โดย ผศ.ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ อาจารย์ประจำวิชากฎหมายภาษีอากร
หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือที่มักเรียกกันว่า ใบ 50 ทวิ เป็นหลักฐานที่ผู้มีเงินได้จะได้รับเพื่อแสดงว่าผู้รับเงินได้ถูก หักภาษี ณ ที่จ่าย ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะได้รับใบ 50 ทวิ จำนวน 2 ใบที่มีข้อความตรงกันไว้เป็นหลักฐานสำหรับการยื่นภาษีในปีภาษีที่ได้รับ เงินได้ ก้อนนั้นๆ ต่อไป โดยผู้จ่ายเงินเป็นผู้มีหน้าที่ออกหลักฐานดังกล่าวให้แก่ผู้รับเงิน1
กำหนดการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ท่ีจ่าย
กรณีรายได้จากงานประจำ
- ถ้าอยู่ทำงานจนถึงสิ้นปี นายจ้างมีหน้าที่ต้องออกใบ 50 ทวิ ให้ภายในวันที่ 15 ก.พ. ของปีถัดไป2
- ถ้าออกจากงานระหว่างปี นายจ้างมีหน้าที่ต้องออกใบ 50 ทวิ ให้ภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ออกจากงาน3
กรณีรายได้อื่นๆ
โดยปกติแล้วผู้จ่ายเงินได้จะต้องออกใบ 50 ทวิ ให้ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายทันที4
การนำไปใช้งาน
หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) เป็นเอกสารสำคัญที่คนมีรายได้ทุกคนจะต้องใช้เพื่อยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลประจำปี (ภ.ง.ด. 91/90) เมื่อคุณได้รับใบรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) จากที่ทำงาน ก็ให้นำข้อมูลในเอกสารดังกล่าวมาใช้ใน คำนวณภาษี และกรอกยื่นแบบภาษีต่อไป
การจัดทำหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) สามารถอยู่ในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (เช่น PDF) ส่งให้ผู้รับได้ หรือจะให้ผู้รับเข้าไปโหลดในช่องทางออนไลน์ที่ผู้จ่ายเงินกำหนดก็ได้ แต่ไฟล์เอกสารดังกล่าวต้องมีข้อมูลครบถ้วนถูกต้อง สร้างและเก็บรักษาด้วยมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่เชื่อถือได้ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์5
อ้างอิง
- ^
มาตรา 50 ทวิ ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 50 ทวิ (2) ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 50 ทวิ (2) ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 50 ทวิ (1), (3) ประมวลรัษฎากร
- ^
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.121/2545, ข้อหารือภาษีอากร ที่ กค 0702/1057 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559
HIGHLIGHTS
การข้อมูลในหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย ต้องกรอกรายการที่เกี่ยวข้องทุกรายการให้อ่านได้ง่ายโดยการเขียนหรือพิมพ์ก็ได้ และผู้จ่ายเงินต้องกรอกเลขประจําตัวประชาชนของผู้จ่ายเงิน และผู้รับเงิน ทำเครื่องหมาย ✔ ลงในช่อง ロ หน้าประเภทแบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ในลําดับที่ในแบบ
หลังจากที่เราจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล (บริษัท/หจก.) ทุกครั้งที่นิติบุคคลจ่ายค่าบริการจะต้องจำให้ขึ้นใจเลยก็คือเราจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย เพื่อนำส่งกรมสรรพากร
หลังจากที่หักภาษี ณ ที่จ่ายนิติบุคคลก็จะต้องเขียนหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายให้กับผู้ให้บริการเพื่อเป็นหลักฐานว่าได้มีการหักภาษีเรียบร้อยแล้ว ปัญหาส่วนใหญ่ที่เจอก็คือผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ทีจ่ายเขียนอย่างไร
วันนี้เราจะมาเรียนวิธีการเขียนหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย เพื่อที่ทุกคนจะได้เขียนกันเป็นนะครับ
ตัวอย่างใบเสร็จรับเงินค่าบริการ
ตัวอย่างการเขียนใบรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50ทวิ)
ตัวอย่างการเขียนใบสำคัญจ่าย
