การลบรหัสดิจิทัล เมื่อคุณลบรหัสดิจิทัลใน Acrobat, คุณจะลบไฟล์จริง PKCS # 12 ที่มีทั้งคีย์ส่วนตัว และใบรับรอง ก่อนที่จะลบรหัสดิจิทัลของคุณ ให้แน่ใจว่ามันไม่ได้ใช้งานโดยโปรแกรมอื่น ๆ หรือมีจ�ำ เป็นต้องใช้ส�ำ หรับ การถอดรหัสในเอกสารใดๆ หมายเหตุ: คุณสามารถลบเฉพาะรหัสดิจิทัลลงนามด้วยตนที่คุณสร้างใน Acrobat รหัสดิจิทัลที่ได้รับ จากผู้ให้บริการอื่นไม่สามารถลบได้ 1. เลือก Preferences > Signatures ใน Identities & Trusted Certificates และ คลิก More 2. เลือก Digital IDs ด้านซ้าย และจากนั้นเลือกรหัสดิจิทัลที่จะลบ 3. คลิก เRemove ID, แล้วคลิก OK

Page 34

การตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัล

การตั้งค่าการตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัล เมื่อคุณได้รับเอกสารที่ลงนาม คุณอาจต้องการที่จะตรวจสอบลายเซ็น เพื่อการตรวจสอบผู้เซ็น และเนื้อหาที่เซ็น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการที่คุณได้ก�ำ หนดในโปรแกรมของคุณ การตรวจสอบอาจจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ความถูกต้องลายเซ็น จะถูกกำ�หนดโดยการตรวจสอบความถูกต้องของสถานะใบรับรองลายเซ็นดิจิทัล และ ความสมบูรณ์เอกสาร: การตรวจสอบความถูกต้อง จะเป็นการยืนยันว่าใบรับรองของผู้เซ็น หรือแหล่งกำ�เนิดของใบรับรอง ที่มีอยู่ใน รายการตรวจสอบ มีตัวตนจริง และเป็นที่เชื่อถือได้ นอกจากนี้ยังเป็นการยืนยันว่าใบรับรองการเซ็นที่ถูกต้อง จะขึ้นอยู่ กับการกำ�หนดค่าการใช้งานในโปรแกรม Acrobat หรือโปรแกรม Adobe Reader การตรวจสอบความสมบูรณ์ของเอกสาร เป็นการยืนยันว่าเนื้อหาที่เซ็น ได้มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่มันถูก เซ็นหรือไม่ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหา ในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของเอกสาร จะมีการยืนยันว่าเนื้อหามีการ เปลี่ยนแปลงไปในลักษณะใด จากเดิมที่ได้รับอนุญาตโดยผู้เซ็น

ตั้งค่าอ้างอิงการตรวจสอบลายเซ็น 1. เปิด Preferences

2. ภายใต้ Categories, เลือก Signatures 3. สำ�หรับ Verification, คลิก More 4. เพื่อการตรวจสอบลายเซ็นทั้งหมดโดยอัตโนมัติในรูปแบบ PDF เมื่อคุณเปิดเอกสารขึ้นมา Page 35

ให้เลือก Verify Signatures When The Document Is Opened ซึ่งตัวเลือกนี้ จะถูกเลือกเป็นค่าตั้งต้น

5. เลือกตัวเลือกในการตรวจสอบตามที่ต้องการ และคลิก OK

Verification Behavior (พฤติกรรมในการตรวจสอบ) When Verifying : ตัวเลือกเหล่านี้ระบุวิธีการที่ก�ำ หนดว่า จะเลือกเสริม (คำ�สั่ง) การตรวจสอบลายเซ็น อย่างไร การเสริมการตรวจสอบที่เหมาะสมมักจะถูกเลือกโดยอัตโนมัติ ควรติดต่อผู้ดูแลระบบของคุณเกี่ยวกับการเสริมที่ ต้องการที่เฉพาะเจาะจงสำ�หรับการตรวจสอบลายเซ็น Require Certificate Revocation Checking To Succeed Whenever Possible ... : การตรวจสอบ ใบรับรองเทียบกับรายการใบรับรองที่ได้รับการยกเว้นในระหว่างการตรวจสอบ โดยค่าเริ่มต้น ตัวเลือกนี้จะถูกเลือกไว้ หากคุณยกเลิกการเลือกตัวเลือกนี้ สถานะการยกเลิกสำ�หรับลายเซ็นที่ได้รับการอนุมัติจะถูกละเว้น สถานะการยกเลิกจะ ถูกตรวจสอบอยู่เสมอสำ�หรับการรับรองลายเซ็น Verification Time (เวลาของการตรวจสอบ) Verify Signatures Using : เลือกตัวเลือกนี้ เพื่อระบุวิธีการตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัลเพื่อความถูกต้อง โดยค่าเริ่มต้น คุณสามารถตรวจสอบเวลาตามเวลาที่ลายเซ็นถูกสร้างขึ้น อีกทางเลือกหนึ่งคือตรวจสอบโดยขึ้นอยู่กับ เวลาปัจจุบัน หรือเวลาที่ก�ำ หนดโดยการบันทึกเวลาของเซิร์ฟเวอร ์เมื่อมีการเซ็นเอกสาร Use Expired Timestamps : ใช้เวลาที่มีความปลอดภัยที่มีให้โดยการบันทึกเวลา หรือฝังตัวอยู่ในลาย เซ็นแม้ว่าใบรับรองลายเซ็นที่หมดอายุแล้ว โดยค่าเริ่มต้น ตัวเลือกนี้จะถูกเลือกไว้ ยกเลิกการเลือกตัวเลือกนี้จะช่วยให้ โละทิ้งบันทึกเวลาที่หมดอายุ Verification Information : เป็นระบุข้อมูลเพิ่มเติมในการตรวจสอบการเซ็นในรูปแบบไฟล์ PDF ค่าเริ่มต้น คือ Page 36

จะมีการแจ้งเตือนผู้ใช้ เมื่อข้อมูลการตรวจสอบที่มีขนาดใหญ่เกินไป Windows Integration : เป็นระบุว่า จะเชื่อถือใบรับรองหลักทั้งหมดในคุณลักษณะของ Windows Certificates เมื่อมีการตรวจสอบลายเซ็น และรับรองเอกสาร การเลือกตัวเลือกเหล่านี้ สามารถยอมรับการรักษาความปลอดภัย ตั้งค่าระดับความน่าเชื่อถือของใบรับรอง ในโปรแกรม Acrobat หรือ Reader, ลายเซ็นจะได้การรับรอง หรือการเซ็นเอกสารที่ถูกต้อง ถ้าคุณ และผู้เซ็นมี ความสัมพันธ์ และทีความไว้วางใจกัน ระดับความน่าเชื่อถือของใบรับรองแสดงให้เห็นการกระทำ�ที่คุณไว้วางใจผู้เซ็น คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าความไว้วางใจจากใบรับรองเพื่อให้เป็นการดำ�เนินการเฉพาะ ตัวอย่างเช่น คุณ สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าเพื่อเปิดใช้งานเนื้อหาแบบไดนามิก และฝัง JavaScript ในเอกสารที่ได้รับการรับรอง 1. เปิด Preferences 2. ภายใต้ Categories, เลือก Signatures 3. สำ�หรับ Identities & Trusted Certificates, คลิก More 4. เลือก Trusted Certificates ที่อยู่ด้านซ้ายมือ 5. เลือกใบรับรองจากรายการ และคลิก Edit Trust 6. ในแถบ Trust, เลือกตัวเลือดใดตัวเลือกหนึ่งของรายการต่อไปนี้ เพื่อกำ�หนดความน่าเชื่อถือใบรับรองนี้ Use This Certificate As A Trusted Root ใช้ใบรับรองนี้ เป็นใบรับรองหลัก ใช้เป็นต้นกำ�เนิดของผู้มีอำ�นาจ ใน ห่วงโซ่ของการออกใบรับรอง โดยไว้วางใจให้เป็นใบรับรองหลัก จากใบรับรองทั้งหมดที่ออกโดยผู้มีอ�ำ นาจ Signed Documents Or Data ยอมรับตัวตนของผู้ลงนามr Certified Documents ความน่าเชื่อถือเอกสารในกรณีที่ผู้มีอ�ำ นาจได้รับรองเอกสารด้วยลายเซ็น่ คุณไว้วางใจผู้ เซ็นในการรับรองเอกสาร และคุณยอมรับการกระทำ�ในเวลาที่มีการรับรองเอกสาร เมื่อคุณเลือกตัวเลือกนี้, ให้กำ�หนดตัวเลือกดังต่อไปนี้: Dynamic content ยอมให้ภาพยนตร์, เสียง และองค์ประกอบแบบไดนามิกอื่นๆ ที่จะเล่นในเอกสาร ได้รับการรับรอง Embedded High Privilege JavaScript ช่วยให้ JavaScript ที่ฝังอยู่ในไฟล์ PDF ได้รับการยกเว้น เพื่อ ที่จะถูกเรียกใช้ ไฟล์ JavaScript ที่สามารถนำ�มาใช้ในรูปแบบที่เป็นอันตราย จะต้องระมัดระวังในการเลือกตัวเลือกนี้ ให้ เลือกเฉพาะเมื่อมีความจำ�เป็นเกี่ยวกับการรับรองที่คุณต้องการความเชื่อถือ Privileged System Operations ช่วยให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต, การเขียนสคริปต์ข้ามโดเมน, การ อ้างอิงภายนอกวัตถุ และการดำ�เนินงานวิธีการนำ�เข้า / ส่งออกบนเอกสารที่ได้รับการรับรอง 7. คลิก OK, เปิด dialog box ของ Digital ID and Trusted Certificate Settings และจากนั้น คลิก OK ใน dialog box ของ Preferences

Page 37

พาแนล Signatures สำ�หรับลายเซ็นดิจิทัล

พาแนล Signatures จะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับลายเซ็นดิจิทัลในเอกสารปัจจุบัน และประวัติการเปลี่ยนแปลงของ เอกสาร ตั้งแต่ลายเซ็นดิจิทัลครั้งแรก แต่ละลายเซ็นดิจิทัลจะมีไอคอนระบุสถานะการตรวจสอบ รายละเอียดในการตรวจ สอบจะมีการระบุไว้ภายใต้แต่ละลายเซ็น และสามารถดูได้โดยการขยายตัวของลายเซ็น พาแนล Signatures ยังให้ข้อมูล เกี่ยวกับเวลาที่ลงนามเอกสาร และรายละเอียดความเชื่อถือ และผู้เซ็น เลือก View > Show/Hide > Navigation Panes > Signatures, หรือ คลิกปุ่ม Signature Panel ในแถบข้อความ ของเอกสาร เข้าสู่ระบบ ในโหมดแสดงตัวอย่างเอกสาร เมื่อความสมบูรณ์ของเอกสารเป็นสิ่งสำ�คัญสำ�หรับเวิร์กโฟลว์การใช้ลายเซ็นของคุณ ให้ใช้คุณลักษณะ Preview Document เพื่อที่จะเซ็นเอกสาร คุณลักษณะนี้จะวิเคราะห์เอกสารสำ�หรับเนื้อหาที่อาจปรับเปลี่ยนลักษณะที่ปรากฏของ เอกสาร จากนั้นก็ใส่เนื้อหา ที่ช่วยให้คุณสามารถดู และเซ็นเอกสารอยู่ในสภาพคงที่ และการรักษาความปลอดภัย คุณลักษณะ Preview Document ช่วยให้คุณดูว่าเอกสารที่มีเนื้อหาแบบไดนามิก หรืออ้างอิงภายนอก นอกจาก นี้ยังช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบว่าเอกสารที่มีโครงสร้างรูปแบบใด เช่น form fieldsมล, มัลติมีเดีย หรือ JavaScript ที่ อาจส่งผลกระทบต่อการปรากฏตัว หลังจากตรวจสอบรายงาน คุณสามารถติดต่อผู้มีอ�ำ นาจซึ่งเป็นเจ้าของเอกสาร เกี่ยว กับรายการปัญหาที่ระบุไว้ในรายงาน นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้โหมดการแสดงตัวอย่างเอกสาร ภายนอกเวิร์กโฟลว์การเซ็น เพื่อทำ�การตรวจสอบ ความสมบูรณ์ของเอกสาร 1. เปิด Preferences 2. ภายใต้ Categories, เลือก Signatures 3. สำ�หรับ Creation & Appearance, คลิก More. 4. สำ�หรับ When Signing, เลือก View Documents In Preview Mode, และคลิก OK 5. ใน PDF, คลิกพื้นที่ลายเซ็น และเลือก Sign Document แถบข้อความของเอกสารจะปรากฏขึ้นพร้อมสถานะที่จะให้ปฏิบัติตาม และตัวเลือก 6. (ตัวเลือก) คลิก View Report ในแถบข้อความของเอกสาร (ถ้ามี) และเลือกแต่ละหัวข้อในรายที่แสดงราย ละเอียด เมื่อคุณทำ�เสร็จเรียบร้อยแล้ว ปิด dialog box ของ Signature Report. 7. ถ้าคุณพอใจกับสถานะที่ให้ปฏิบัติตามสถานะของเอกสาร คลิก Sign Document ในแถบข้อความของเอกสาร และเพิ่มลายเซ็นดิจิทัลของคุณ 8. บันทึกไฟล์ PDF ใช้ชื่อที่แตกต่างจากต้นฉบับ และปิดเอกสารโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงใดๆ เพิ่มเติม การรับรอง PDF เมื่อคุณรับรอง PDF, คือ การที่คุณระบุว่าคุณอนุมัติเนื้อหา นอกจากนี้คุณยังสามารถระบุประเภทของการ เปลี่ยนแปลงที่ได้รับอนุญาต สำ�หรับเอกสารที่จะยังคงได้รับการรับรอง ตัวอย่างเช่น สมมติว่าหน่วยงานของรัฐจะสร้าง Page 38

ฟอร์มฟิลด์ที่มีลายเซ็น เมื่อฟอร์มเสร็จสมบูรณ์แล้ว หน่วยงานที่ให้การรับรองเอกสาร จะยอมให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยน เฉพาะฟอร์มฟิลด์ และลงนามในเอกสารเท่านั้น ผู้ใช้สามารถกรอกแบบฟอร์ม และลงนามในเอกสาร แต่ถ้าพวกเขาลบ หน้า หรือใส่ความเห็น, เอกสารจะไม่ได้รักษาสถานะที่ผ่านการรับรอง คุณสามารถใช้การรับรองด้วยลายเซ็นเท่านั้น ในกรณีที่ไฟล์ PDF ไม่ได้มีลายเซ็นอื่น ๆ อยู่แล้ว การรับรอง ด้วยลายเซ็นสามารถมองเห็น หรือมองไม่เห็น ไอคอนริบบิ้นสีฟ้าในพาแนล Signatures จะระบุความถูกต้องการรับรอง ด้วยลายเซ็น ต้องเพิ่มรหัสดิจิทัลไปที่การรับรองลายเซ็นดิจิทัล 1. ทำ�การลบเนื้อหาที่อาจยอมเรื่องความปลอดภัยของเอกสาร เช่น JavaScripts, การกระทำ� (Action) หรือสื่อที่ฝังในเอกสาร 2. เลือก Sign > Work With Certificates เพื่อเปิดพาแนล 3. คลิกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งดังต่อไปนี้ Certify (Visible): วางลายเซ็นที่ได้รับการรับรอง ทั้งในฟิลด์ลายเซ็นดิจิตอล (ถ้ามี) หรือในสถานที่ที่คุณกำ�หนด Certify (Not Visible): รับรองเอกสาร แต่ลายเซ็นของคุณจะปรากฏเฉพาะในพาแนล Signatures 4. ทำ�ตามคำ�แนะนำ�บนหน้าจอ เพื่อวางลายเซ็น (ถ้ามี), ให้ระบุรหัสดิจิทัล และการตั้งค่าตัวเลือกสำ�หรับ Permitted Actions After Certifying ถ้าคุณเปิดใช้งาน When Signing: View Documents In Preview Mode ใน Signature preferences คลิก Sign Document ในแถบข้อความเอกสาร 5. บันทึกไฟล์ PDF โดยใช้ชื่อไฟล์ที่แตกต่างจากไฟล์ต้นฉบับ แล้วปิดเอกสารโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่เพิ่ม เติมเข้าไป มันเป็นความคิดที่ดีที่จะบันทึกเป็นไฟล์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้คุณสามารถเก็บเอกสารลงนามเดิมไว้ การประทับเวลาในเอกสาร Acrobat ให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มการประทับเวลาเอกสาร PDF โดยไม่จำ�เป็นต้องใช้ลายเซ็นประจำ�ตัว เวลาจะเป็น ตัวยืนยันความถูกต้อง และการดำ�รงอยู่ของเอกสารที่เวลาใดเวลาหนึ่ง ผู้ใช้ Reader X (และเวอร์ชั่นหลังจากนี้) ยังสามารถ ประทับเวลาในเอกสารได้ หากเอกสารได้ทำ�การกำ�หนดเปิดใช้งานคุณสมบัติการประทับตราให้กับโปรแกรม Reader 1. เปิดเอกสารที่คุณต้องการที่จะเพิ่มการประทับเวลา 2. เลือก Sign > Work With Certificates > Time Stamp Document 3. ใน dialog box ของ Choose Default Timestamp Server เลือกค่าเริ่มต้น Timestamp Server จากรายการ หรือเพิ่ม Timestamp Server ใหม่ 4. คลิก Next แล้วบันทึกเอกสารที่มีการประทับเวลา Page 39

การตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัล ถ้าไม่ทราบสถานะของลายเซ็น หรือไม่ได้ตรวจสอบ, การตรวจสอบลายเซ็นด้วยตนเอง เพื่อตรวจสอบปัญหา และการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าสถานะลายเซ็นไม่ถูกต้อง เราจะได้ติดต่อผู้ลงนามเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น คุณประเมินความถูกต้องของลายเซ็นดิจิตอล และการประทับเวลา โดยการตรวจสอบที่ Signature Properties 1. ตั้งค่าการตรวจสอบลายเซ็นของคุณ ใน Preferences 2. เปิดไฟล์ PDF ที่มีลายเซ็น แล้วคลิกลายเซ็น จะปรากฏ dialog box ของ Signature Validation Status ซึ่งจะ อธิบายสถานะการตรวจสอบความถูกต้องของลายเซ็น 3. สำ�หรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Signature และ Timestamp คลิก Signature Properties 4. ดูข้อมูล Validity Summary ใน dialog box ของ Signature Properties การสรุปอาจแสดงข้อความใดข้อความ หนึ่ง ต่อไปนี้ Signature date/time are from the clock on the signer’s computer ตามเวลาท้องถิ่นในคอมพิวเตอร์ ของ ผู้ลงนาม Signature is timestamped ผู้ลงนามใช้เซิร์ฟเวอร์การประทับเวลา และการตั้งค่าของคุณ แสดงให้เห็นว่าคุณมี ความไว้วางใจกับเซิร์ฟเวอร์ Signature is timestamped but the timestamp could not be verified ในการตรวจสอบการประทับเวลา ต้องได้รับใบรับรองเซิร์ฟเวอร์การประทับเวลา เพื่อรายการของตัวตนที่คุณไว้วางใจ ตรวจสอบกับผู้ดูแลระบบของคุณ Signature is timestamped but the timestamp has expired Acrobat และ Reader จะตรวจสอบการประทับ เวลา ขึ้นอยู่กับเวลาปัจจุบัน ข้อความนี้จะปรากฏขึ้น หากเวลาใบรับรองผู้ลงนามหมดอายุก่อนเวลาปัจจุบัน เพื่อให้ Acrobat หรือ Reader ยอมรับการประทับเวลาที่หมดอายุ ให้เลือกใช้ Expired Timestamps ใน dialog box ของ Signature Verification Preferences ( Preferences > Signatures > Verification: More) โปรแกรม Acrobat และ Reader นั้น จะแสดง ข้อความแจ้งเตือน เมื่อตรวจสอบลายเซ็นที่มีการประทับเวลาที่หมดอายุ 5. สำ�หรับรายละเอียดเกี่ยวกับใบรับรองของผู้ลงนาม เช่น การตั้งค่าความไว้วางใจ หรือข้อจำ�กัดทางกฎหมาย ของลายเซ็น ให้คลิกShow Signer’s Certificate ใน dialog box ของ Signature Properties การลบลายเซ็นดิจิทัล คุณไม่สามารถลบลายเซ็นดิจิทัล ยกเว้นคุณเป็นคนเซ็น และคุณมีรหัสดิจิทัลติดตั้งอยู่แล้ว ดำ�เนินการอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้: - ในการลบลายเซ็นดิจิทัล ให้คลิกขวาที่ฟิลด์ข้อมูลลายเซ็น และเลือก Clear Signature - ในการลบลายเซ็นดิจิทัลในรูปแบบไฟล์ PDF, เลือกClear All Signature Fields จากเมนูตัวเลือก ในพาแนล Signatures (ในการเปิดพาแนล Signatures เลือก View > Show/Hide > Navigation Panes > Signatures) Page 40

การดูรุ่นก่อนหน้าของเอกสารที่เซ็นชื่อแบบดิจิทัล แต่ละเวลาของเอกสารลงนามโดยใช้ใบรับรอง, ในแต่ละรุ่นที่ลงนามของ PDF ในเวลานั้น จะถูกบันทึกด้วยรูป แบบไฟล์ PDF แต่ละรุ่นจะถูกบันทึกเป็นข้อมูลแนบท้ายเพิ่มเติมเท่านั้น และตัวต้นฉบับไม่สามารถแก้ไขได้ ลายเซ็น ดิจิตอลทั้งหมด และรุ่นที่สอดคล้องกัน สามารถเข้าถึงได้จากพาแนล Signatures 1. ใน พาแนล Signatures ให้เลือก และขยายลายเซ็น และเลือก View Signed Version จากเมนู Option รุ่นก่อนหน้านี้จะเปิดขึ้นในรูปแบบไฟล์ใหม่ ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับรุ่น และชื่อของผู้ลงนามในแถบชื่อเรื่อง 2. เพื่อกลับไปยังเอกสารต้นฉบับเลือกชื่อเอกสารจากเมนู Window การเปรียบเทียบรุ่นของเอกสารที่ลงนาม หลังจากที่เอกสารลงนามแล้ว คุณสามารถแสดงรายการของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเอกสารหลังจากรุ่นที่ ผ่านมา 1. ในพาแนล Signatures ให้เลือกลายเซ็น

2. เลือก Compare Signed Version To Current Version จากเมนู Option 3. เมื่อคุณทำ�เสร็จแล้ว ให้ปิดเอกสาร และเปิดกลับขึ้นมาใหม่

Page 41

การ​ก�ำ หนด​​Security​ไ​ ฟล์​​PDF​ ​ ​การ​ป้องกัน​​และ​กำ�หนด​ความ​ปลอดภัย​ให้ก​ ับ​ไฟล์​เอกสาร​​PDF​​ซึ่ง​ก็​จะ​คล้าย​กับ​ความ​ปลอดภัย​บ้าน​​เช่น​เดียว​กับ​ คุณล​ ้อค​ประตู​บ้าน​ของ​คุณ​​เพื่อ​ป้องกัน​ใคร​บาง​คน​​จาก​การ​เข้า​มา​ใน​บ้าน​ของ​คุณ​​โดย​ปราศ​จาก​การ​อนุ​ญาติ​​คุณ​ใช้​ความ​ สามารถ​ความ​ปลอดภัย​เพื่อ​ล็อค​​PDF​​ยก​ตัวอย่าง​เช่น​​คุณ​สามารถ​ใช้​รหัส​ผ่าน​​เพื่อ​จ�ำ กัด​ผใู้​ช้​จาก​การ​เปิด​,​​การ​พิมพ์​​และ​ การ​แก้ไข​P​ DF​ค​ ณ ุ ส​ ามารถ​ใช้ร​ ะบบ​C​ ertificate​เ​พือ่ เ​ข้าร​ หัสไ​ฟล์​P​ DF​เ​พือ่ ใ​ห้ร​ ายการ​ทม​ี่ ก​ี าร​รบั รอง​แล้วส​ ำ�หรับผ​ ใ​ู้ ช้​ส​ ามารถ​ เปิด​ไฟล์​​PDF​​ถ้า​คุณ​ต้องการ​รักษา​การ​ตั้ง​ค่า​ความ​ปลอดภัย​​สำ�หรับ​นำ�​กลับ​มา​ใช้​ใน​ภาย​หลัง​​คุณ​ก็​สามารถ​สร้าง​นโยบาย​ ความ​ปลอดภัย​​(​Security​​Policy​)​​ซึ่ง​จะ​เก็บ​การ​ตั้ง​ค่า​ความ​ปลอดภัย​เอา​ไว้​​เพื่อ​น�ำ ​กลับม​ า​ใช้ได้​ใน​ภาย​หลัง​ ​ ​

​ ​ถ้า​คุณ​ได้​รับ​เอกสาร​ ​PDF​ ​ซึ่ง​ได้​มี​การ​กำ�หนดการ​คุ้มครอง​โดย​ใช้​ความ​สามารถ​ความ​ปลอดภัย​ ​คุณ​อาจ​จะ​ต้อง​มี​ รหัส​ผ่าน​เพื่อ​เปิด​เอกสาร​ ​PDF​ ​บาง​คน​อาจ​จะ​ได้​รับ​เอกสาร​ ​ที่​คุ้มครอง​เอกสาร​มี​การ​จ�ำ กัด​ ​ซึ่ง​ป้องกันจ​ าก​การ​พิมพ์​,​ ​การ​ แก้ไข​​หรือ​การ​ก๊อปปีส้​ ิ่ง​ที่​บรรจุ​อยู่​ใน​เอกสาร​​ถ้า​เอกสาร​มี​การ​จ�ำ กัด​ความ​สามารถ​​เครื่อง​มือ​​และ​เมนู​ใดๆ​​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​ ความ​สามารถ​เหล่า​นั้น​จะ​แสดง​เป็น​สี​เทา​ ​ ​เมื่อ​คุณ​ได้​รับ​เอ​สาร​ ​PDF​ ​มา​ ​และ​เอกสาร​มี​การ​กำ�หนด​ความ​ปลอดภัย​ ​หาก​ไม่มี​การ​ป้องกัน​ใน​ส่วน​ของ​การ​เปิด​ ไฟล์​เอกสาร​​PDF​​คุณ​ก็​สามารถ​เปิด​เอกสาร​​PDF​ไ​ด้​ปกติ​​และ​หาก​มี​การ​ป้องกัน​ใน​กรณี​ต่าง​​ๆ​​คุณ​ก็​จะ​สา​มา​รถ​สังเกต​ุ​ได้​ โดย​จะ​ปรากฏ​รูป​สัญลักษณ์​รูป​กุญแจ​​แสดง​อยู่​ด้าน​ซ้าย​มือ​ของ​เอกสาร​​PDF​​ซึ่ง​เป็น​ส่วน​ที่​ใช้​ใน​การ​บังคับ​เอกสาร​​PDF​​ที่​ เรียก​ว่า​​Navigation​​pane​​คุณ​สามารถ​ตรวจ​เช็ค​ดู​การ​ป้องกัน​​และ​กำ�หนด​ความ​ปลอดภัย​ใน​เอกสาร​​PDF​​ที่​ขึ้น​เปิด​ขึ้น​มา​ ใช้​งาน​​ดู​ว่า​มี​การ​ป้องกัน​อะไร​บ้าง​​ ​ ​ ​ ​1​.​​เลือก​ปฏิบัติ​อย่าง​ใด​อย่าง​หนึ่ง​ดัง​ต่อ​ไป​นี้​ ​ ​ ​-​​เลือก​คำ�​สั่ง​​File​​>​​Properties​​คลิก​เลือก​ที่​แถบ​​Security​ ​ ​ ​-​​เลือก​พาแนล Tools > Encrypt >​ ​Manage Security Policies... ​ ​ ​-​​เลือก​แถบเครื่องมือ​Encrypt ​>​Manage Security Policies... ​

​2​.​​ดู​ราย​ละเอียด​ของ​การ​ป้องกัน​ภาย​ใต้​หัวข้อ​​Document​​Restrictions​​Summary​

​​ Page 42

​ ​คุณ​สามารถ​สร้าง​ ​Security​ ​Policy​ ​ระดับ​ผู้​ใช้​ ​ได้​ ​3​ ​ชนิด​ ​1​.​ ​Password​ ​Security​:​ ​เพื่อ​ใช้​รหัส​ผ่าน​เพื่อ​ ป้องกัน​เอกสาร​,​ ​2​.​ ​Certification​ ​Security​:​ ​เพื่อ​ใช้​การ​เข้า​รหัส​สลับ​เอกสาร​ ​จาก​รายการ​ผู้รับ​ ​ ​และ​ ​3​.​ ​Adobe​ ​LiveCycle​​ Policy​​Server​:​​การ​สร้าง​​Policy​​โดย​ใช้​การ​ควบคุม​ผ่าน​ระบบ​​Server​ ​ ​การ​สร้าง​ ​Policy​ ​โดย​ใช้​ ​password​ ​security​ ​จะ​ช่วย​ให้​คุณ​กลับ​มา​ใช้​การ​ตั้ง​ค่า​ความ​ปลอดภัย​เดียวกัน​ ​ซ้ำ�​ใน​ภาย​ หลังส​ ำ�หรับ​ชุด​ของ​​PDF​​โดย​ไม่​ต้อง​มี​การ​เปลี่ยน​การ​ตั้ง​ค่า​ความ​ปลอดภัย​ส�ำ หรับ​การ​ใช้​ใน​แต่ละ​ครั้ง​ ​ ​สำ�หรับ​ใน​หนังสือ​นี้​​จะ​ขอ​แนะนำ�​การ​ป้องกัน​เอกสาร​​PDF​​เฉพาะ​ชนิด​​User​​Policy​​ใน​ระดับ​​Password​​Security​​ เท่านั้น​ ​ ​ ​ ​ ​

​1​.​คลิก​เลือก​พาแนล ​Tools > Encrypt ​>​Manage Security Policies...

2​.​​จะ​ปรากฏ​​dialog​​box​​ของ​​Manage​​Security​​Policy​​ขึ้น​มา​ จาก​รายการ​ของ​​Show​​เลือก​A​ ll​​Policy​​เพื่อ​ให้​แสดง​​Policy​​ทั้งหมด

​3.​คลิก​เลือก​ที่​​New​​เพื่อ​สร้าง​แผนการ​ของ​การ​ป้องกัน​ไฟล์​​PDF​ขึ้นมาใหม่

Page 43

​4​.​​เลือก​​User​​Passwords​คลิก​ปุ่ม​​Next​

​ ​ ​5​.​​ตั้ง​ชื่อ​ของ​​Policy​​ใน​ช่อง​​Policy​​Name​ ใส่รายละเอียดของ Policy ในช่อง Description คลิกเลือกที่คำ�สั่ง Save passwords with the policy จากนั้น คลิก​ปุ่ม​​Next​

​ ​ ​6.​คลิก​เลือก​ที่​​Require​​a​​password​​to​​open​​the​​document​ ​ ​ 7.​​ใส่​รหัส​​ที่​ช่อง​​Document​​Open​​password​​(ร​ หัส​ส�ำ หรับ​เปิด​เอกสาร​​PDF​)​ ​ ​ 8​.​​ใน​ส่วน​ของ​​Permissions​คลิก​เลือก​​Use​​permissions​​password​​to​​restrict​ ​editing​​of​​security​​setting​ ​ ​ ​ ​-​P​ rinting​​allowed​:​​การ​อนุ​ญาติ​เกี่ยว​กับ​การ​พิมพ์​

Page 44

​ ​ ​ ​ ​-​​None​​ไม่​อนุ​ญาติ​ให้​พิมพ์​ ​ ​ ​ ​ ​-​​Low​​Resolutions​​(​150dpi​)​​อนุญ ​ าติ​ให้​พิมพ์​ความ​ละเอียด​ต�่ำ ​ ​(​150จุด​ต่อ​นิ้ว​)​ ​ ​ ​ ​ ​-​​High​​Resolution​​อนุ​ญาติ​ให้​พิมพ์​ความ​ละเอียด​สูง ​ ​ ​ ​-​​Changes​​allowed​:​​การ​อนุ​ญาติ​เกี่ยว​กับ​การ​แก้ไข​เอกสาร​​PDF​ ​ ​ ​ ​ ​-​​None​​ไม่​อนุ​ญาติ​ให้​เปลี่ยนแปลง​แก้ไข​ ​ ​ ​ ​ ​-​​Inserting​,​​deleting​,​​and​​rotation​​pages​​​การ​แทรก​,​​ลบ​​ และ​หมุน​หน้า​งาน​ ​ ​ ​ ​ ​-​​Filling​​in​​form​​field​​and​​signing​​existing​​signature​​fields​​​ การ​กรอก​ข้อมูล​ใน​แบบ​ฟอร์ม​​และ​การ​ใช้​ลาย​เซ็น​ดิจิตอล​ ​ ​ ​ ​ ​-​​Comment​,​​Filling​​in​​form​​field​​and​​signing​​existing​​ signature​​fields​ ​การ​ใส่​ค�ำ ​แนะนำ�​,​​การ​กรอก​ข้อมูล​ใน​แบบ​ฟอร์ม​ ​และ​การ​ใช้​ลาย​เซ็น​ดิจิตอล​ ​ ​ ​ ​ ​-​​Any​​except​​extracting​​pages​ ​ ​ ​ ​ ​​​การ​เปลี่ยนแปลง​แก้ไข​ทั้งหมด​ที่​กล่าว​มา​​รวม​ถึง​การ​แยก​หน้า​งาน​ ​ ​ ​ ​-​​Enable​​copying​​of​​text​,​​images​,​​and​​other​​contents​​ ​ ​ ​ ​​ ​สามารถ​ทำ�​สำ�เนา​ตัวอ​ ักษร​,​​ภาพ​​และ​ข้อ​มูล​อื่น​ๆ​ ​ ​ ​ ​-​​Enable​​text​​access​​for​​screen​​reader​​deviecs​​for​​the​​ visually​​impaired​ ​ ​ ​ ​​ ​สามารถ​ใช้​ฟัง​ก์ชั่น​​text​​access​​ส�ำ หรับ​การ​จ�ำ ลอง​บน​หน้า​จอ​ ของ​อุปกรณ์​อ่าน​ไฟล์​ ​9.​​เลือก​​Compatibility​​เป็น​​Acrobat​​7.0​​and​​later​ 10. เลือก Encrypt all document contents ​ ​ ​11.​คลิก​​Next, ​โปรแกรมจะทำ�การทวน Password ให้ป้อน Password และ​จา​กนั้นค​ลิ๊ก​​Finish ​

แสดงคำ�เตือน คลิก OK

Page 45

​ ​ ห​ ลังจ​ าก​ทค​ี่ ณ ุ ไ​ด้ท​ �ำ การ​สร้าง​S​ ecurity​P​ olicy​ค​ ณ ุ ส​ ามารถ​จดั การ​โ​ดย​การ​ท�ำ ส​ �ำ เนา​,​แ​ ก้ไข​แ​ ละ​ลบ​S​ ecurity​​ Policy​​ได้​​คุณ​ยัง​สามารถ​ติด​ตั้ง​รายการ​ของ​​Security​​Policy​​ที่​คุณ​ใช้​บ่อย​ๆ​​เพื่อ​ให้​ง่าย​ต่อ​การ​เข้า​ถึง​​และ​การ​เรียก​ใช้​งาน​ ​ ​ ​1​.​​เลือก​​Tools > Protection > Encrypt ​>​Manage Security Policies...​​ ​ ​2​.​​จาก​รายการ​ของ​​Show​​เลือก​A​ ll​​Policy​​เพื่อ​ให้​แสดง​​Policy​​ทั้งหมด​ ​ ​ ​3​.​​เลือก​​Policy​​ที่​คุณ​ต้องการ​จะ​จัดการ​​และ​ปฏิบัติ​อย่าง​ใด​อย่าง​หนึ่ง​ดัง​ต่อ​ไป​นี้​ ​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​สร้าง​​Policy​​ใหม่​​คลิก​​New​ ​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​ทำ�​สำ�เนา​​Policy​​คลิก​​Copy​,​​ตัว​เลือก​นี้​​เหมาะ​สำ�หรับ​การ​สร้าง​​Policy​​ใหม่​​แต่​ยึด​เอาการ​ ตั้งค​ ่าข​ อง​​Policy​​ที่​มี​อยู่​เป็น​ฐาน​ ​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​แก้ไข​​Policy​​คลิก​​Edit​ ​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​ลบ​​Policy​​คลิก​​Delete​​ ​ ​ ​ ​-​ ​เพื่อ​ทำ�ให้​ ​Policy​ ​ง่าย​ต่อ​การ​เรียก​ใช้​งาน​ ​คลิก​ ​Favorite​ ​ตัว​เลือก​นี้​ ​จะ​ทำ�การ​ใส่​ ​Policy​ ​ที่​คุณ​ เลือก​ไป​ไว้​ที่​เมนู​​Secure​​ที่​อยู่​บน​แถบ​เครื่อง​มือ​​และ​ที่​เมนู​​Advanced​​>​​Security​​คุณ​สามารถ​ใช้​ตัว​เลือก​​Favorite​​ได้​กับ​ หลาย​ๆ​​Policy​ ​ ​ ​4​.​​คลิก​​Close​ ​ ​ ​ การ Protect ไฟล์ PDF ​ ​ เปิดไ​ฟล์​​PDF​​และ​ปฎิบัติ​อย่าง​ใด​อย่าง​หนึ่ง​ดัง​ต่อ​ไป​นี้​ ​ ​ ​ ​-​​คลิก​ปุ่ม​​Encrypt ​ใน​แถบ​เครื่อง​มือ​​และ​จาก​นั้น​เลือก​​User​​Policy​​ที่​คุณ​สร้าง​ขึ้น​​และ​ต้องการ​ จะ​น�ำ ม​ า​ป้องกัน​เอกสาร​​PDF​​

​ ​ ​ ​-​​คลิกเลือก Tools > Protection > Encrypt ​>​Manage Security Policies...​ ​เลือก​​Policy​​ที่​ต้องการ​​และ​จาก​นั้น​คลิก​​Apply​​To​​Document​ ​ ​ - สัญลักษณ์รูปกุญแจ จะปรากฏขึ้นมาในส่วนของ Navigation Pane อยู่ด้านซ้ายมือของเอกสาร ​ Page 46

​ ​

การลบ Security

1​ ​.​คลิก​เลือก Tools > Protection > Encrypt ​ 2​.​​เลือก​​Remove​​Security​

​ ​ ​3​.​​จะ​ปรากฏ​​dialog​​box​​เพื่อสอบถาม​password ให้ใส่ password จากนั้น​​ให้คลิก​​OK​และคลิก OK อีกครั้ง ​ ​ ​​​​ สัญลักษณ์​ลูกกุญแจ​​จะ​หาย​ไป​ ​

Page 47

การ​ใช้​งาน​​Header​/​Footer​,​ Bates​​Numbering​​และ​​ Background​/​Watermark​ ​ ​ ​เอกสาร​ ​PDF​ ​ของ​คุณส​ ามารถ​ใส่​ข้อความ​เพิ่ม​เติม​เข้าไป​ใน​เอกสาร​ได้​ ​ ​เพื่อ​ให้เ​อกสาร​เกิด​ความ​สมบูรณ์​ และ​ขอ้ ความ​ทใ​ี่ ส่เ​ข้าไป​สามารถ​ใช้เ​ป็นข​ อ้ ความ​อา้ งอิง,​​ใ​ช้เ​พือ่ ก​ าร​สบื ค้น,​​ใ​ช้เ​พือ่ ร​ ะบุต​ �ำ แหน่งห​ น้า​ร​ วม​ถงึ ใ​ห้เ​พือ่ ก​ าร​ปกป้อง​ เอกสาร​ ​ใน​บท​นี้​ ​จะ​เป็นการ​อธิบาย​การ​ใส่​ ​และ​การ​แก้ไข​เปลี่ยนแปลง​เกี่ยว​กับ​ ​Header​/F​ ooter​,​ ​Bates​ ​Numbering​ ​และ​​ Background​/​Watermark​ ​ ​

​การ​ใส่​​และ​แก้ไข​เปลี่ยนแปลง​​Header​​และ​​Footer​

​วิธี​การ​ใส่​​และ​แก้ไข​เปลี่ยนแปลง​​Header​​และ​​Footer​

​ ​

2​ ​.​​ระบุ​ฟ้อน​ต์​​และ​กำ�หนด​ระยะ​ห่าง​ ​ ​เลือก​ชื่อ​ฟ้อน​ต์​​(​Name​)​,​​ขนาด​​(S​ ize​)​,​​ข้อความ​ขีด​เส้น​ใต้​​และ​สี​ของ​ตัว​อักษร​

​ ​คุณ​สามารถ​ใส่​​Header​​และ​​Footer​​เพียง​หนึ่งร​ ูป​แบบ​ใน​​PDF​​หรือ​ให้​ปรากฏ​​Header​​และ​​Footer​​ที่​แตก​ต่าง​กัน​ ใน​แต่ละ​หน้า​ ​ ​1​.​​เลือก​​Tools​​>​Pages > ภายใต้หัวข้อ Edit Page Design เลือก ​Header​​&​​Footer​​>​​Add ​Header​​&​​Foote ​ ​ถ้า​มี​ข้อความ​ปรากฏ​ขึ้น​​คลิก​​Add​​New​

Page 48

​ ​ ​กำ�หนด​ระยะ​ห่าง​​บน​,​​ล่าง​,​​ซ้าย​,​​ขวา​ ​ ​3​.​​ใน​กรอบ​ข้อความ​ของ​​Header​​และ​​Footer​​พิมพ์​ข้อความ​ที่​ต้องการ​​คลิก​ปุ่มท​ ี่​อยู่​ด้าน​ล่าง​ของ​กรอบ​​เพื่อ​ใส่​เลข​ หนา​​​(​Insert​​Page​​Number​)​​หรือ​วัน​ที่​​(​Insert​​Date​)​ ​ ​ ต​ อ้ งการ​ให้ข​ อ้ ความ​ของ​H​ eader​แ​ ละ​F​ ooter​ว​ าง​ใน​ต�ำ แหน่งช​ ดิ ซ​ า้ ย​ใ​ห้พ​ มิ พ์ข​ อ้ ความ​ใน​ชอ่ ง​(​L​ eft​H​ eader​ /​Footer​​Text​)​,​​จัด​กลาง​​ให้​พิมพ์ข​ ้อความ​ใน​ช่อง​​(​Center​​Header​/F​ ooter​​Text​)​,​​และ​ชิด​ขวา​​พิมพ์​ข้อความ​ใน​ช่อง​​(​Right​​ Header​/​Footer​​Text​)​ ​ ​ ​เลือก​รูป​แบบ​วัน​ที่​​และ​รูป​แบบ​เลข​หน้า​​รวม​ถึง​เลข​หน้า​เริ่ม​ต้น​​ให้​คลิกท​ ี่​​Page​​Number​​and​​Date​​Format​

​ระบุ​หน้าที่​ต้องการ​ใส่​​Header​​และ​​Footer​​ให้​คลิก​เลือก​ที่​​Page​​Rage​​Options​

บ​ ันทึก​:​ ​ดู​ผล​ลัพท์​จาก​การ​กำ�หนด​ตัวเ​ลือก​ต่างๆ​ ​และ​การ​กรอก​ข้อความ​ที่​ ​Preview​ ​สามารถ​ปรับเ​ลื่อน​ดู​ ​ใน​หน้า​ ต่างๆ​​ที่​​Preview​​Page​ ​ ​คุณ​สามารถ​ที่​จะ​ท�ำ การ​บันทึก​​​ข้อ​กำ�หนด​ของ​​Header​​และ​​Footer​​เก็บ​ไว้​​เพื่อ​น�ำ ​กลับ​มา​ใช้​ใน​ภาย​หลัง​​โดย​คลิก​ ที่​ปุ่ม​S​ ave​​Setting​ ​ ​-​​ถ้า​ต้องการ​ปรับ​เปลี่ยน​​Header​​และ​​Footer​​ให้​ใช้​คำ�​สั่ง​​Document​​>​​Header​​&​​Footer​​>​​Update​ ​ ​-​​ถ้า​ต้องการ​ลบ​​Header​​และ​​Footer​​ให้​ใช้​ค�ำ ​สั่ง​​Document​​>​​Header​​&​​Footer​​>​​Remove​ ​ ​-​​ถ้า​ต้องการ​แทนที่​​หรือ​ใส่​ข้อความ​ใหม่​เพิ่ม​เติม​เข้า​ใน​​Header​​และ​​Footer​​ให้​ใช้​คำ�​สั่ง​​Document​​>​​Header​​&​ Footer​​>​​Add​​เมื่อ​มี​ข้อความ​แสดง​ขึ้น​มา​​ต้องการ​แทนที่​​คลิก​ปุ่ม​​Replace​​Existing​,​​ถ้า​ต้องการ​ใส่​ข้อความ​ใหม่​เพิ่ม​เติม​ คลิก​ปุ่ม​​Add​​New​ ​การ​ใส่​​Bates​​Numbering​​ที่​​Header​​หรือ​​Footer​ ​ ​ ​Bates​ ​Numbering​ ​เป็น​วิธขี​ อง​การ​จัด​เรียง​ตัวเลข​เป็น​หมวด​หมู่​ใน​เอกสาร​ ​เหมาะ​สำ�หรับ​เอกสาร​ ทา​ งด้าน​ กฏ​หมาย​​เพื่อ​เข้า​แฟ้ม​ให้​ถูก​ต้อง​​เพื่อ​ง่าย​ต่อ​การ​กำ�หนด​เอกลักษณ์​​และ​นำ�​กลับม​ า​ใช้​​แต่ละ​หน้าข​ อง​แต่ละ​เอกสาร​มี​ การ​ก�ำ หนด​หมวด​หมูต​่ วั เลข​เ​ป็นช​ ดุ เ​ดียวกัน​ด​ ว้ ย​การ​บอก​ให้ร​ ว​ู้ า่ ​ม​ นั ม​ ก​ี าร​เกีย่ ว​พนั ก​ นั ไ​ป​ถงึ ห​ มวด​หมูต​่ วั เลข​ใน​เอก​สา​รอืน่ ๆ​​ Bates​​Numbering​​จะ​ปรากฏ​ที่​​Header​​หรือ​​Footer​​บน​หน้า​ของ​ไฟล์​​PDF​​แต่ละ​ไฟล์​​ใน​รูป​แบบ​ที่​จัด​เป็น​หมู่​ตัวเลข​ ​ ​ ​ถึง​แม้ว่า​​Bates​​Numbering​​เป็น​วิธี​การ​จัด​เรียง​ที่​มี​การ​อ้างอิง​ถึง​ตัวเลข​​แต่​มัน​ยัง​สามารถ​ที่​จะ​ประกอบ​ไป​ ด้วย​ข้อความ​ที่​ใส่​ไว้​ด้าน​หน้า​ตาม​ด้วย​ตัวเลข​​และ​ข้อความ​เติม​ลง​ข้าง​ท้าย​ตัวเลข​ ​ ​ ก​ าร​ใส่​B​ ates​N​ umbering​ไ​ม่ท​ ำ�ให้เ​ปลีย่ น​ชอื่ ข​ อง​ไฟล์​P​ Df​ม​ นั จ​ ะ​มก​ี าร​จดั เ​รียง​ไฟล์ท​ งั้ ห​ ลาย​ใหม่​ใ​น​d​ esktop​​folder​,​​เชื่อม​โยง​ไฟล์​ทั้ง​หลาย​​หรือ​ใส่​ไฟล์​ทั้ง​หลาย​ไป​ที่​​Collection​​(​จัด​กลุ่ม​ของ​ไฟล์​​PDF​)​​ใน​​Organizer​​คุณ​สามารถ​ ระบุ​B​ ates​​Numbering​​ให้​ใส่​ลง​ไป​เฉพาะ​ไฟล์​​PDF​​ที่​กำ�ลัง​เปิดอ​ ยู่​​และ​เรียก​ดู​ที่​​Header​​และ​​Footer​ ​ ​บันทึก​:​​Bates​​Numbering​​ไม่​สามารถ​ใช้ได้​กับ​ไฟล์​ที่​มี​การ​ก�ำ หนดการ​ป้องกัน​​หรือ​มี​การ​เข้า​รหัส​,​​แบบ​ฟอร์ม​บาง​ ชนิด​ ​และ​เฉพาะ​ใบ​ปะ​หน้าที่​มี​อยู่​ใน​ ​PDF​ ​Package​ ​ถึง​อย่างไร​ ​Bates​ ​Numbering​ ​ก็​สามารถ​ใช้​ที่​ไฟล์​ ​PDF​ ​แต่ละ​ไฟล์​ที่​ เกิดข​ ึ้น​หลัง​จาก​การ​รวม​กัน​ที่​​PDF​​Package​ ​

Page 49

​วิธี​ใส่​​Bates​​Numbering​

​2​.​​ใน​​dialog​​box​​ของ​​Bates​​Number​ing ขึ้นมา ​ให้ทำ�​สิ่ง​ต่างๆ​​ดังต​ ่อ​ไป​นี้​​

​ ​1​.​​ใน​​Acrobat​,​​เลือก​​Tools ​>​Pages ​>​ภายใต้ Edit Page Design เลือก ​Bates​​Numbering​​>​​Add​Bates Numbering

- คลิก Add Files.. ​และ​เลือก​ไฟล์​ที่​คุณ​ต้องการ​ใส่ ​Bates​​Numbering​ - คลิก Add Folders.. ​และ​เลือก folder เพื่อนำ�​ไฟล์ทั้งหมด ​ที่​คุณ​ต้องการ​ใส่ ​Bates​​Numbering - คลิก Add Open Files.. นำ�ไฟล์ PDF ที่กำ�ลังเปิดอยู่ เพื่อ​ใส่ ​Bates​​Numbering ​ ​3​.​​ปรับ​รายการ​ของ​​PDF​​ทตี่​ ้องการ​ ​ ​ ​-​ ​เพื่อ​เปลี่ยน​ลำ�ดับไฟล์ ที่จะใส่ B​ ates​ ​Numbering​ ​ทำ�การ​เลือก​ ​PDF​ ​ใน​รายการ​ ​และ​ลาก​มัน​ไป​ไว้​ใน​ ตำ�แหน่ง​อื่น​ที่​ต้องการ​​หรือ​คลิก​​Move​​Up​​หรือ​​Move​​Down​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​ลบ​​PDF​​ออก​จาก​รายการ​เ​ลือก​ไฟล์​​PDF​​และ​คลิก​​Remove​ - กำ�หนดตัวเลือก ของผลลัพท์ในการใส่ Bates​​Numbering​ คลิกปุ่ม Output Options

Page 50

​ ​4​.​​คลิก​​OK ​จาก​นั้น​​dialog​​box​​ของ​​Add​​Header​​And​​Footer​ปรากฏขึ้นมา ​คลิก​เพื่อ​วาง​เคอ​เซอร์​ใน​กรอบข้อความ​ ​Header​ ​หรือ​ ​Footer​ ​ที่​คุณ​ต้องการ​ให้​ ​Bates​ ​Numbering​ ​ไป​ ปรากฏ​​(​เช่น​​Left​​Header​​Text​​หรือ​​Center​​Footer​​Text​)​ ​ ​5​.​ ​คลิก​ ​Insert​ ​Bates​ ​Number​ ​จะปรากฏ dialog box ของ Bates Numbring Options ขึ้นมา ให้ใส่ตัวเลข และ กำ�หนดเงื่อนไข ตามต้องการ ​ ​-​ ​ใน​ ​Number​ ​Of​ ​Digits​ ​ระบุ​จำ�นวน​หลัก​ ​ของ​ชุด​ตัวเลข​ที่​คุณ​ต้องการ​ให้​ปรากฏ​ขึ้น​มา​ ​ใส่​ตัวเ​ลข​ใดๆ​ ​ระหว่าง​ ​6​ และ​1​ 5​​ค่า​ตั้ง​ต้น​อัตโนมัติ​จะ​อยู่​ที่​​6​​ซึ่ง​ผล​ลัพท์​ของ​​Bates​​Numbering​​จะ​แสดง​เป็น​​​000001​,​​000002​,​.​.​.​.​ ​ ​-​​ใน​​Start​​Number​​ให้ใ​ส่​เลข​​ซึ่ง​จะ​ถูก​กำ�หนด​เพื่อไ​ฟล์​​PDF​​แรก​บน​รายการ​​จ�ำ นวน​เลข​พื้น​ฐาน​​คือ​​1​ ​ ​-​​ใน​​Prefix​​ให้​พิมพ์​ข้อ​ความ​ใดๆ​​ซึ่ง​คุณ​ต้องการ​ให้​ปรากฏ​อยู่​ด้าน​หน้า​​Bates​​Numbering​ ​ ​-​​ใน​​Suffix​​ให้​พิมพ์​ข้อ​ความ​ใดๆ​​ซึ่ง​คุณ​ต้องการ​ให้​ปรากฏ​ต่อ​ท้าย​​Bates​​Numbering​ ​ ​6​.​​คลิก​​OK​​จาก​นั้น​​ทำ�การ​เปลี่ยน​ข้อ​กำ�​หนด​อื่น​ๆ​​ของ​การ​ตั้ง​ค่า​ตาม​ที่​คุณ​ต้องการ​ใน​​Header​​และ​​Footer​​เมื่อ​ กำ�หนด​เรียบร้อย​แล้ว​ให้​คลิก​​OK​ ​