เมื่อมีการจ่ายค่าใช้จ่ายบางอย่าง หรือค่าบริการต่างๆ กิจการผู้จ่ายเงินจะต้องมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ส่วนหนึ่งตามอัตราภาษีแต่ละประเภท ก่อนจ่ายเงินให้กับผู้รับเงิน พร้อมออก หนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) ให้ด้วย ซึ่งผู้รับ หนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย ไป จะใช้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษี
ผู้ที่หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ จะต้องทำหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย ให้ถูกต้องและส่งข้อมูลนี้ให้แก่ผู้ที่รับเงิน (หรือผู้ที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย) รายละเอียดต่างๆ ในเอกสาร ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางภาษีได้
หนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่ายคืออะไร
หนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย หรือใบ 50 ทวิ บ้างก็เรียกว่า ใบหัก ณ ที่จ่าย, หนังสือรับรอง 50 ทวิ ทั้งหมดนี้คือหนังสือที่ผู้จ่ายเงินที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลได้ทำการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ แล้วออกให้กับผู้รับเงินทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เพื่อเป็นหลักฐานในการหักภาษีประจำปี
ในเอกสารจะแสดงยอดเงินภาษีหัก ณ ที่จ่าย และแสดงข้อมูลรายได้ว่าได้มาจากที่ใดและจำนวนเท่าไรบ้าง ซึ่งทางผู้จ่ายเงินจะต้องออกหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย ให้ผู้รับจำนวน 2 ฉบับ ให้มีข้อความตรงกัน
รวมถึงบริษัทผู้จ่ายเงินจะต้องเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานด้วยอีก 1 ฉบับ พร้อมกับต้องลงบันทึกบัญชีรายรับรายจ่ายในส่วนนี้ด้วย และยื่นแก่สรรพากร ซึ่งโดยปกติแล้วสำหรับบริษัทเปิดใหม่ มักนิยมส่งเอกสารต่างๆ รวมถึงหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย ให้สำนักงานบัญชีเป็นผู้ทำบัญชีลงรายละเอียดต่างๆ ให้ เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาต้องยื่นภาษีสรรพากร
ส่วนผู้รับเงินหรือผู้ที่ถูกหักเงินไป จะใช้หนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่ายนี้ ไว้เป็นหลักฐานยื่นแก่สรรพากรด้วยเช่นกัน เพื่อลดภาษีตามจำนวนที่ถูกหักไประหว่างปี
วิธีการจัดทำ หนังสือรับรองการ หัก ณ ที่จ่าย
ผู้มีหน้าที่ออกหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย ต้องจัดทำตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดดังนี้
1.ให้จัดทำเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ แต่ในกรณีที่จัดทำหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่ายเป็นภาษาต่างประเทศอื่น จะต้องมีคำแปลภาษาไทยกำกับ ส่วนตัวเลขสามารถใช้เลขไทยหรือเลขอารบิกได้
2.ให้จัดทำสำเนาคู่ฉบับ เป็นฉบับที่ 3 นอกเหนือจาก 2 ฉบับที่ออกหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย ให้แก่ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้ว แต่ชำรุด สูญหาย ให้ผู้มีหน้าที่ออกหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย โดยการออกใบแทนหนังสือรับรองการหักภาษี
3.ระบุประเภทของเงินได้พึงประเมินที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายในหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย จะระบุประเภทเงินได้พึ่งประเมินที่จ่ายเพียงประเภทเดียว โดยจะไม่ระบุประเภทอื่นด้วยก็ได้
4.ในกรณีที่ออกหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทเงินเดือน แล้วมีการหักเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนประกันสังคม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และกองทุนสงเคราะห์ สามารถระบุจำนวนเงินที่หักเข้ากองทุนดังกล่าวในแต่ละปีในหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่ายได้
5.การลงชื่อของผู้มีหน้าที่หัก ณ ที่จ่ายในหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย สามารถทำได้ทั้งประทับตรายางและลงลายมือชื่อจริง หรือพิมพ์จากคอมพิวเตอร์ที่มีการเก็บลายมือชื่อไว้แล้วได้