​วิธี​ลบ​​Bates​​Numbering​

​การ​ใส่​​และ​แก้ไข​​Background​​และ​​Watermark​

​การ​ใส่​​​และ​แก้ไข​​Background​

​ ​1​.​​ใน​​Acrobat​,​​เปิดไฟล์ PDF ที่มีการใส่ Bates Numbering 2. เลือก​​Tools ​>​Pages ​>​ภายใต้ Edit Page Design เลือก ​Bates​​Numbering​​>​​Remove... ​ จากนั้น ​Bates Numbering ก็จะถูก​ลบ​ออกไปจากไฟล์ PDF ​ ​ ใ​น​โปรแกรม​A​ crobat​9​ ​ม​ ก​ี าร​ปรับปรุงก​ าร​ท�ำ งาน​ของ​การ​ใส่​B​ ackground​แ​ ละ​การ​ใส่​W ​ atermark​ใ​ห้ม​ ป​ี ระสิทธิภาพ​ มาก​ยิ่ง​ขึ้น​ ​อาทิ​เช่น​ ก​ าร​แทนที่​ ​และ​การ​ลบ ​ที่​สามารถ​ทำ�ได้​ตลอด​เวลา​ ​แต่​ใน​เวอร์ชั่​นก่อน​หน้า​ไม่​สามารถ​ท�ำ ได้​ ​เพราะ​ การ​ยกเลิก​​Background​​และ​​Watermark​​จะ​ทำ�ได้​ก็​ต่อ​เมื่อ​ใช้​ค�ำ ​สั่ง​​Undo​​หาก​มี​การ​บันทึก​ไฟล์​​PDF​​แล้ว​​ก็​ไม่ส​ ามารถ​ จะ​ยกเลิก​​Background​​และ​​Watermark​​ได้​​ถ้า​ต้องการ​ลบ​​ต้อง​ใช้​เทคนิค​โดย​การ​ใส่​​Background​​และ​​Watermark​​ใหม่​ เข้าไป​แทนที่​​หรือ​ต้อง​คลิก​ลบ​บน​หน้า​เอกสาร​​PDF​​นอกจาก​นั้นค​ ำ�​สั่งก​ าร​ใส่​​Background​​และ​​Watermark​​จะ​แยก​ออก​ จาก​กัน​​ไม่​รวม​เข้า​ไว้ด​ ้วย​กัน​​เห​มือ​น​ใน​เวอร์ชั่​นก่อน​นี้​ ​ ​ ​Background​​(​พื้นห​ ลัง​)​​จะ​ปรากฏ​อยู่​ด้าน​ล่าง​ข้อความ​​และ​รูปภาพ​บน​หน้า​เอกสาร​​PDF​,​​Background​​สามารถ​ กำ�หนด​ได้ง​ า่ ย​ๆ ​ ​โ​ดย​ใช้ส​ ​ี ห​ รือค​ ณ ุ ส​ ามารถ​ใช้ร​ ปู ภาพ​ค​ ณ ุ ส​ ามารถ​เลือก​ใช้​B​ ackground​เ​ฉพาะ​หน้าใ​ด​หน้าห​ นึง่ ​ห​ รือร​ ะหว่าง​ Page 51

หน้าใ​น​​PDF​​แต่​​Background​​สามารถ​ใช้​แตก​ต่าง​กัน​ได้​ใน​แต่ละ​หน้า​ ​ เ​ทคนิคต​ อ่ ไ​ป​นจ​ี้ ะ​เป็นแ​ สดง​ให้ท​ ราบ​วา่ ​ค​ วร​จะ​ท�ำ อ​ ย่างไร​?​เ​พือ่ ใ​ช้​แ​ ละ​ปรับร​ ปู แ​ บบ​b​ ackground​ท​ เ​่ี ป็นก​ ราฟิค​แ​ ละ​ ที่​เป็น​ข้อความ​​ก่อน​ที่​คุณ​จะ​เริ่ม​ต้น​ใส่​​Backgrounds​​คุณ​ควร​จะ​สร้าง​ข้อมูล​ที่​ต้องการ​ใส่​เป็น​​Backgounds​​และ​​Save​​ไว้​ ใน​รูปแ​ บบ​ไฟล์​​PDF​​เช่น​​รูปภาพ​ต่างๆ​​แต่​ถ้า​คุณ​ต้องการ​ใช้​ข้อความ​​สามารถ​สร้าง​มัน​ได้​ใน​​dialog​​box​​ของ​​Background​

​วิธี​ใส่​,​​แทนที่​​หรือ​แก้ไข​​Background​

​ ​1​.​​เลือก​​Tools ​>​Pages ​>​ภายใต้ Edit Page Design เลือก ​Background ​>​​Add​Background

หมายเหตุ​:​ถ​ ้า​ปรากฏ​ข้อความ​​บอก​เกี่ยว​กับ​เอกสาร​ปัจจุบัน​นั้น​​มี​​Background​​อยู่​แล้ว​​ ให้​คลิก​​Replace​​Background​ ​ ​2​.​​(​ข้อ​กำ�หนด​เพิ่ม​เติม​)​​เพื่อ​ใช้​​Background​​ใน​แต่ละ​หน้าที่​แตก​ต่าง​กัน​​คลิก​​Page​​Rage​​Options​​เลือก​​Pages​​ From​แ​ ละ​ใส่​หน้า​เริ่ม​ต้น​​และ​หน้า​สุดท้าย​​จาก​นั้น​เลือก​ข้อ​ก�ำ หนด​เพิ่ม​เติม​ที่​​Subset​​เพื่อ​ใช้​​Background​​เฉพาะ​หน้า​คู่​,​ หน้าค​ ี่​​หรือ​ทั้ง​สอง​ ​

Page 52

​3​.​​สำ�หรับ​ใน​ส่วน​ของ​​Source​​ระบุ​ว่า​มี​อะไร​ที่​คุณ​ต้องการ​ให้​เป็น​​Background​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​กลับ​มา​ใช้​​Background​​และ​ข้อ​ก�ำ หนด​เพิ่มเ​ติม​​Background​​คุณ​ต้อง​ท�ำ การ​ บันทึก​ข้อ​ก�ำ หนด​เก็บ​ไว้​​โดย​คลิก​ที่​ปุ่ม​​Save​​Setting​​และ​เมื่อ​ต้องการ​ใช้​ข้อ​ก�ำ หนด​​ ก็​ให้​เลือก​จาก​ใน​รายการ​​Saved​​Setting​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​ใช้​สี​กับ​​Background​​เลือก​F​ rom​​Color​​จาก​นั้น​คลิก​ที่​​Color​​swatch​​เพื่อ​เปิด ​ตัว​เลือก​สี​​และ​เลือก​สี​ใน​​swatch​​หรือ​สี​ที่​สร้าง​ขึ้น​มา​ใหม่​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​ใช้​รูปภาพ​​เลือก​​File​​จาก​นั้น​คลิก​​Browse​​ไป​ยัง​ตำ�แหน่ง​เก็บไ​ฟล์​รูปภาพ​ที่​คุณ ​ต้องการ​​และ​เลือก​รูปภาพ​ ​ ​บันทึก​:​​เฉพาะ​ไฟล์​​PDF​,​​JPEG​​และ​​BMP​​เท่านั้น​​ที่​สามารถ​ใช้​รูปภาพ​​Background​ ​ ​4​.​​ปรับ​การ​ปรากฏ​​และ​ตำ�แหน่ง​​Background​​ที่​ต้องการ​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​เลือก​เฉพาะ​บาง​รูปภาพ​​ซึ่ง​อยู่​ใน​ไฟล์​ที่​มี​หลาย​ๆ​หน้า​​ใส่​เลข​หน้าที่​มี​รูปภาพ​ ต้องการ​บรรจุ​อยู่​​ใน​​Page​​Number​​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​แสดง​ไฟล์​รูปภาพ​​โดย​เจาะจง​เปอร์เซ็นต์​ของ​รูปภาพ​มี​ขนาด​เต็ม​จอ​ ​ให้ใ​ส่​ค่า​ใน​​Absolute​​Scale​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​หมุน​รูปภาพ​​Background​ห​ รือ​พื้นที่​สี​​ใส่​ค่า​ใน​​Rotation​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​เปลี่ยน​ขนาด​รูปภาพ​​Background​​เป็น​เปอร์เซ็นต์​ต่อ​ของ​ขนาด​หน้า​​PDF​ ​เลือก​​Scale​​Relative​​To​​Target​​Page​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​แสดง​​และ​ซ่อน​​Background​​เมื่อท​ ำ�การ​พิมพ์​​หรือ​แสดง​บน​หน้า​จอ​​ คลิก​​Appearance​​Options​​และ​เลือก​วัตถุ​ที่​คุณ​ต้องการ​ให้​แสดง​​และ​ซ่อน​

​ ​ ​-​​เพื่อ​เคลื่อน​ตำ�แหน่ง​ของ​รูปภาพ​​Background​​หรือ​พื้นที่​สี​​ใส่​ค่า​ส�ำ หรับ​​Vertical​​Distance​ ​ จาก​​Top​,​​Center​​หรือ​​Bottom​​ของ​หน้า​​และ​​Horizontal​​Distance​​จาก​​Left​,​​Center​​ หรือ​​Right​​ของ​หน้า​ ​ ​5​.​ ​ถ้า​ข้อความ​ปรากฏ​ ​หลัง​จาก​ที่​คุณ​คลิก​ ​OK​ ​ซึ่ง​บอก​เกี่ยว​กับ​ ​Background​ ​ได้​มี​การ​ก�ำ หนด​ไว้​แล้ว​สำ�หรับ​บาง​ หน้า​​หรือ​หลาย​ๆ​​หน้า​​ให้​คลิก​​OK​​อีก​ครั้ง​ ​ ​ Page 53

​ ​ ​ปรับปรุง​รูปภาพ​​Background​​ ​ ​ ​ถ้า​ไฟล์​รูปภาพ​ที่​เป็นต้น​ฉบับ​​ซึ่ง​คุณ​กำ�ลัง​ใช้​เพื่อ​เปลี่ยน​​Background​​คุณ​สามารถ​ปรับปรุง​​PDF​​เพื่อ​แส​ ดง​เวอร์ชั่น​ใหม่​ของ​รูปภาพ​​ดกี​ ว่า​การ​นำ�​เอา​เวอร์ชั่น​เก่า​ออก​​และ​เพิ่ม​เวอร์ชั่น​ใหม่​เข้าไป​อีก​ครั้ง​ ​ ​ ​วิธี​ปรับปรุง​รูปภาพ​​Background​ ​ ​ ​1​.​​เลือก​​Tools ​>​Pages ​>​ภายใต้ Edit Page Design เลือก ​Background ​>​Update ​ ​ ​2​.​​คลิก​​OK​​หรือท​ ำ�การ​เปลี่ยน​ข้อ​ก�ำ ​หนด​อื่น​ๆ​​เพื่อ​ให้​ปรากฏ​ใน​​Background​ ​

​ ​ ​ ​การ​ลบ​​Background​​ออก​จาก​หน้า​​PDF​ ​ ​ ​ปฏิบัติ​อย่าง​ใด​อย่าง​หนึ่ง​ดัง​ต่อ​ไป​นี้​ ​ ​ -​​เ​พือ่ ล​ บ​B​ ackground​อ​ อก​เฉพาะ​บาง​หน้าใ​น​P​ DF​​เลือก​T​ ools >​ ​Pages >​ ​ภายใต้ Edit Page Design เลือก ​Background ​> ​Remove... จาก​นั้น​คลิก​​Page​​Range​​Options​​และ​ใส่​เลข​หน้า​​และ​ข้อ​กำ�หนด​​Subset​​เพื่อ​ระบุ​ Background​​หน้า​คู่​​หรือ​หน้า​คี่​​หรือ​ทั้ง​สอง​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​ลบ​​Background​​ออก​จาก​หน้า​ทั้งหมด​ทุก​หน้า​เ​ลือก​​Tools ​>​Pages ​>​ภายใต้ Edit Page Design เลือก ​Background ​> ​Remove... ​และ​คลิก​​OK​​เพื่อ​ยืนยัน​การ​ลบ​ ​ ​ -​​เ​พือ่ ล​ บ​B​ ackground​อ​ ก​จก​หน้าท​ งั้ หมด​แ​ ละ​เพิม่ ​B​ ackground​ใ​หม่​โ​ดย​ทนั ทีภ​ าย​หลังจ​ าก​การ​ลบ​เ​ลือก​​ Edit​​>​​Undo​​Add​​Background​ ​ ​

Page 54

​ ​ ​เพิ่ม​และ​แก้ไข​​Watermark​ ​ ​ ​Watermark​ ​คือ​ข้อความ​ ​หรือ​รูปภาพ​ ​ซึ่ง​ปรากฏ​อยู่​ด้าน​บน​ ​หรือ​สิ่งท​ ี่​บรรจุ​อยู่​ใน​เอกสาร​อยู่​ด้าน​หลัง​ ​ที่​ คล้าย​กับ​การ​ใช้​​Stamp​​ยก​ตัวอย่าง​เชน​​คุณ​อาจ​จะ​ต้อง​ใช้​​​คำ�​ว่า​​“​​Confidential​​“​​ที่​เป็น​​Watermark​​ที่​หน้า​เอกสาร​​PDF​​ คุณส​ ามารถ​ทจ​ี่ ะ​มห​ี ลาย​ๆ​W ​ atermark​ท​ เ​ี่ อกสาร​P​ DF​แ​ ละ​คณ ุ ส​ ามารถ​ใส่โ​ดย​การ​เจาะจง​เฉพาะ​บาง​หน้า​ห​ รือร​ ะหว่าง​หน้า​ เพื่อใ​ห้​​Watermark​​ปรากฏ​ ​ ​บันทึก​:​ ​สิ่ง​ที่​ไม่​เหมือน​ ​Stamp​ ​คือ​ ​Watermark​ ​จะ​ถูก​รวม​เข้าไป​ใน​หน้า​ ​PDF​ ​ซึ่ง​จะ​เป็น​ส่วน​ประกอบ​หนึ่ง​ของ​​ PDF​ ​ส่วน​ ​Stamp​ ​จะ​เป็น​ชนิด​ของ​ข้อความ​อธิบาย​ที่​ใส่​ใน​ ​PDF​ ​ซึ่ง​โปร​แก​รม​อื่น​ๆ​ ​ที่​เปิด​อ่าน​ ​PDF​ ​อาจ​จะ​เปิด​เพื่อ​แสดง​ คำ�​อธิบาย​ประกอบ​ข้อความ​​(T​ ext​​Annotation​)​,​​สามารถ​เคลื่อน​ย้าย​,​​เปลี่ยน​​หรือ​ลบ​ได้​​

​ ​ ​วิธี​เพิ่ม​​และ​แทนที่​​Watermark​ ​ ​ ​คุณ​สามารถ​เพิ่ม​หลาย​​Watermark​​ไป​ที่​​PDF​​แต่ละ​​Watermark​​ที่​เพิ่ม​เข้าไป​​จะ​ต้อง​ได้​รับ​การ​เพิ่ม​แยก​ ออก​จาก​กัน​ ​ ​ ​1​.​​เลือก​Tools ​>​Pages ​>​ภายใต้ Edit Page Design​>​เลือก ​Watermark​​>​​Add​Watermark​ ​ถ้า​ ​PDF​ ​บรรจุ​ ​Watermark​ ​อยู่​แล้ว​ ​หนึ่ง​ ​Watermark​ ​หรือ​มาก​กว่า​ ​จะ​มี​ข้อความ​จะ​ปรากฏ​ขึ้น​มา​ ​ให้​ เลือก​​Add​​New​​​ถ้า​คุณ​ต้องการ​สร้าง​​Watermark​เ​พิ่ม​เติม​ขึ้น​อีก​หนึ่ง​​​หรือ​เลือก​​Replace​​Existing​​ถ้า​คุณต​ ้องการ​แทนที่​ Watermark​​ที่​มี​อยู่​เดิม​ทั้งหมด​​ด้วย​​Watermark​​ใหม่​

Page 55

​ ​ ​2​.​​(​ข้อ​กำ�หนด​เพิ่มเ​ติม​)​​เพื่อ​ใช้​​Watermark​​ซึ่ง​เลือก​สู่​ใน​แต่ละ​หน้า​​ที่​แตก​ต่าง​กัน​​คลิก​​Page​​Range​​Options​เ​ลือก​​Page​​From​​และ​ใส่​หน้า​เริ่ม​ต้น​​และ​หน้าส​ ุดท้าย​ที่​ต้องการ​ใส่​​Watermark​​และ​จาก​นั้น​เลือก​ตัว​เลือก​ใน​​Subset​​ เพื่อใ​ช้​​Watermark​​เฉพาะ​หน้า​คู่​,​​หน้า​คี่​​หรือท​ ั้ง​สอง​ ​ ​ ​3​.​​ระบุ​ข้อ​ก�ำ หนด​​ที่​​Source​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​สร้าง​ข้อความ​​Watermark​,​เ​ลือก​ที่​​Text​​พิมพ์​ข้อความ​ที่​คุณ​ต้องการ​ให้​ปรากฏ​เป็น​​Watermark​​ที่​ กล่อง​ข้อความ​​และ​จาก​นั้น​ปรับ​แบบ​ตัว​อักษร​,​​ขนาด​ตัวอ​ ักษร​,​​สี​ตัวอ​ ักษร​,​​การ​ขีด​เส้น​ใต้​​และ​ข้อ​ก�ำ หนด​ตั้ง​ย่อ​หน้า​​ตาม​ ต้องการ​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​ใช้​รูปภาพ​เป็น​​Watermark​เ​ลือก​​File​​แล้ว​คลิก​​Browse​​ค้นหา​ที่​ตั้ง​ของ​ไฟล์​ที่​คุณ​ต้องการ​ใช้​​เลือก​ มัน​​และ​คลิก​​Open​ถ​ ้า​ไฟล์​มี​รูปภาพ​หลาย​หน้า​​เลือก​คลิก​​Page​​Number​​เลือก​ลูกศ​ ร​ขึ้น​​และ​ลูกศ​ ร​ลง​​เพื่อ​เลือก​หน้า​​ที่​ คุณต​ ้องการ​ ​ ​บันทึก​:​​เฉพาะ​รูป​แบบ​ไฟล์​​PDF​,​​JPEG​​และ​​BMP​​เท่านั้น​​ที่​สามารถ​ใช้​รูปภาพ​เป็น​​Watermark​ ​ ​ ​4​.​​เพื่อ​เปลี่ยน​ขนาด​ของ​รูปภาพ​​Watermark​​ให้​ปฏิบัติ​อย่าง​ใด​อย่าง​หนึ่ง​ดัง​ต่อ​ไป​นี้​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​เปลี่ยน​ขนาด​​Watermark​​ใน​ความ​สัมพันธ์​ที่​ขนาด​จริง​ของ​ไฟล์​รูปภาพ​ที่​เป็นต้น​ฉบับ​​ใส่​เปอร์เซ็นต์​ ใน​ข้อ​กำ�หนด​​Absolute​​(​ใน​พื้นที่​​Source​)​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​เปลี่ยน​ขนาด​​Watermark​​ใน​ความ​สัมพันธ์​​ของ​ความ​กว้าง​ยาว​หน้า​เอกสาร​​PDF​​ใส่​เปอร์เซ็นต์​ใน​​ Scale​​Relative​​To​​Target​​Page​​(ใ​น​พื้นที่​​Appearance​)​ ​ ​ ​5​.​​ปรับ​การ​ปรากฏ​ของ​ข้อความ​​หรือ​รูปภาพ​​Watermark​​ที่​ต้องการ​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​หมุน​​Watermark​​เลือก​มุม​ของ​การ​หมุน​​หรือใ​ส่​ค่า​ต่าง​​ๆ​​ที่​ต้องการ​หมุน​ ​ ​ ​-​​เพื่อ​กำ�หนด​​Transparency​​กับ​​Watermark​​ให้​ลาก​แถบ​เลื่อน​ที่​​Opacity​​หรือใ​ส่​เปอร์เซ็นต์​ ​ ​ -​​เ​พือ่ จ​ ดั เ​รียง​การ​ทบั ซ​ อ้ น​ของ​W ​ atermark​ท​ เ​ี่ กีย่ วข้อง​กบั ส​ งิ่ ท​ บ​ี่ รรจุอ​ ยูใ​่ น​หน้า​เ​ลือก​A​ ppear​B​ ehind​P​ age​​ (​สิ่งท​ ี่​บรรจุ​อยู่​ใน​หน้าอ​ ยู่​บน​​Watermark​)​​หรือ​​Appear​​On​​Top​​Of​​Page​​(​Watermark​​อยู่​บน​สิ่ง​ที่​บรรจุ​อยู่​ใน​หน้า​)​ ​ ​ ​-​ ​เพื่อ​ระบุ​ ​เมื่อ​ไหร่​ที่​จะ​ให้​ ​Watermark​ ​ปรากฏ​ ​ให้​คลิก​ ​Appearance​ ​Options​ ​และ​เลือก​ ​หรือ​ไม่​เลือก​​ Show​​When​​Printing​​(​ให้​โชว์​เมื่อ​มี​การ​พิมพ์​)​​หรือ​​Show​​When​​Displaying​​on​​Screen​​(​ให้​โชว์​เมื่อ​มี​การ​แสดง​ผล​บน​หน้า​ จอ​)​ Page 56

​ ​ ​-​ ​เพื่อ​ควบคุม​ความ​ผันแปร​ใน​ ​PDF​ ​กับ​ขนาด​ของ​หน้าที่​มี​หลาก​หลาย​ ​คลิก​ ​Appearance​ ​Options​ ​และ​ เลือก​​หรือ​ไม่​เลือก​​Keep​​Position​​And​​Size​​Of​​Watermark​​Text​​Constant​​When​​Printing​​On​​Different​​Page​​Size​​(​ให้​ รักษา​ตำ�แหน่ง​​และ​ขนาด​ของ​ตัว​อักษร​​Watermark​​ให้ค​ งที่​ไว้​​เมื่อ​มี​การ​พิมพ์​บน​ขนาด​ของ​หน้า​กระดาษ​ที่​แตก​ต่างๆ​​กัน​)​ ​ ​ ​6​.​ ​ระบุ​ตำ�แหน่ง​ ​ซึ่ง​คุณ​ต้องการ​ให้​ ​Watermark​ ​ปรากฏ​โดย​การ​ใส่​ระยะ​แนว​ตั้ง​ ​และ​แนว​นอน​ ​ระหว่าง​​ Watermark​​และ​ด้าน​ซ้าย​,​​ขวา​,​​ตรง​กลาง​,​​บน​สุด​​หรือด​ ้าน​ล่าง​ของ​หน้า​ ​ ​ ​ ​การ​ปรับปรุง​​Watermark​ ​ ​ ​1​.​​เลือก​​Document​​>​​Watermark​​>​​Update​ ​ ​ ​2​.​​ทำ�การ​เปลี่ยนแปลง​ที่​​Watermark​​และ​จาก​นั้น​คลิก​​OK​ ​ ​ ​ที่​สำ�คัญ​:​ ​ถ้า​คุณ​มี​หลาย​ๆ​ ​Watermark​ ​ใน​เอกสาร​ ​PDF​ ​วิธี​การ​ดำ�เนิน​การ​ด้วย​วิธี​นี้​ ​จะ​ปรับปรุง​เฉพาะ​​ Watermark​​แรก​ที่​คุณ​เพิ่ม​​และ​จะ​ทิ้ง​​Watermark​​อื่น​ๆ​​ทั้งหมด​​ถ้า​คุณ​คิด​จะ​เปลี่ยน​เกี่ยว​กับ​การ​ปรับปรุง​​Watermark​​หลัง​ จาก​คุณ​ได้​เสร็จ​สิ้น​กระบวนการ​นี้​​ให้​เลือก​คำ�​สั่ง​​Edit​​>​​Undo​​Watermark​​โดย​ทันที​ ​ ​ ​ ​การ​ลบ​​Watermark​ ​ ​ ​ปฎิบัติ​อย่าง​ใด​อย่าง​หนึ่ง​ดัง​ต่อ​ไป​นี้​ ​ ​ ​-​ ​เพื่อ​ลบ​ ​Watermark​ ​ทั้งหมด​ ​ออก​จาก​หน้า​เอกสาร​ ​PDF​ ​ทุก​หน้า​ ​เลือก​ ​Document​ ​>​ ​Remove​ ​และ​ คลิก​O​ K​​เพื่อ​ยืนยัน​การ​ลบ​ ​ ​ -​​เ​พือ่ ล​ บ​W ​ atermark​อ​ อก​จาก​หน้าท​ งั้ หมด​โดย​ทนั ที​ห​ ลังจ​ าก​ใส่ม​ นั เ​ข้าไป​ใน​เอกสาร​P​ DF​เ​ลือก​ค�ำ ส​ งั่ ​E​ dit​​ >​U​ ndo​​Watermark

Page 57

การ​ค้นหา​​และ​การ​สร้าง​ดัชนี​​(​Index​)​ ​ ​เพื่อ​อำ�นวย​ความ​สะดวก​ ​และ​ความ​รวดเร็ว​ใน​การ​เข้า​ถึง​ข้อมูล​เอกสาร​ ​PDF​ ​คุณ​สามารถ​เครื่อง​มือ​เพื่อ​ทำ�การ​ สืบค้น​คำ�​หรือ​ ​ประโยค​ต่างๆ​ ​ใน​เอกสาร​ ​PDF​,​ ​ใน​ ​Bookmarks​ ​และ​ใน​ ​Comment​ ​ใน​การ​ค้นหา​นั้น​ ​จะ​ท�ำ การ​ค้นหา​ใน​ ขณะ​เอกสาร​กำ�ลัง​เปิด​ใช้​งาน​อยู่​​หรือ​ไม่​ได้​เปิด​ใช้​งาน​ก็ได้​​ไม่​ว่า​เอกสาร​นั้น​จะ​จัด​เก็บ​อยู่​ที่​ใด​ใน​เครื่อง​คอมพิวเตอร์​ของ​คุณ​ ก็​สามารถ​ทำ�การ​สืบค้น​​และ​เปิด​มัน​ขึ้น​มา​ใช้​งาน​ได้​ ​ ​คุณ​สามารถ​รวบรวม​เอกสาร​​PDF​​ไว้ใ​น​ที่​เดี่ยว​กัน​​และ​สร้าง​ดัชนี​ของ​เอกสาร​ทั้งหมด​​เพื่อ​ช่วย​เพิ่ม​ความ​รวดเร็ว​ใน​ การ​ค้น​หาข​ข้อความ​ใน​เอกสาร​ ​PDF​ ​เพราะ​การ​สร้าง​ดัชนี​จะ​ทำ�ให้​ค้นหา​เฉพาะ​ข้อความ​ใน​เอกสาร​ ​PDF​ ​ที่​มี​การ​รวม​กลุ่ม​ และ​สร้าง​ดัชนี​เท่านั้น​​ดัง​นั้นก​ าร​สร้าง​ดัชนี​จึง​เหมาะ​สำ�หรับ​การ​รวม​เอกสาร​​PDF​​บันทึก​ไว้​ใน​แผ่น​​CD​-​ROM​​เมื่อ​นำ�​ไป​ใช้​ งาน​แ​ ละ​ทำ�การ​ค้นหา​ข้อความ​​ก็​จะ​ทำ�การ​เฉพาะ​ไฟล์​เอกสาร​​PDF​​ที่​บรรจุ​อยู่​ใน​แผ่น​​CD​-​ROM​​นั้น​ๆ​​ ​ ​ ​การ​ค้นหา​ข้อความ​ใน​เอกสาร​​PDF​​ ​ ​การ​ใช้​ค�ำ ​สั่ง​​Find​​เพื่อ​การ​ค้นหา​ข้อความ​ใน​เอกสาร​​PDF​​จะ​ใช้ได้​ก็​ต่อ​เมื่อ​คุณ​ได้​มีการเปิด​เอกสาร​​PDF​ ​ขึ้น​มาเสีย​ก่อน​ ​ ​1​.​​เลือก​เมนูค​ ำ�​สั่ง​​Edit​​>​​Find​ ​ ​2​.​​พิมพ์​ข้อความ​ที่​คุณ​จะ​ต้องการ​ค้นหา​​ใน​กรอบ​ค้นหา​ข้อความ​​(F​ ind​)​​ที่​อยู่​บน​แถบ​เครื่อง​มือ​

​ ​3​.​​(​ตัว​เลือก​เพิ่ม​เติม​)​คลิกลูกศร​​ที่​อยู่​ถัด​ไป​จาก​กรอบ​ข้อความ​​และ​เลือก​ตัว​เลือก​ใด​ตัว​เลือก​หนึ่ง​ดัง​ต่อ​ไป​นี้​ ​ ​ W ​ hole​w​ ords​o​ nly​=​ ​ท​ �ำ การ​คน้ หา​เฉพาะ​ค�ำ ท​ ต​ี่ รง​กนั ท​ งั้ หมด​ทค​ี่ ณ ุ พ​ มิ พ์ใ​น​กรอบ​ขอ้ ความ​ย​ ก​ตวั อย่าง​เช่น​ ถ้าค​ ุณ​ทำ�การ​ค้นหา​ค�ำ ​ว่า​​stick​​ค�ำ ​​tick​​และ​​sticky​​ก็​ไม่​สามารถ​ที่​จะ​ค้นหา​ได้​ ​ ​ C​ ase​-S​ ensitive​=​ ​ท​ �ำ การ​คน้ หา​เฉพาะ​ค�ำ ท​ ต​ี่ รง​กนั ก​ บั ต​ วั อ​ กั ษร​ภาษา​องั กฤษ​ตวั พ​ มิ พ์ใ​หญ่​ห​ รือต​ วั พ​ มิ พ์เ​ล็ก​ ที่​คุณพ​ ิมพ์​​ยก​ตัวอย่าง​เช่น​​ถ้า​คุณ​ค้นหา​คำ�​​Web​​ค�ำ ​ว่า​​web​​และ​​WEB​​จะ​ไม่​สามารถ​ค้นหา​ได้​ ​ ​ ​Include​​Bookmarks​​=​​ท�ำ การ​ค้นหา​ข้อความ​ใน​​Bookmarks​​ด้วย​ ​ ​ ​Include​​Comment​​=​​ทำ�การ​ค้นหา​ข้อ​ความ​น​​Comment​​ด้วย​ ​ ​4​.​​กด​​Enter​ ​ ​ ​Acrobat​​จะ​เข้าไป​ยัง​รายการ​แรก​ที่​ค้นหา​เจอ​​โดย​จะ​ปรากฏ​ไฮไลท์​ที่​ข้อความ​ ​ ​5​.​​กด​​Enter​​ซ้ำ�​หรือกดปุ่มเครื่องมือ Next เพื่อ​ทำ�การ​ค้นหา​ข้อความ​ต่อ​ไป​ ​ Page 58

​การ​ค้นหา​ข้อความ​ใน​เอกสาร​​PDF​​หลาย​ๆ​​ไฟล์​พร้อม​กัน​

​ค้นหา​ข้อความ​ใน​​PDF​​ในโฟว์เดอร์​ที่​เฉพาะ​เจาะจง​

​2​.​​ใน​หน้าต่าง Search​​เลือก​​All​​Documents​​In​​​เลือก​​​Browser​​For​​Location​จาก​รายการ​​pop​-​up

​ ค​ �ำ สัง่ S​ earch​ส​ ามารถ​ชว่ ย​ให้ค​ ณ ุ ท​ ำ�การ​คน้ หา​ขอ้ ความ​ใน​เอกสาร​P​ DF​ห​ ลาย​ๆ​ไ​ฟล์​ย​ ก​ตวั อย่าง​เช่น​ค​ ณ ุ ส​ ามารถ​ ค้นหา​ข้าม​เอกสาร​ ​PDF​ ​ที่​ก�ำ ลัง​เปิด​อยู่​,​ ​PDF​ ​ทั้งหมด​ที่​จัด​เก็บ​อยู่​ใน​ต�ำ แหน่ง​ต่างๆ​,​ ​หรือ​เปิด​ ​PDF​ ​ที่​มี​การ​รวม​กลุ่ม​แบบ​​ Package​ ​ ​หมายเหตุ:​ถ​ ้า​เอกสาร​มี​การ​เปลี่ยน​ข้อความ​ให้​เป็น​รหัส​​(​มี​การ​ก�ำ หนด​​Security​)​​คุณ​ไม่​สามารถ​ค้นหา​ใน​ส่วน​ของ​ การ​ค้นหา​เอกสาร​พร้อม​กัน​หลาย​ๆ​​ไฟล์​ได้​​คุณ​จำ�เป็น​จะ​ต้อง​เปิด​เอกสาร​ขึ้น​มา​ก่อน​​และ​จึง​ทำ�การ​ค้นหา​ที​ละ​ไฟล์​​ ​ ​ ​1​.​​เปิด​​Acrobat​​และ​ปฏิบัติ​อย่าง​ใด​อย่าง​หนึ่ง​​ดัง​ต่อ​ไป​นี้​ ​ ​ ​-​ ​ใน​แถบ​เครื่อง​มือ​ ​Find​ ​พิมพ์​ข้อความ​ที่​คุณ​ต้องการ​จะ​ค้นหา​ ​และ​จาก​นั้น​เลือก​ ​Open​ ​Full​ ​Acrobat​​ Search​​จาก​รายการ​​pop​-​up​ ​ ​ ​-​ ​ในหน้าต่าง​ ​Search​ ​(คำ�สั่ง Edit > Advanced Search) พิมพ์​ข้อความ​ทคี่​ ุณ​ต้องการ​จะ​ค้นหา​ใน​กรอบ​ ข้อความ

​ ​3​.​​เลือก​ตำ�แหน่ง​ทคี่​ ุณ​ต้อง​ที่​จะ​ค้นหา​​บน​คอมพิวเตอร์​ของ​คุณ​​หรือ​ไม่​ก็​บน​เครือ​ข่าย​ ​และ​จาก​นั้น​คลิก​​OK​

Page 59

​ ​4​.​​ถ้า​คุณ​ต้องการ​ระบุ​ตัว​เลือก​อื่น​ๆ ​เพื่อใ​ช้​ในการ​ค้นหา​​คลิก​​Use​​Advanced​​Search​​Options​ ​และ​เลือก​ตัว​เลือก​ที่​ต้องการ​ ​ ​5​.​​คลิก​​Search​ ​การ​ค้นหา​ไฟล์​ดัชนี​​(i​ndex​)​​ของ​การ​บันทึก​ใน​บัญชี​ราย​ชื่อ​​PDF​ ​ ​ดัชนี​ข้อความ​ที่​สมบูรณ์​​มี​การ​สร้าง​ขึ้น​ เมื่อ​บาง​คนใช้​​Acrobat​​เพื่อ​กำ�หนด​​catalog​​(​การ​บันทึก​ใน​บัญชี​ราย​ชื่อ​)​ ของ​​PDF​​​คุณ​สามารถ​ทำ�การ​ค้นหา​ดัชนี​ใน​ส่วน​คำ�​ที่​คุณ​ต้องการ​จะ​ค้นหา​​ดี​กว่าก​ าร​ค้นหา​ข้อความ​ใน​แต่ละ​ไฟล์​​PDF​​ใน​ บัญชี​ราย​ชื่อ​​การ​ค้นหา​ดัชนี​จะ​สร้าง​ราย​การ​ผลลัพท์​​พร้อม​ด้วย​การ​เชื่อม​โยง​ไป​ที่​สิ่ง​ที่​ปรากฏ​ขึ้น​ของ​ดัชนี​เอกสาร​ ​ ​1​.​​เปิด​หน้าต่าง Search​,​​พิมพ์ค​ �ำ ​ที่​คุณ​ต้องการ​จะ​ค้นหา​​และ​จาก​นั้น​คลิก​​Use​​Advanced​​Search​​Options

​ ​2​.​​สำ�หรับ​​Look​​In​,​​เลือก​​Select​​Index​ ​ ​3​.​ ​ใน​ ​dialog​ ​box​ ​ของ​ ​Index​ ​Selection​ ​ให้​เลือก​ดัชนี​ที่​ต้องการ​ ​ถ้า​เป็นการ​ค้นหา​ครั้ง​แรก​ ​หรือ​ยังไ​ม่มี​ดัชนี​อยู่​ รายการ​​ให้​คลิก​​Add​​เพื่อเ​พิ่ม​ดัชนี​​ไป​ยัง​ต�ำ แหน่ง​ที่​เก็บ​ดัชนี​​และ​เลือก​ดัชนี​ที่​คุณ​ต้องการ​จะ​ค้นหา​​และ​คลิก​​Open​