หนังสือรับรอง หัก ณ ที่จ่าย สามารถจัดทำให้อยู่ในรูปแบบไฟล์ PDF แล้วส่งให้ผู้รับได้ หรือจะให้ผู้รับเข้าไปโหลดในช่องทางออนไลน์ที่ผู้จ่ายเงินกำหนดก็ได้
แต่ไฟล์เอกสารดังกล่าวต้องมีข้อมูลครบถ้วนถูกต้อง
รายละเอียดที่ต้องมีในหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย
นอกจากนี้ในหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย จำเป็นต้องกรอกข้อความและรายละเอียดต่างๆ ให้ครบถ้วนถูกต้อง และเข้าใจง่าย ตามที่กำหนดดังนี้
1.ต้องระบุชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี/เลขประจำตัวประชาชนของผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย และผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย (กรณีผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย หรือผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นบุคคลธรรมดาที่มีเลขประจำตัวประชาชน ให้กรอกเลข ประจำตัวประชาชน แทนเลขประจำตัวผู้เสียภาษีได้)
2.ต้องระบุเลขที่/เล่มที่ ในหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย แต่ในกรณีที่ไม่ได้จัดทำหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย เป็นเล่ม เช่น ออกด้วยคอมพิวเตอร์ แบบนี้ไม่ต้องระบุหมายเลขลำดับของเล่มได้
3.หนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย ต้องมีข้อความแต่ละฉบับตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด คือ
– ฉบับที่ 1 มีข้อความกำกับว่า “สำหรับผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายใช้แนบพร้อมกับการแสดงรายการ”
– ฉบับที่ 2 ใช้สำหรับให้ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐาน
4.ลำดับที่ในแบบ ภ.ง.ด.1ก. , ภ.ง.ด.1ก พิเศษ , ภ.ง.ด.2ก , ภ.ง.ด.3ก
– กรณียื่นรายการการจ่ายเงินได้พึงประเมินประจำปีที่ต้องยื่นแบบดังกล่าว เช่น การจ่ายเงินเดือน ต้องยื่นแบบภ.ง.ด.1ก ภายในเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไป
– ส่วน ภ.ง.ด.2 , ภ.ง.ด.3 , ภ.ง.ด.53 แบบแสดงรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย ต้องยื่นทุกเดือน
5.รายการประเภทเงินได้พึงประเมิน ในหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย จะมีช่อง “ประเภทเงินได้พึงประเมิน” ให้กรอก จะต้องระบุว่า “เป็นเงินได้ประเภทใด” ซึ่งเมื่อมีการจ่ายเงินได้ประเภทใดที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้กรอกหรือระบุรายการให้ตรงตามรายการที่กำหนด โดยรายการประเภทเงินได้จะแบ่งเป็นประเภทเงินได้ที่จ่ายไว้ ส่วนรายการจ่ายเงินได้ที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย จะมีช่องให้กรอกต่างหาก
และเพื่อให้การกรอกแต่ละช่องไม่สื่อความหมายผิด รายละเอียดแต่ละช่องที่ต้องกรอกในหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย มีความหมายดังนี้
1.เล่มที่และเลขที่หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
2.รายละเอียดผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย
3.รายละเอียดผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย
4.ประเภท ภ.ง.ด. ที่หัก ณ ที่จ่าย
5.ประเภทเงินได้พึงประเมินที่จ่าย
6.วัน เดือน ปี ที่ออกหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย
7.จำนวนเงินที่จ่ายและภาษีที่หักและนำส่งไว้
8.ประเภทของการหัก ณ ที่จ่าย
9.ลงลายมือชื่อผู้จ่ายเงินหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย และประทับตราสำคัญของบริษัท
ทั้งนี้ สามารถกรอกข้อมูลได้ทั้งการเขียนและการพิมพ์ แต่ที่สำคัญข้อมูลที่กรอกในหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย ต้องกรอกให้อ่านเข้าใจง่าย เพื่อไม่ให้เกิดการสื่อสารผิดพลาด ซึ่งอาจส่งผลให้หนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย นั้นไม่สามารถใช้ประโยชน์ทางภาษีได้