​ ​ ​หมายเหตุ​:​ค​ ุณ​สามารถ​อ่าน​ไฟล์​ข้อมูล​เกี่ยว​กับ​ดัชนี​ที่​คุณ​เลือก​​โดย​การ​คลิก​ที่​​Info​​และ​คุณ​สามารถ​แยก​ ดัชนีอ​ อก​ไป​จาก​การ​ค้นหา​​โดย​เลือก​ดัชนี​​และ​เลือก​​Remove​​หรือ​ท�ำ ให้​​check​​box​​ส�ำ หรับ​ดัชนี​นั้น​​ๆ​​ว่าง​ ​ ​4​.​ ​คลิก​ ​OK​ ​เพิ้อ​ปิด​ ​dialog​ ​box​ ​ของ​ ​Index​ ​Selection​ ​และ​จาก​นั้น​เลือก​ ​Currently​ ​Selected​ ​Indexes​ ​บน​เมนู​ pop​-​up​​ของ​​Look​​In​ ​ ​5​.​ ​ดำ�เนิน​การ​ต่อ​ไป​ ​กับ​การ​ค้นหา​ของ​คุณท​ ี่ปฎบัติ​อยู่​เป็น​ประจำ�​ ​เลือก​ตัวเ​ลือก​อื่น​ ​ๆ​ ​ที่​คุณ​ต้องการ​น�ำ ​มา​ใช้​ร่วม​ ใน​การ​ค้นหา​​จาก​นั้นค​ ลิก​​Search​ ​ ​ ​หมายเหตุ​:​ ​เลือก​ตัว​เลือก​ ​Match​ ​Whole​ ​Word​ ​Only​ ​เมื่อ​ทำ�การ​ค้นหา​ดัชนี​ ​มี​ความ​ส�ำ คัญ​อย่าง​ยิ่ง​ที่​จะ​ ช่วย​ลด​เวลา​ที่​ให้​ผล​ลัพท์​ ​

Page 60

​การ​สร้าง​​และ​จัดการ​ดัชนี​ใน​​PDF​

​การเต​รี​ยม​ไฟล์​​PDF​​สำ�หรับ​สร้าง​ดัชนี​

​การ​สร้าง​ดัชนี​​เพื่อ​การ​เก็บ​รวบรวม​

​ ​คุณ​สามารถ​ลด​เวลา​เมื่อต้องการ​​ค้นหาข้อความ​จำ�นวน​มาก​​โดย​การ​ฝัง​ดัชนี​ของ​ค�ำ ​ใน​เอกสาร​​โปรแกรม​​Acrobat​​ สามารถ​ค้นหา​ค�ำ ​จาก​ดัชนี​ได้​เร็ว​มาก​กว่า​การ​ค้น​ใน​เอกสาร​ ​การ​ฝังด​ ัชนี​เป็นการ​รวม​เข้า​ไว้​ใน​ไฟล์​ ​PDF​ ​ที่​จะ​นำ�​ไป​เผย​แพร่​​ และ​การ​ท�ำ ​สำ�เนา​ไฟล์​​PDF​​เพื่อ​น�ำ ​ไป​ใช้​ร่วม​กัน​​ผู้​ใช้​ค้นหา​​PDF​​ด้วย​ไฟล์ท​ ี่​มี​การ​ฝัง​ดัชนี​​จะ​ทำ�ให้​ได้ข​ ้อมูล​ที่​ถูก​ต้อง​​และ​ แม่นยำ�​กว่า​​ไฟล์​​PDF​​ที่​ไม่มี​การ​ฝัง​ดัชนี​​ ​ ​ ​เริ่ม​ต้น​โดย​กา​รส​ร้าง​โฟว์เดอร์​เพื่อ​ที่​จะ​บรรจุ​ไฟล์​ ​PDF​ ​ที่​ต้องการ​ทำ�​ดัชนี​ ​ไฟล์​ ​PDF​ ​ท้ังหมด​จะ​ต้อง​สมบูรณ์​ทั้ง​ เนื้อหา​​และ​คุณสมบัติ​ของ​อิเล็กทรอนิกส์​​อาทิ​เช่น​​การ​เชื่อม​โยง​​(​link​)​,​​bookmarks​​และ​​form​​fields​​ถ้า​ไฟล์​ที่​จะ​ทำ�​ดัชนี​ ประกอบ​ไป​ดว้ ย​เอกสาร​ทม​ี่ ก​ี าร​สแกน​มา​ต​ อ้ ง​ตรวจ​สอบ​ให้แ​ น่ใจ​วา่ ​เ​อกสาร​นนั้ ไ​ด้เ​ปลีย่ น​ไป​เป็นข​ อ้ ความ​ทส​ี่ ามารถ​คน้ หา​ได้​ แยก​เอกสาร​ที่​มี​จ�ำ นวน​หน้า​มาก​ๆ​​ให้​เป็น​ไฟล์​ขนาด​เล็ก​​โดย​แยก​ออก​เป็น​บทๆ​​เพื่อ​เพิ่ม​ประสิทธิภาพ​ใน​การ​ค้นหา​​คุณ​ยัง​ สามารถ​ที่​จะ​เพิ่ม​ราย​ละเอียด​ไป​ที่​คุณสมบัติ​ของ​ไฟล์​เอกสาร​​เพื่อ​ความ​สามารถ​ใน​การ​ค้น​ไฟล์​ที่​ดี​ขึ้น​ ​ ​ก่อน​ที่​คุณ​จะ​ทำ�​ดัชนี​เอกสาร​ที่​เก็บ​รวบรวม​ ​มัน​เป็น​สิ่ง​ที่​สำ�คัญ​ที่สุด​ ​คุณ​จะ​ต้อง​สร้าง​โครงสร้าง​เอกสาร​บน​ ​disk​​ drive​ห​ รือ​​network​s​ erver​​volume​​และ​ตรวจ​สอบ​ชื่อ​ไฟล์​ให้​สามารถ​ใช้​ข้า​มระบบปฎิบัติ​การ​​หรือ​ข้าม​เครื่อง​​ชื่อ​ไฟล์​อาจ​ จะ​ท�ำ ให้ส​ นั้ ​แ​ ละ​กระชับ​เ​พือ่ ค​ วาม​เหมาะ​สมใน​การ​เรียก​ขอ้ มูลก​ ลับม​ า​เ​มือ่ ม​ ก​ี าร​คน้ หา​ขา้ ม​ ระบบปฎิบตั ก​ิ าร​ห​ รือข​ า้ ม​เครือ่ ง​​ เพื่อป​ ้องกัน​ไม่​ให้​เกิดป​ ัญหา​​ให้​พิจารณา​ตาม​แนวทาง​ต่อ​ไป​นี้​ ​ ​-​​เปลี่ยน​ชื่อ​ไฟล์​,​​โฟว์เดอร์​​และ​ดัชนี​​ใช้ช​ ื่อ​ไฟล์​ตาม​ข้อ​ตกลง​ของ​​MS​-​DOS​​(​8​​ตัว​อักษร​​หรือ​น้อย​กว่า​​และ​ตาม​ หลังด​ ้วย​ ​3​ ​ตัว​อักษร​ที่​เป็น​ส่วน​ขยาย​ของ​ไฟล์​)​,​ ​โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ ​ถ้า​คุณ​วางแผน​ที่​จะ​จัด​ส่ง​เอกสาร​ที่​เก็บ​รวบรวม​ ​และ​ ดัชนีบ​ น​ดิสก์​​CD​-​ROM​​รูป​แบบ​​ISO​​9660​ ​ ​-​​ลบ​ตัว​อักษร​ที่​ยาว​​ๆ​​ยก​ตัวอย่าง​เช่น​​ตัว​อักษร​ที่​เป็น​เครื่องหมาย​​และ​ที่​ไม่ใช่​ตัว​อักษร​อังกฤษ​​จาก​ชื่อ​ไฟล์​​และ​ ชื่อโ​ฟว์เดอร์​ ​ ​-​​ไม่​ใช้​​การ​วาง​ข​องโฟว์เดอร์​ซ้อน​ลึก​หลาย​​ๆ​​ระดับ​​หรือช​ ื่อ​ของ​​path​​เกินก​ ว่า​​256​​ตัวอ​ ักษร​​สำ�หรับ​ดัชนี​​ ​ ​ เ​มือ่ ค​ ณ ุ ส​ ร้าง​ดชั นีใ​หม่​โ​ปรแกรม​A​ crobat​จ​ ะ​สร้าง​ไฟล์ท​ ม​ี่ น​ี ามสกุล​.​p​ dx​แ​ ละ​สร้าง​โฟว์เดอร์ใ​หม่ข​ นึ้ ม​ าร​อง​รบั ​ซ​ งึ่ จ​ ะ​ ประกอบ​ไป​ด้วย​ไฟล์​หนึ่ง​ไฟล์​หรือ​มากว่า​​ด้วย​นามสกุล​​.​idx​​ไฟล์​​IDX​​จะ​บรรจุ​การ​บันทึก​ข้อมูล​ดัชนี​​ไฟล์​ทั้งหมด​นี้​จำ�เป็น​ ที่​จะ​ต้อง​มี​ไว้​เพื่อ​ที่​ผู้​ใช้​​หรือ​ใคร​ที่​ต้องการ​ค้นหา​ดัชนี​ ​ ​1​.​​เลือก​​Tools ​>​​Document​​Processing​​>​​Full​​Text​​Index​​with​​Catalog​​ และ​จาก​นั้น​คลิก​​New​​Index​

Page 61

​ ​2​.​​ใน​​Index​​Title​​พิมพ์ช​ ื่อ​สำ�หรับ​ไฟล์​ดัชนี​ ​ ​3​.​​ใน​​Index​​Description​,​​พิมพ์ข​ ้อความ​สั้น​​ๆ​​เกี่ยว​กับ​ชนิด​ของ​ดัชนี​​หรือ​วัตถุประสงค์​ของ​ดัชนี​ ​ ​4​.​​คลิก​​Options​​เลือก​ตัว​เลือก​ที่​คุณ​ต้องการ​นำ�​มา​ใช้​ที่​ดัชนี​ของ​คุณ​​และ​คลิก​​OK​ ​ ​5​.​ ​ภาย​ใต้​ ​Include​ ​These​ ​Directories​ ​คลิก​ ​Add​ ​เลือก​โฟว์เดอร์ท​ ี่​บรรจุ​ไฟล์​ ​PDF​ ​ที่​คุณ​ต้องการ​จะ​ท�ำ ​ดัชนี​ ​และ​ คลิก​O​ K​​ ​ ​ ​ ​​วิธี​เพิ่มโฟว์เดอร์​ใน​จำ�นวน​ที่มา​กก​ว่า​หนึ่ง​โฟว์เดอร์​​ให้ท​ ำ�​ซ้ำ�​ขั้นต​ อน​เดิม​ ​ ​ ​หมายเหตุ​:​​ทุก​โฟว์เดอร์​ที่​วาง​อยู่​ภาย​ใต้​​โฟว์เดอร์​ที่​มี​การ​รวม​เข้า​ไว้​ใน​​Include​​these​​directories​​​จะ​รวม​ อยูใ่​น​การ​ประมวล​ผล​ของ​ดัชนี​ด้วย​ ​คุณ​สามารถ​ที่​เพิ่ม​โฟว์เดอร์​จาก​ห​ลาย​ๆ​ ​server​ ​หรือ​ ​disk​ ​drives​ ​ตราบ​เท่า​ที่​คุณ​ไม่มี​ แผน​เพื่อ​ย้าย​ดัชนี​​หรือ​สิ่งของ​ใน​เอกสาร​ที่​มี​การ​รวบรวม​ไว้​​ ​ ​6​.​ ​ภาย​ใต้​ ​Exclude​ ​These​ ​subdirectories​ ​คลิก​ ​Add​ ​และ​เลือก​โฟว์เดอร์​ที่​บรรจุ​ไฟล์​ ​PDF​ ​ที่​คุณ​ไม่​ต้องการ​ที่​จะ​ ทำ�ด​ ัชนี​​คลิก​​OK​​และ​ทำ�​ซ�้ำ ​ขั้นต​ อน​เดิม​​หาก​ต้องการ​ ​ ​7​.​ ​ตรวจ​สอบ​ความ​ถูก​ต้อง​ใน​สิ่ง​ที่​คุณ​เลือก​ ​ทำ�การ​เปลี่ยน​ที่​ราย​การ​ข​องโฟว์เดอร์​เพื่อ​ที่​จะ​ให้​รวม​ ​หรือ​ไม่​ให้​รวม​​ เลือก​โฟว์​เอร์​ที่​ต้องการ​ที่​จะ​เปลี่ยน​​และ​คลิก​​Remove​ ​ ​8​.​​คลิก​​Build​​และ​จาก​นั้น​ระบุ​ตำ�แหน่ง​ที่​คุณ​จะ​จัด​เก็บ​ไฟล์​ดัชนี​​คลิก​​Save​​และ​จาก​นั้น​:​ ​ ​ ​ ​-​​คลิก​​Close​​เมื่อ​ต้องการ​จบ​การ​สร้าง​ดัชนี​ ​ ​ ​ ​-​​คลิก​​Stop​​เพื่อ​ยกเลิก​การ​ประมวล​ผล​ดัชนี​

​ ​

ห​ มายเหตุ​:​ถ​ า้ ค​ ณ ุ ห​ ยุดก​ าร​สร้าง​ดชั นี​ค​ ณ ุ ไ​ม่ส​ ามารถ​กลับม​ า​ใน​สว่ น​ของ​ดชั นีเ​ดิม​เ​พือ่ ท​ จ​ี่ ะ​ด�ำ เนินก​ าร​สร้าง​ Page 62

ต่อไ​ป​ใหม่ไ​ด้​แ​ ต่ค​ ณ ุ ไ​ม่ว​ ธิ ย​ี อ้ น​กลับก​ าร​ท�ำ งาน​ต​ วั เ​ลือก​แ​ ละ​โฟว์เดอร์ท​ เ​ี่ ลือก​ยงั ค​ ง​ อ​ยเ​ู่ หมือน​เดิม​ซ​ ง่ึ ไ​ม่เ​สียห​ าย​ค​ ณ ุ ส​ ามารถ​ คลิก​O​ pen​​Index​​ทำ�การ​เลือก​ดัชนี​บาง​ส่วน​ที่​ท�ำ ​เสร็จ​แล้ว​​และ​ทำ�การ​ปรับปรุง​แก้ไข​มัน​ใหม่​​ให้​เสร็จ​สมบูรณ์​ ​ ​ ​ ​วิธี​ปรับปรุง​แก้ไข​ดัชนี​ ​ ​ ​คุณ​สามารถ​ปรับปรุง​ดัชนี​ให้​เป็น​ข้อมูล​ใหม่​ล่าสุด​,​​สร้าง​ดัชนี​ใหม่​​หรือก​ ำ�จัด​ดัชนีท​ ี่​มี​อยู่​ ​ ​ ​1​.​​เลือก​​Tools ​>​​Document​​Processing​​>​​Full​​Text​​Index​​With​​Catalog​ ​และ​จาก​นั้น​คลิก​​Open​​Index​ ​ ​ ​2​.​​ไป​ที่​ตำ�แหน่ง​ที่​จัด​เก็บ​ดัชนี​​และ​เลือก​ไฟล์​ดัชนี​​(​PDX​)​​ที่​ต้องการ​​และ​คลิก​​Open​ ​ ​ ​3​.​​ถ้า​ดัชนีม​ ี​การ​สร้าง​ด้วย​โปรแกรม​​Acrobat​​5.0​​หรือ​เวอร์ชั่​นก่อน​หน้า​นี้​​เลือก​​Create​​Copy​​เพื่อ​สร้าง​ ดัชนีใ​หม่​​(​โดย​ไม่มี​การ​เขียน​ทับ​เวอร์ชั่​นก่อน​หน้า​)​​หรือ​เลือก​​Overwrite​​Old​​Index​​เพื่อ​ที่​จะ​มี​การ​เขียน​ข้อมูล​แทน​ดัชนี​เก่า​ ​ ​ ​4​.​​ใน​​dialog​​box​​ของ​​Index​​Definition​​ทำ�การ​เปลี่ยน​ตัว​เลือก​ต่างๆ​​ที่​คุณ​ต้องการ​​และ​จาก​นั้น​คลิก​ฟัง​ ก์ชั่​นที่​คุณ​ต้องการ​ให้​​Acrobat​​ปฎิบัติ​:​ ​ ​ ​ ​Build​​=​​สร้าง​ไฟล์​​IDX​​ด้วย​ข้อมูล​ที่​มี​อยู่​​และ​ปรับปรุง​ข้อมูล​ใหม่​​โดยที่​บันทึก​ข้อมูล​ใหม่​​และ​ทำ�​ เครื่องหมาย​ข้อมูล​ที่​มี​เปลี่ยนแปลง​ ​หรือ​บันทึก​ข้อมูล​เก่า​ให้​เป็น​โมฆะ​ ​ไม่มี​ผล​บังคับ​ใช้​ ​ถ้า​คุณท​ ำ�การ​เปลี่ยนแปลง​จำ�นวน​ มาก​​หรือ​ใช้​ตัว​เลือก​นี้​เพื่อ​ประมวล​ผล​ซ้ำ�​​แทนทีข่​ อง​การ​สร้าง​ดัชนี​ใหม่​,​​เวลา​ของ​การ​ค้นหา​อาจ​จะ​เพิ่ม​มาก​ขึ้น​ ​ ​ ​ ​Rebuild​​=​​สร้าง​ดัชนี​ใหม่​,​​เขียน​ทับ​โฟว์เดอร์​ดัชนี​ที่​มี​อยู่​เดิม​​และ​มัน​ก็​จะ​บรรจุ ​ข้อมูล​ใหม่​เข้าไป​​(​ไฟล์​​IDX​​ทั้ง​หลาย​)​ ​ ​ ​ ​Purge​​=​​ลบ​ข้อมูล​ที่​บรรจุ​อยู่​ภายใน​ดัชนี​​(​ไฟล์​​IDX​​ทั้ง​หลาย​)​ ​โดยที่​ไม่​ลบ​ไฟล์ด​ ัชนี​​(P​ DX​)​

กรณีที่ต้องการฝัง Index ไปพร้อมกับไฟล์ เพื่อง่ายต่อการเรียกใช้งาน และการค้นหา ให้เลือกคำ�สั่ง Tools > Document Processing > Manage Edbedded Index

Page 63

ตรา​ประทับ​ดิจิตอล​ ​

​ตรา​ประทับ​ดิจิตอล​​ควบคุม​เอกสาร​ภายใน​องค์กร​​ ​ คุณ​สามารถ​ใช้​เครื่อง​มือ​​Stamp​​เพื่อ​ท�ำ ​ตรา​ประทับ​ลง​บน​เอกสาร​​PDF​​เหมือน​กับ​ใช้​ตรายาง​ท�ำ ​ตรา​ประทับ​ลง​บน​ กระดาษ​ ​คุณ​สามารถ​เลือก​ใช้​ตรา​ประทับ​ใน​รายการ​ที่​โปรแกรม​จัด​เตรียม​มา​ให้​ ​หรือ​สามารถ​สร้าง​ขึ้น​มา​ใหม่​เพื่อ​นำ�​มา​ใช้​ งาน​น​ อกจาก​นั้น​ยัง​มี​ตรา​ประทับ​แบบ​​Dynamic​​ทสี่​ ามารถ​ระบุ​ชื่อ​​วัน​​และ​เวลา​​โดย​อ้างอิง​จาก​ระบบ​คอมพิวเตอร์​​ ​1​.​​Dynamic​​Stamp​​ตรา​ประทับ​ที่​สามารถ​ระบุ​ชื่อ​​วัน​​เวลา​ ​ 2​.​​Sign​​Here​​Stamp​​ตรา​ประทับ​ระบุ​ตำ�แหน่ง​ใน​การ​เซ็น​ชื่อ​ ​ 3​.​​Standard​​Business​​Stamp​​ตรา​ประทับ​มาตรฐาน​ที่​มี​ใช้​กัน​ทั่วไป​ใน​สำ�นักงาน​ ​ 4​.​​Custom​S​ tamp​​ตรา​ประทับ​ที่​สร้าง​ขึ้น​มา​ใหม่​

วิธี​ใส่​ตรา​ประทับ​ดิจิตอล​​ใน​เอกสาร​​PDF​

​1​.​​จากพาแนล Comment > Annotations เลืือก​เมนู​​pop​-​up​​ของ​​Stamp​​Tool​​ ​เลือก​ชนิด​ของ​ตรา​ประทับ​ที่​ต้องการ​ ​ 2​.​คลิกบน​หน้า​งาน​ใน​ตำ�แหน่ง​ทตี่​ ้อง​ใส่​ตรา​ประทับ​​(​​ตรา​ประทับ​จะ​มี​ขนาด​เท่ากับ​ที่​สร้าง​ไว้​​)​ ​หรือ​ใช้​วิธี​ลาก​เม้าส์​เพื่อ​ก�ำ หนด​ขนาด​​และ​ตำ�แหน่ง​ของ​ตรา​ประทับ​ ​3​.​​ถ้า​คุณ​ไม่มี​การ​ตั้ง​ชื่อ​ใน​​Identity​​Preferences​​ จะ​ปรากฏ​​dialog​​box​​ของ​​Identity​​Setup​​ขึ้น​มา​เพื่อ​ให้​คุณ​ใส่​ชื่อ​

Page 64

วิธี​การ​แก้ไข​ตรา​ประทับ​

​ 1​.​​เลือก​เครื่อง​มือ​​Hand​ ​ 2​.​​เลือก​ปฏิบัติ​อย่าง​ใด​อย่าง​หนึ่ง​ต่อ​ไป​นี้​ ​ -​​ย้าย​ตรา​ประทับ​​ลาก​ตรา​ประทับ​ไป​ไว้​ใน​ต�ำ แหน่ง​ใหม่​ ​-​​เปลี่ยน​ขนาด​​ตรา​ประทับ​คลิก​ที่​ตรา​ประทับ​​ และ​จาก​นั้น​ให้คลิก​ที่​มุม​เพื่อ​ย่อ​​-​​ขยาย​ตรา​ประทับ​ ​ -​​ลบ​ตรา​ประทับ​​ให้คลิก​ขวา​​(​​Windows​)​​หรือ​​กด​​Control​​พร้อมคลิก​​(​​Mac​)​​ ที่​ตรา​ประทับ​​และ​จาก​นั้น​เลือก​​Delete​ ​-​​เปลี่ยน​ความ​ทึบ​ของ​ตรา​ประทับ​​หรือส​ ี​​จาก​เมนู​​pop​-​up​​ให้คลิกข​ วา​​(​​Windows​)​ ​หรือ​​กด​​Control​​พร้อมคลิก​​(​​Mac​)​​ที่​ตรา​ประทับ​​และ​เลือก​​Properties​ ใช้แ​ ถบ​ค�ำ ​สั่ง​​Appearance​​เพื่อเ​ปลี่ยน​ความ​ทึบ​​และ​สี​​ที่​คุณ​ชื่น​ชอบ​ ​ทำ�การ​ย้าย​ตรา​ประทับ​​ไป​ไว้​ใน​เมนู​​Favorites​ ​ 1​.​​เลือก​เครื่อง​มือ​​Hand​​เลือก​​Stamp​ ​ 2​.​​เลือก​​Comment > Annotations เลืือก​เมนู​​pop​-​up​​ของ​​Stamp​​Tool​ ​>​​Add​​Current​​Stamp​​to​​Favorites​​​ ​ การ​สร้าง​ตรา​ประทับ​ ​คุณ​สามารถ​สร้าง​ตรา​ประทับ​จาก​ไฟล์​ ​PDF​,​ ​JPEG​,​ ​bitmap​,​ ​Adobe​ ​Illustrator​ ​(​AI​)​,​ ​Adobe​ ​Photoshop​ ​(​PSD​)​​ และ​​Auto​​CAD​​(​DWT​,​​DWG​)​​เมื่อ​คุณเ​ลือก​ไฟล์​เพื่อ​ใช้​สร้าง​​Stamp​​คุณ​จ�ำ เป็น​อย่าง​มาก​ที่​จะ​ต้อง​สร้าง​หมวด​หมู่​​เพื่อ​ไว้​ เก็บ​​Stamp​ ​วิธี​สร้าง​ตรา​ประทับ​ ​ 1​.​​จาก​เมนู​เครื่อง​มือ​​Comment > Annotations เลืือก​เมนู​​pop​-​up​​ของ​​Stamp​​Tool > Custom Stamps > Create Custom Stamp...

Page 65

2​.​คลิก​Browse ​เลือก​ไฟล์​ที่​คุณ​ต้องการ​ใช้​​และ​จา​กนั้นค​ลิ๊ก​​Select​

3.​​เลือก​หมวด​หมู่​ของ​​Stamp​​จาก​เมนู​​pop​-​up​​ด้าน​บน​หรือพิมพ์ชื่อหมวดหมู่ที่ต้องการ

4​.​​พิมพ์ชื่อ Stamp และ​จา​กนั้นค​ลิ๊ก​​OK​

วิธี​แก้ไข​ตรา​ประทับ​ ​ 1​.​​จาก​แถบเครื่องมือ ​​Comment > Annotations เลืือก​เมนู​​pop​-​up​​ของ​​Stamp​​Tool > Custom Stamps > Manage Custom Stamp... คลิกปุ่ม Edit ​2​.​หรือ​เลือก​Comment > Annotations เลืือก​เมนู​​pop​-​up​​ของ​​Stamp​​Tool > Show Stamps Pallete จากนั้น หมวด​หมู่​ของ​​Stamp​​ให้คลิก​ขวา​​(​Windows​)​​หรือ​​กด​​Control​​พร้อมคลิก​​(​Mac​)​​ที่​ตรา​ประทับ​​และ​ เลือก​​Edit​​จาก​เมนู​​pop​-​up​

Page 66

​ 3​.​​แก้ไข​หมวด​หมู่​​หรือ​ชื่อ​ของ​ตรา​ประทับ​ห​ รือ​แทนที่​ด้วย​ภาพ​ใหม่​​และ​จา​กนั้นค​ลิ๊ก​​OK​​ลบ​ตรา​ประทับ​ใช้​​Stamp​​ palette​​เพื่อ​ลบ​ตรา​ประทับ​​และ​หมวด​หมู่​ที่​สร้าง​ขึ้น​​คุณ​สามารถ​ลบ​ได้​เฉพาะ​ตรา​ประทับ​ที่​คุณ​สร้าง​ขึ้น​​ไม่​สามารถ​ลบ​ตรา​ ประทับ​ที่​โปรแกรม​เตรียม​ไว้​ให้​​เมื่อ​คุณล​ บ​ตรา​ประทับ​​ตรา​ประทับ​จะ​ถูก​ลบ​ออก​จาก​เมนู​​Stamp​​Tool​​แต่​ไฟล์ต​ รา​ประทับ​ จะ​ไม่​ถูก​ลบ​ ​วิธี​ลบ​ตรา​ประทับ​ ​1​.​​จาก​ ​Comment > Annotations เลืือก​เมนู​​pop​-​up​​ของ​​Stamp​​Tool ​เลือก​​Show​​Stamp​​Palette​ ​2​.​ ​เลือก​หมวด​หมู่​ของ​ ​Stamp​ ​ให้คลิก​ขวา​ ​(​Windows​)​ ​หรือ​ ​กด​ ​Control​ ​พร้อมคลิก​ ​(​ Mac​)​ ​ที่​ตรา​ประทับ​ ​และ​ เลือก​​Delete​​จาก​เมนู​​pop​-​up​ 3​.​​ถ้า​คุณ​ไม่มี​การ​ตั้ง​ชื่อ​ใน​​Identity​​Preferences​​จะ​ปรากฏ​​dialog​​box​​ของ​​Identity​​Setup​​ขึ้น​มา​เพื่อ​ให้​คุณ​ใส่​ ชื่อ​

​วิธี​ลบ​หมวด​หมู่​ของ​ตรา​ประทับ​

​ 1​.​​Comment > Annotations เลืือก​เมนู​​pop​-​up​​ของ​​Stamp​​Tool > Custom Stamps > Manage Custom Stamp...

​ ​2​.​​เลือก​หมวด​หมู่​ที่​ต้องการ​ลบ​​และ​จาก​นั้น​ให้คลิก​​Delete​ ​ หมายเหตุ​​คุณ​สามารถ​ใช้​คำ�​สั่ง​​Create​​Customer​​Stamp​​จาก​เมนู​​pop​-u​ p​​ของ​เครื่อง​มือ​​Stamp​​ได้​​หรือ​อา​จะ​ ใช้​คำ�​สั่ง​​Manage​​Stamp​​เพื่อ​สร้าง​​(​​Create​)​,​​แก้ไข​​(​​Edit​)​​และ​ลบ​​(​​Delete​)​

Page 67

การ​พิมพ์​เอกสาร​​PDF​ ​

การ​พิมพ์​เอกสาร​​PDF​

​ ถ้า​คุณ​ต้องการ​ ​กำ�หนด​ตัวเ​ลือก​ของ​การ​พิมพ์​ ​ใน​ ​Print​ ​dialog​ ​box​,​ ​โดย​ก�ำ หนด​ให้​มัน​ค่อน​ข้าง​จะ​ดี​กว่า​ท ี่​ พริ้น​ เตอร์ไ​ดร์เวอร์​ ​ ​1​.​ ​ต้อง​แน่ใจ​ว่า​​คุณ​ได้ต​ ิด​ตั้ง​ไฟล์​พ​ริ้นเ​ต​อร์​ไดร์เวอร์​​และ​​PPD​​ที่​ถูก​ต้อง​​สำ�หรับ​เครื่อง​พริ้น​เตอร์​ของ​คุณ​​ผล​ ของ​การ​พิมพ์​โดย​รวม​ที่​สามารถ​คาด​หมาย​ได้​​กับ​การ​ใช้​​PPD​​ที่​ถูก​ต้อง​ ​ ​2​.​ ​เลือก​​File​ ​>​​Print​​Setup​​(​Windows​)​​หรือ​​File​ ​>​​Page​​Setup​​(​Mac​​OS​)​​เพื่อ​เลือก​ขนาด​ของ​กระดาษ​,​ กำ�หนด​ต�ำ แหน่ง​การ​วาง​หน้า​,​ ​และ​ตัว​เลือก​ทั่วไป​ของ​การ​พิมพ์​ ​ ​ตัว​เลือก​จะ​มี​ความ​เปลี่ยนแปลง​ ​ขึ้น​อยู่​กับ​ความ​แตก​ต่าง​ ของ​พ​ริ้น​เต​อร์​​และ​ไดร์เวอร์​​

​ ​3​.​ ​เพื่อ​พิมพ์​​comments​,​​ยก​ตัวอย่าง​เช่น​​sticky​​notes​,​​ให้​เปิด​​Commenting​​panel​​ใน​​Preferences​​dialog​​ box​แ​ ละ​เลือก​​Print​​notes​​and​​pop​-​ups​

​ ​ ​หมายเหตุ​:​​เพื่อ​เปิด​​Preferences​​ใน​​Windows​,​​เลือก​​Edit​​>​​Preferences​.​​ใน​​Mac​​OS​,​​เลือก​​Acrobat​​ >​P​ references​.​ ​ ​4​.​​ ​คลิก​ที่​ปุ่ม​​Print​​​,​​หรือเ​ลือก​​File​ >​ ​​Print​.​ ​ ​5​.​ ​เลือก​พริ้น​เตอร์​จาก​เมนู​ที่​อยู่​ด้าน​บน​ของ​​​Print​​dialog​​box​

Page 68

​ ​6​.​ ​(​Mac​​OS​)​​เลือก​ตัว​เลือก​จาก​เมนู​​Presets​​pop​-​up​ ​ ​7​.​ ​ใน​​Windows​,​​คลิก​​Properties​​เพื่อ​ก�ำ หนด​ตัว​เลือก​เพิ่ม​เติม​​ที่​มี​อยู่​ใน​พริ้น​เตอร์​ไดร์เวอร์​​​ใน​​Mac​​OS​,​ กำ�หนด​ตัว​เลือก​พริ้นเ​ตอร์​ไดร์เวอร์​​ใน​​Print​​Center​ ​ ​8​.​ ​เพื่อ​พิมพ์​​comments​​หรือแ​ บบ​ฟอร์ม​,​​เลือก​ตัว​เลือก​จาก​เมนู​​Comments​​And​​ Forms​​pop​-​up​

​ ​

​9​.​

ตัว​เลือก​ใน​​Print​​dialog​​box​

​ระบุ​หน้าที่​คุณ​ต้องการ​จะ​พิมพ์​,​​และ​จาก​นั้น​คลิก​​OK​

มี​ตัว​เลือก​จำ�นวน​มาก​ใน​​Acrobat​​Print​​dialog​​box​​ที​เหมือน​กัน​โปรแกรม​อื่น​​ๆ​ ​ Comments​​And​​Forms​​กำ�หนด​เพื่อ​ให้​เห็น​ข้อมูล​​comment​​และ​แบบ​ฟอร์ม​​เมื่อ​พิมพ์​งาน​ออก​มา​ ​ Document​​พิมพ์​ข้อมูล​ที่​บรรจุ​อยู่​เอกสาร​​และ​ข้อมูล​ที่​กรอก​ใน​แบบ​ฟอร์ม​ ​ Document​​And​​Markups​​พิมพ์​ข้อมูล​ทบี่​ รรจุ​อยู่​เอกสาร​,​​ข้อมูล​ที่​กรอก​ใน​แบบ​ฟอร์ม​,​​ และ​​comments​ ​ Document​ ​And​ ​Stamps​ ​ ​พิมพ์​ข้อมูล​ที่​บรรจุ​อยู่​เอกสาร​,​ ​ข้อมูล​ที่​กรอก​ใน​แบบ​ฟอร์ม​,​ ​และ​ตรา​ยา​ง ดิ​จิ​ทัล​,​แต่​ ไม่​รวม​ถึง​การ​ท�ำ ​เครื่องหมาย​อื่น​​ๆ​​อาทิ​เช่น​​ข้อความ​​comments​​และ​เส้น​ที่​วาด​จาก​ดินสอ​ ​ Form​​Fields​​Only​​พิมพ์​เฉพาะ​ข้อมูล​ที่​กรอก​ใน​แบบ​ฟอร์ม​​แต่ไ​ม่​พิมพ์​ข้อมูล​ที่​บรรจุ​อยู่​ใน​เอกสาร​ ​ Current​ ​View​/​Selected​ ​Graphic​ พ​ ิมพ์พ​ ื้นที่​ของ​หน้า​ ​(​ประกอบ​ไป​ด้วย​ ​ข้อความ​,​ ​comments​,​ ​และ​อื่น​ ​ๆ​)​ ​ที่​ กำ�หนด​ให้​มอง​เห็น​ใน​ขณะ​นั้น​ ​ชื่อ​ของ​ตัว​เลือก​จะ​เปลี่ยน​ไป​ขึ้น​อยู่​กับ​ว่า​ ​คุณ​ได้​เลือก​หน้า​งาน​ ​หรือ​ไม่​เลือก​ ​หาก​คุณไ​ม่​ได้​ เลือก​หน้า​ ​ชื่อ​ตัว​เลือก​จะ​เปลี่ยน​เป็น​ ​Current​ ​View​,​ ​มี​การ​เลือก​หน้า​ ​ชื่อ​ตัวเ​ลือก​จะ​เปลี่ยน​เป็น​ ​Selected​ ​Pages​,​ ​หรือ​ พื้นทีบ่​ น​หน้า​งาน​ถูก​เลือก​​โดย​ใช้​เครื่อง​มือ​​Snapshot​​ชื่อต​ ัว​เลือก​ก็​จะ​เปลี่ยน​เป็น​​Selected​​Graphic​ ​ ​Current​​Page​​พิมพ์​หน้า​งาน​ที่​ก�ำ ลัง​เปิด​แสดง​ให้​เห็น​อยู่​ใน​ขณะ​นั้น​ Page 69

Pages​​ระบุ​ระยะ​ของ​หน้า​เพื่อ​พิมพ์​ใน​ไฟล์​​PDF​​ที่​เปิด​อยู่​​ทำ�การ​แยก​เลข​ระหว่าง​หน้าที่​จะ​พิมพ์​​โดย​การ​ใช้​เครื่อง​ หมาย​ยัติ​ภังค​์​​(​-​)​,​​และ​ถ้า​ต้อง​แยก​หลาย​หน้า​​หรือ​ระยะ​ของ​หน้า​​ใช้​เครื่องหมาย​คอมมา​​(​,​)​​หรือ​เว้น​วรรค​.​​ถ้า​ตัวเ​ลือก​​Use​​ Logical​​Page​​Numbers​​option​​ใน​​Page​​Display​​Preferences​,​​คุณ​สามารถ​ใส่​เลข​เพื่อ​ให้​เหมือน​กัน​กับ​ตัวเลข​ที่​พิมพ์​อยู่​ บน​หน้า​งาน​ ​โดย​ใช้​เลข​โรมัน​ ​หรือ​เลข​หน้าที่​แท้จริง​ที่​ใช้​อยู่​ใน​ขณะ​นั้น​ ​ยก​ตัวอย่าง​เช่น​ ​ถ้า​หน้าแ​ รก​ของ​เอกสาร​เป็น​ตัวเลข​ โรมัน​​iii​,​​คุณ​สามารถ​ใส่​​iii​​หรือ​​1​​เพื่อ​พิมพ์ห​ น้า​งาน​นั้น​​ทำ�การ​เลือก​​Odd​​Pages​​Only​ ​(​เฉพาะ​หน้า​คี่​เท่านั้น​)​ หรือ​E​ ven​​Pages​​Only​​(​เฉพาะ​หน้า​คู่​เท่านั้น​)​​มี​ผล​กับ​ระยะ​หน้าที่​จะ​พิมพ์​​ตัวอย่าง​เช่น​,​​ใน​ระยะ​หน้า​ประกอบ​ไป​ด้วย​​​2​,​ 7​-​10​พ​ ร้อม​กับ​เลือก​​Even​​Pages​​Only​,​​เฉพาะ​หน้า​​2​,​​8​,​​และ​​10​​เท่านั้น​​ที่​จะ​พิมพ์​ออก​มา​เพื่อ​พิมพ์​จาก​หน้าที่​ระบุ​ไป​ จนถึงห​ น้า​สุดท้าย​ของ​เอกสาร​ ​,​ ​ให้​ใส่​หน้า​พร้อม​ด้วย​เครื่อง​หมาย​ยัติ​ภังค​์​ ​(​-​)​ ​ตัวอย่าง​เช่น​ ​ ​“​11​-​”​ ​พิมพ์​หน้า​ ​11​ ​ไป​จนถึง​ หน้าส​ ุดท้าย​ของ​เอกสาร​ ​ Subset​​เลือก​​All​​Pages​​In​​Range​,​​หรือ​เลือก​​Odd​​Pages​​Only​​หรือ​​Even​​Pages​​Only​​เพื่อ​พิมพ์เ​ฉพาะ​หน้า​ เหล่าน​ ั้น​​​ภายใน​ระยะ​เฉพาะ​เจาะจง​ ​ Reverse​ ​Pages​ ​พิมพ์​หน้า​ถอย​กลับ​จาก​ที่​สั่ง​ ​ถ้า​มี​การ​ใส่​ระยะ​หน้า​,​ ​การ​พิมพ์​หน้า​จะ​ตรง​กัน​ข้าม​ ​กับ​คำ�​สั่ง​เลข​ หน้าทีใ่​ส่​เข้าไป​.​​ตัวอย่าง​เช่น​,​​ถ้า​ใน​กรอบ​​Pages​​แสดง​​3​-​5​,​​7​-​10​,​​มี​การ​เลือก​​Reverse​​Pages​​หน้าที่​พิมพ์​​10​-​7​,​​และ​ จาก​นั้น​พิมพ์​​5​-​3​ ​ Page​​Scaling​​ย่อ​,​​ขยาย​,​​หรือ​แยก​หน้า​เป็น​ส่วน​​ๆ​​เมื่อ​พิมพ์​ ​ ​None​​พิมพ์​จาก​ด้าน​ล่าง​ซ้าย​​หรือ​จาก​ตรง​กลาง​ของ​หน้า​​(​ถ้าส​ ั่ง​​Auto​-​Rotate​​and​​Center​)​​โดย​ไม่มี​การ​ขยาย​หน้า​ หรือ​เลือก​ไม่​ให้​ท�ำ การ​ย่อ​ข้อมูล​​ให้พ​ ิมพ์​ออก​มา​พอดี​กับ​หน้า​กระดาษ​​ ​ ​Fit​​To​​Printable​​Area​​ย่อ​​หรือ​ขยาย​​แต่ละ​หน้า​ให้​พอดี​กับ​พื้นที่​การ​พิมพ์​ของ​ขนาด​กระดาษ​ที่​เลือก​​สำ�หรับ ​พ​ ริ้นเ​ต​อร​์​ที่​มี​ภาษา​​PostScript​,​​อาศัย​​PPD​​เป็นต​ ัวก​ ำ�หนด​พื้นที่​การ​พิมพ์​ของ​กระดาษ​ ​ ​Shrink​ ​To​ P​ rintable​ ​Area​ ​ท�ำ ให้​หน้า​งาน​ ​ที่​มี​ความ​กว้าง​ ​หด​ให้พ​ อดี​กับ​ขนาด​ของ​กระดาษ​ที่​เลือก​ใช้​ ​แต่​จะ​ไม่​ ทำ�การ​ขยาย​หน้า​กระดาษ​ที่​มี​ขนาด​เล็ก​​ถ้า​พื้นที่​มี​การ​เลือก​​และ​มี​ขนาด​ใหญ่​กว่า​พื้นที่​พิมพ์​ของ​กระดาษ​ที่​คุณ​เลือก​ใช้​​มัน​ จะ​ปรับ​ขนาด​ให้​พอดี​กับ​พื้นที่​พิมพ์​​ ​ ​Tile​​Large​​Pages​​ใช้​เพื่อ​การ​พิมพ์​แยก​หน้าที่​มี​ขนาด​ใหญ่​กว่า​ขนาด​ของ​กระดาษ​ที่​เลือก​​ที่​มี​การ​กำ�หนดการ​ปรับ​ ขนาด​ห​ น้าง​ าน​ทม​ี่ ก​ี าร​พมิ พ์​ส​ �ำ หรับห​ ลาย​ๆ ​ ​แ​ ผ่นข​ อง​กระดาษ​ถ​ า้ ต​ วั เ​ลือก​น​ี้ ม​ ก​ี าร​เลือก​ไว้​​ค​ ณ ุ ส​ ามารถ​ทจ​ี่ ะ​ระบุข​ อ้ ก​ �ำ หนด​ สำ�หรับ​​การ​ปรับ​ขนาด​ของ​การ​พิมพ์​แยก​,​​การ​ซ้อน​ทับ​กัน​,​​เครื่องหมาย​ที่​ใช้​เป็น​แนวทาง​สำ�หรับ​ตัด​​และ​ป้าย​ชื่อ​ ​ ​Tile​​All​​Pages​​ใช้​เพื่อ​การ​พิมพ์​แยก​กับ​หน้า​ทั้งหมด​,​​โดย​ไม่ค​ ำ�นึง​ถึงข​ นาด​​​อย่างไร​ก็ตาม​,​​เฉพาะ​หน้าที่​มี​ขนาด​ ใหญ่ก​ ว่าข​ นาด​ของ​กระดาษ​ท​ ม​ี่ ก​ี าร​ก�ำ หนดการ​ปรับข​ นาด​ห​ น้าง​ าน​ทม​ี่ ก​ี าร​พมิ พ์​ส​ �ำ หรับห​ ลาย​ๆ ​ ​แ​ ผ่นข​ อง​กระดาษ​เ​ท่านัน้ ​ ถ้า​ตัว​เลือก​นี้​ ​มี​การ​เลือก​ไว้​ ​คุณ​สามารถ​ที่​จะ​ระบุ​ข้อ​กำ�หนด​สำ�หรับ​ ​การ​ปรับ​ขนาด​ของ​การ​พิมพ์​แยก​,​ ​การ​ซ้อน​ทับ​กัน​,​​ เครื่องหมาย​ที่​ใช้​เป็น​แนวทาง​ส�ำ หรับ​ตัด​​และ​ป้าย​ชื่อ​ ​​ ​Multiple​​Pages​​Per​​Sheet​​ทำ�ให้​สามารถ​พิมพ์​แบบ​​N​-​up​​ได้​,​​ที่​มี​การ​พิมพ์​หลาย​​ๆ​​หน้า​​บน​แผ่น​เดียวกัน​ของ​ กระดาษ​ ​ถ้า​ตัว​เลือก​นี้​ ​มี​การ​เลือก​ไว้​,​ ​คุณ​สามารถ​ที่​จะ​ระบุ​ข้อ​กำ�หนด​สำ�หรับ​ ​Pages​ ​Per​ ​Sheet​ ​(​จำ�นวน​หน้าต​ ่อ​แผ่น​)​ ​,​​ Page​​Order​​(​หน้าที่​สั่ง​)​​,​​Print​​Page​​Border​​(​เส้นก​ รอบ​หน้าที่​พิมพ์​)​​,​​และ​​Auto​-​Rotate​​Pages​​(​การ​หมุน​หน้า​อัตโนมัติ​)​ ​ ​Booklet​ ​Printing​ ​พิมพ์​หลาย​ ​ๆ​ ​หน้า​บน​แผ่น​เดียวกัน​ของ​กระดาษ​ ​ใน​คำ�​สั่ง​ที่​ต้องการ​เพื่อ​อ่าน​ได้​อย่าง​ถูก​ต้อง​ เมื่อม​ ี​การ​พับ​​เครื่อง​พริ้น​เตอร์​จะ​ต้อง​รองรับ​ระบบ​การ​พิมพ์​แบบ​​duplex​​printing​​(​พิมพ์​บน​ทั้ง​สอง​ด้าน​ของ​แผ่น​เดียวกัน​)​.​ โปรแกรม​​Acrobat​​มี​การ​กำ�หนด​โดย​อัตโนมัติ​​ให้​สามารถ​พิมพ์​ทั้ง​สอง​ด้าน​ ​

Page 70

Pages​​Per​S​ heet​​การ​พิมพ์​จ�ำ นวน​หน้า​หลาย​​หน้า​​ต่อห​ นึ่ง​แผ่น​กระดาษ​​(ส​ ูงสุด​คือ​​99​​หน้า/​​แผ่น​)​ ​ Page​​Order​​กำ�หนด​เพื่อ​สั่ง​ให้​หน้า​งาน​​ควร​จะ​พิมพ์​อย่่าง​ไร​บน​กระดาษ​​ระหว่าง​หน้าง​ าน​ที่​มี​การ​พิมพ์​แบบ​​N​-​up​​ วาง​หน้า​แนว​นอน​จาก​ซ้าย​ไป​ขวา​,​​จาก​บน​ลง​ไป​ข้าง​ล่าง​​​วาง​หน้าแ​ นว​นอน​พลิก​กลับ​จาก​ขวา​ไป​ซ้าย​,​​จาก​ล่าง​ขึ้น​ไป​ข้าง​บน​​ วาง​หน้าแ​ นว​ตงั้ ว​ าง​หน้าแ​ นว​นอน​จ​ าก​ซา้ ย​ไป​ขวา​,​จ​ าก​บน​ลง​ไป​ขา้ ง​ลา่ ง​วาง​หน้าแ​ นว​ตงั้ พ​ ลิกก​ ลับ​​จ​ าก​ขวา​ไป​ซา้ ย​,​จ​ าก​ลา่ ง​ ขึ้น​ไป​ข้าง​บน​​ตัว​เลือก​ทั้ง​หน้า​แนว​นอน​พลิก​กลับ​​และ​หน้า​แนว​ตั้ง​พลิก​กลับ​​เหมาะ​สำ�หรับ​เอกสาร​ที่​เป็น​ภาษา​เอ​เซีย​​(​จีน​,​ ญี่ปุ่น​,​​เกาหลี​​เป็นต้น​)​ ​ Print​​Page​​Border​​วาด​กรอบ​เพื่อ​ล้อม​รอบ​หน้า​เอกสาร​​PDF​​ระหว่าง​หน้าที่​มี​การ​พิมพ์​แบบ​​N​-​up​​ ​ Auto​-R​ otate​P​ ages​ป​ รับเ​ปลีย่ น​ต�ำ แหน่ง​แ​ ละ​ทศิ ทาง​ไฟล์​P​ DF​ใ​ห้เ​หมาะ​สม​กบั ต​ �ำ แหน่งท​ ม​ี่ ก​ี าร​ระบุไ​ว้ใ​น​คณ ุ สมบัต​ิ ของ​เครื่อง​พริ้น​เตอร์​​ระหว่าง​หน้าที่​มี​การ​พิมพ์​แบบ​​​N​-​up​ ​ Choose​​Paper​​Source​​By​​PDF​​Page​​Size​​(​ส�ำ หรับ​​Windows​​เท่านั้น​)​​ใช้​ขนาด​หน้า​​PDF​​เพื่อ​กำ�หนด​ถาด​ กระดาษ​​​มาก​กว่า​ตัว​เลือก​ใน​​ตัว​เลือก​นี้​เหมาะ​สำ�หรับ​พิมพ์​​PDF​​ที่​บรรจุ​หน้าที่​มี​หลาย​​ๆ​​ขนาด​​บน​เครื่อง​พริ้น​เตอร์​ที่​มี​ ถาด​กระดาษ​หลาย​ขนาด​แตก​ต่าง​กัน​ ​ Print​​To​​File​​(​สำ�หรับ​​Windows​​เท่านั้น)​​​เพื่อ​สร้าง​ไฟล์​​Postscript​​ที่​เจาะจง​อุปกรณ์​​ไฟล์​ผลลัพท์จ​ ะ​บรรจุ​รหัส​ และ​ข้อมูล​ส�ำ หรับ​ควบคุม​คุณสมบัติ​เฉพาะ​ของ​อุปกรณ์​ ​เพื่อ​ให้​ได้​ผล​ลัพท์​ที่​ดี​กว่า​ ​เมื่อ​ต้องการ​สร้าง​ไฟล์​ ​ ​PostScript​,​ ​ให้​ ใช้​คำ�​สั่ง​​Save​​As​​PostScript​ ​Note​:​​คุณ​ไม่​จำ�เป็น​ต้อง​มี​เครื่อง​พิมพ์​​Postscript​​เพื่อท​ ี่​จะ​ทำ�การ​สร้าง​ไฟล์​​Postscript​​ ​ Print​ ​Color​ ​As​ ​Black​ ​(​สำ�หรับ​ ​Windows​ ​เท่านั้น​)​ ​บังคับ​สที​ ั้งหมด​ ​ที่​ไม่ใช่​สี​ขาว​ ​เพื่อ​พิมพ์​ออก​มา​เป็น​สี​ดำ�​ ​ตัว​ เลือก​นี้​จะ​มี​ประโยชน์​มาก​​สำ�หรับ​งาน​พิมพ์​ภาพ​วาด​ทาง​ด้าน​วิศวกรรม​​ที่​มี​เส้น​บาง​​ๆ​​ที่​มี​สี​ประกอบ​อยู่​ด้วย​ ​ Printing​ ​Tips​ ​เมื่อ​คุณ​เชื่อม​ต่อ​ไป​ที่​อิน​เทอร์​เน็ต​ ​ตัว​เลือก​นี้​จะ​เชื่อม​ต่อ​ไป​ยัง​เว็บ​ไซต์​ ​ ​Adobe​ ​เพื่อ​เข้าไป​ดู​ข้อมูล​ ต่าง​​ๆ​​และ​วิธี​แก้​ปัญหา​​ของ​การ​พิมพ์​งาน​ ​ Advanced​​เปิด​​panels​​ต่าง​​ๆ​​เพื่อ​เข้าไป​กำ�หนด​ตัวเ​ลือก​เพิ่ม​เติม​เกี่ยว​กับ​การ​พิมพ์​​ตัว​เลือก​นี้​ให้​มา​นี้​​จะ​มี​การ​ แปร​เปลี่ยน​ไป​ตาม​โปรแกรม​​Acrobat​​ ​Summarize​​Comments​​สร้าง​ข้อมูล​แยก​​เพื่อ​พิมพ์​​comments​​ที่​มี​อยู่​ใน​เอกสาร​​ตัว​เลือก​นี้​​จะ​ไม่มี​ให้​มา​​เมื่อ​ คุณท​ ำ�การ​พิมพ์​​จาก​โปรแกรม​​web​​browser​​ต่าง​​ๆ​​หรือ​คุณ​ท�ำ การ​พิมพ์​หลาย​​ๆ​​เอกสาร​ใน​​PDF​​packages​​ ​ ​ ​

​พิมพ์​บาง​ส่วน​ของ​หน้า​

การสั่งพิมพ์ Comment

​ ​ ​ ​ ​

1​ ​.​ ​2​.​ ​3​.​ ​4​.​

เ​ลือก​​Tools​​>​​Select​​&​​Zoom​​>​​เครื่อง​มือ​​Snapshot​ ​ลาก​ล้อม​รอบ​พื้นที่​​ที่​คุณ​ต้องการ​จะ​พิมพ์​ ​Acrobat​​จะ​ทำ�​สำ�เนา​พื้นทีค่​ ุณ​เลือก​​เก็บ​ไว้​ที่​​clipboard​ ​เลือก​​File​​>​​Print​​เพื่อพ​ ิมพ์​พื้นที่​​ทคี่​ ุณ​เลือก​

Page 71

1​ ​. เลือกคำ�สั่ง File > Print 2. ที่หน้าต่าง Print เลือก Summarize Comment หรือเลือกคำ�สั่ง Comments > Print with Summary Comment

3. ที่หน้าต่าง Summarize Options กำ�หนดเงื่อนไขของการพิมพ์ Comment 4. จากนั้น คลิกปุ่ม Print Summary Comment

Page 72

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก