คิดดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดอย่างไร
โดยทั่วไปผู้ที่ต้องการใช้งานบัตรกดเงินสดคือผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน ดังนั้นจึงเกิดความกังวลในเรื่องของการคิดดอกเบี้ยเพราะหมายถึงการชำระคืนในภายภาคหน้า
ลองมาดูกันว่าการคิดดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดเป็นอย่างไร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบัตรกดเงินสดแต่ละสถาบันการเงินเป็นสำคัญ
- ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม 28% ต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงิน
- คิดเงินตั้งแต่วันที่มีการกดเงินจากบัตรกดเงินสด
ตัวอย่างการคิดดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด
- กดเงินสดวันที่ 1 มกราคม 2560 จำนวนเงิน 20,000 บาท
- เริ่มคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 จนถึงวันที่จ่ายคืน
- ถ้าจ่ายคืนวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 เท่ากับว่าใช้เงินล่วงหน้าไปทั้งหมด = 45 วัน
- วิธีคิดดอกเบี้ยคือ
= 20,000 x 28% x 45 วัน ÷ 365 วัน = 690.41 บาท
ยอดชำระคืนทั้งหมดคือ 20,690.41 บาท
*** ดังนั้นจึงควรกำหนดระยะเวลาในการชำระเงินคืนที่แน่นอน คำนวณดอกเบี้ยที่รับได้ และไม่ควรค้างนานเพราะดอกเบี้ยจะทบต้นทบดอกต่อไปเรื่อย ๆ
3 เทคนิคใช้บัตรกดเงินสดแบบไม่ปวดหัว
- ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
- ชำระหนี้ทั้งหมดในระยะสั้น
- วางแผนทางการเงินก่อนใช้
“สมัครบัตรกดเงินสด A money ถูกใจคนต้องการใช้เงินด่วน”
ตัวอย่างข้างต้นเป็นการคิดดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดในอัตราดอกเบี้ยทั่ว ๆ ไป ซึ่งปัจจุบันสถาบันการเงินมีการแข่งขันสูงและมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ไม่แพงอย่างที่คิด ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงิน บางบัตรฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดอายุการใช้งานบัตร รวมทั้งมีการชำระคืนขั้นต่ำ 3% ของยอดคงค้าง เรียกได้ว่าช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินของผู้กดเงินสดจากบัตรกดเงินสดได้ ดังนั้นก่อนสมัครบัตรกดเงินสดควรสอบถามเงื่อนไขและรายละเอียดที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างแท้จริง ที่สำคัญจำไว้เสมอว่าถ้าใช้บัตรกดเงินสดต้องกำหนดวันชำระคืน อย่าใช้เวลานานมากเกินไป
ตัวอย่างการคำนวณ
เดือนมกราคมได้ทำการกดเงินสดออกมาจากบัตรเครดิต วันที่ 20 มกราคม เป็นเงินจำนวน 10,000 บาท โดยตั้งใจจะคืนภายใน 3 เดือน
- ค่าธรรมเนียม เกิดขึ้นทันที 300 บาท + VAT (7%) 21 บาท = 321 บาท
- ดอกเบี้ย 20% คำนวณรายวัน ตั้งแต่วันที่ได้ทำการกดเงินสดจนถึงวันที่ได้ชำระ โดยกำหนดให้วันที่ชำระเงินเป็นวันที่ 2 กุมภาพันธ์
วิธีคำนวณ ดังนี้
- เดือนแรก :
- จำนวนเงินที่ต้องการชำระ = 3,000 บาท (จากเงินต้น 10,000 บาท)
- ค่าธรรมเนียมพร้อม VAT (7%) = 321 บาท
- ดอกเบี้ย 10,000 x 20% x (13วัน/365) = 71.25 บาท
- รวมจำนวนที่ต้องจ่ายเดือนแรก = 3,000+321+71.25 = 3,392.25 บาท
- เดือนที่ 2 :
- เงินต้นเหลือ 10,000-3,000 =7,000 บาท
- จำนวนเงินที่ต้องการชำระ = 3,500 บาท
- ดอกเบี้ย คำนวณ จากวันจ่ายที่ได้จ่ายก่อนหน้า ถึงวันจ่าย (2 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม) = 7,000 x 20% x (30วัน/365) = 115 บาท
- รวมจำนวนที่ต้องชำระงวดที่ 2 = 3,500 + 115 = 3,615 บาท
- เดือนที่ 3 :
- เงินต้นคงเหลือ 10,000-3,000-3,500 = 3,500 บาท
- จำนวนเงินที่ต้องการชำระ = 3,500 บาท
- ดอกเบี้ย คำนวณ จากวันจ่ายที่ได้จ่ายก่อนหน้า ถึงวันจ่ายคราวนี้ (2 มีนาคม – 2 เมษายน) = 3,500 x 20% x (31วัน/365) = 60 บาท
- รวมจำนวนที่ต้องชำระงวดที่ 3 = 3,500+60 = 3,560 บาท
รวมจำนวนเงินที่ต้องชำระทั้งหมดเท่ากับ 10,567.25 บาท โดยอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 567.25 บาท
จะเห็นว่าจำนวนเงินที่กดเงินสด 10,000 บาท หากมีการกำหนดและวางแผนการชำระคืนในช่วงระยะเวลาสั้น ดอกเบี้ยก็จะไม่มาก แต่ถ้าปล่อยให้ระยะเวลานานในการชำระคืนดอกเบี้ยก็จะเพิ่มขึ้นทุกวันๆ
สมัครบัตรกดเงินสดกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมาย สมัครง่าย วงเงินสูงสุด 500,000 บาท* อนุมัติไวภายใน 30 นาที รับบัตรและสามารถใช้กดเงินสดได้ที่ตู้เอทีเอ็ม หรือผ่านแอป UCHOOSE ได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่มีค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า 3% และไม่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือผู้ค้ำประกัน ชำระคืนขั้นต่ำ 3% สามารถใช้ทั้งผ่อนสินค้า 0% และบัตรเครดิตอัตราดอกเบี้ยต่ำ แบบลดต้นลดดอก
ฟรี! ค่าธรรมเนียมรายปี
ฟรี! ค่าธรรมเนียมในการเบิกถอนเงินสดหมายเหตุ
*การคำนวณรายได้, ภาระหนี้, การอนุมัติวงเงินสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ย เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อของธนาคาร ต้องศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการสมัครใช้บริการ
**ธนาคารไม่มีนโยบายเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสำหรับการอนุมัติสินเชื่อบุคคลจากลูกค้าแต่อย่างใด กรุณาอย่าหลงเชื่อบุคคลที่แอบอ้างเรียกเก็บค่าดำเนินการดังกล่าวบัตรกดเงินสดมีเงินหมุนเวียนอยู่ในบัตรตลอดเวลา เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้เงินด่วนค่อยกดเงินสดออกมา จากนั้นชำระเงินที่กดออกมาตามยอดชำระ วงเงินจะคืนกลับเข้าสู่บัตรทันที ทำให้สามารถกดเงินใหม่ได้อีกครั้ง
- ผ่อนชำระสินค้าและบริการได้นาน
บัตรกดเงินสดสามารถผ่อนชำระสินค้าและบริการได้เหมือนบัตรเครดิต การผ่อนชำระขึ้นอยู่กับบัตรกดเงินสดและร้านค้าที่ร่วมรายการ แต่ควรเปรียบเทียบกับบัตรเครดิตก่อนเสมอ เพราะโปรโมชั่นส่วนใหญ่มักเป็นโปรโมชั่นบัตรเครดิตมากกว่า
ผ่อนสินค้าง่าย ๆ ไม่ต้องมีเงินก้อนด้วยบัตรเครดิต
ความต่างของบัตรกดเงินสดและบัตรเครดิต
บัตรกดเงินสดและบัตรเครดิตมีความคล้ายกันมาก ทั้ง 2 บัตรสามารถกดเงินสดได้เหมือนกัน และผ่อนชำระสินค้าได้เหมือนกันอีก ทำให้หลายคนสับสนถึงความต่างระหว่างบัตร 2 ประเภทนี้ โดยความต่างหลัก ๆ มีดังนี้
- อัตราดอกเบี้ย - ดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดจะสูงกว่าบัตรเครดิต เพราะคิดเป็นรายวัน ขณะที่บัตรเครดิตคิดเป็นรายเดือน
- โปรโมชั่นของบัตร - โปรโมชั่นของบัตรกดเงินสดและบัตรเครดิตจะแตกต่างกันไปตามร้านค้าที่ร่วมรายการและธนาคารเจ้าของบัตร
- ระยะเวลาการชำระหนี้ - บัตรเครดิตมีระยะเวลาผ่อนผัน 30-45 วัน ขณะที่บัตรกดเงินสดไม่มีระยะเวลาผ่อนผัน
- ธรรมเนียมการกดเงินสด – บัตรกดเงินสดมักจะไม่มีค่าธรรมเนียมการกดเงิน ขณะที่บัตรเครดิตมีค่าธรรมเนียมและภาษีมูลค่าเพิ่มต่าง ๆ
ถึงแม้ว่าบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดจะมีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน แต่ความเหมาะสมในการใช้งานต่างกัน โดยบัตรกดเงินสดเหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้เงินด่วน และผ่อนชำระในระยะเวลาอันสั้น ขณะที่บัตรเครดิตเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อของแบบผ่อนชำระ ไม่นิยมกดเงินสด
ข้อควรระวังในการใช้บัตรกดเงินสดการใช้งานบัตรกดเงินสดนี้ ผู้ใช้งานควรทราบข้อควรระวังในการใช้ เพราะจุดประสงค์ของบัตรกดเงินสด หลัก ๆ ถูกออกแบบมาเพื่อกดเงินก้อนสำหรับกรณีฉุกเฉิน ก่อนการกดควรพิจารณาเงื่อนไขดังต่อไปนี้
- บัตรกดเงินสดไม่มีระยะเวลาผ่อนผัน
การคิดดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดจะคิดดอกเบี้ยทันที ผู้กดจะต้องพิจารณาความสามารถในการใช้เงินคืนให้ถี่ถ้วนก่อนกด ไม่เช่นนั้นบัตรกดเงินสดอาจกลายมาเป็นปัญหาหนี้สินก้อนโตในภายหลังได้
- ดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดคิดแบบรายวัน
บัตรกดเงินสดเหมาะสำหรับการกดเงินก้อนแล้วคืนในเวลาที่สั้น ไม่นิยมผ่อนเป็นระยะเวลานาน เพราะดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดคิดเป็นรายวัน ผู้กดจึงควรมีแนวทางในการชำระหนี้ก่อนตัดสินใจกดเงินก้อนออกมา
จุดประสงค์ของบัตรกดเงินสดเพื่อการใช้เงินด่วน ก่อนการกดเงินจากบัตรกดเงินสดควรมั่นใจว่าขณะนั้นเป็นเวลาที่ต้องการเงินด่วนจริง ๆ เพื่อป้องกันปัญหาหนี้สินจากบัตรกดเงินสด
การผ่อนชำระบัตรกดเงินสดการกดเงินด่วนจากบัตรกดเงินสด
เมื่อกดเงินจากบัตรกดเงินสดแล้วก็ต้องมีการผ่อนจ่าย ซึ่งบัตรกดเงินสดเป็นการชำระแบบลดต้นลดดอก คือ เมื่อจ่ายเงินแล้วจะนำเงินไปหักออกจากเงินต้น ทำให้ดอกเบี้ยลดไปด้วย มีแนวทางในการผ่อนชำระ 3 แบบ ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป ดังนี้
- ผ่อนชำระเกินยอดขั้นต่ำ
วิธีแรกเป็นคำตอบสำหรับคนที่ถามว่าผ่อนบัตรกดเงินสดยังไงให้หมดไว เพราะบัตรกดเงินสดลดต้นลดดอก การจ่ายในจำนวนเงินที่มากจึงช่วยให้เงินที่ต้องจ่ายในงวดต่อไปลดลงด้วย ดอกเบี้ยก็จะไม่มากเท่างวดแรก การปิดยอดเลย หรือแบ่งจ่ายในระยะเวลาที่สั้นจะผ่อนจ่ายได้หมดไวกว่า และเสียดอกเบี้ยน้อยกว่าด้วย
- ผ่อนชำระช้ากว่ากำหนด แต่ครบตามยอดที่กด
การจ่ายครบในครั้งเดียวแต่เกินกำหนดจากที่กำหนดเป็นอีกวิธีที่ยอดอาจจะหมดไว แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนของค่าติดตามทวงหนี้ และอาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในการขอสินเชื่อในอนาคต
- ผ่อนชำระตามยอดขั้นต่ำ
การผ่อนตามยอดขั้นต่ำมีข้อดีที่ไม่ต้องเสียเงินทีละมาก ๆ ในการจ่าย แต่ดอกเบี้ยก็จะเพิ่มเรื่อย ๆ เป็นรายวันเช่นกัน เสียน้อยแต่เสียนาน และยอดรวมเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยก็จะสูงกว่าการผ่อนชำระแบบอื่น ๆ ด้วย
บัตรกดเงินสด ดอกเบี้ยยังไง
การคำนวณอัตราดอกเบี้ย กรณีเบิกถอนเงินสด เงินต้นคงเหลือ x ดอกเบี้ย15% x จำนวนวันในแต่ละรอบบัญชี* ÷ 365 วัน 2.วิธีคำนวณค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน เงินต้นคงเหลือ x ค่าธรรมเนียมฯ 10% x จำนวนวันในแต่ละรอบบัญชี* ÷ 365 วันบัตรกดเงินสดคิดดอกเบี้ยตอนไหน
การคิดอัตราดอกเบี้ยของการเบิกถอนเงินสดจะคิดเป็นรายวัน นับตั้งแต่วันที่ทำรายการถอนเงินจากบัตรจนถึงวันที่ชำระยอดเต็มจำนวน อัตราดอกเบี้ยจะคิดแบบลดต้นลดดอก โดยอัตราดอกเบี้ยสูงสุดจะอยู่ที่ 25% ต่อปี ซึ่งวิธีคำนวณดอกเบี้ย 30 วัน (นับจากวันแรกที่มียอดใช้จ่าย) เมื่อกดเงินสดจำนวน 10,000 บาท คือ 10,000 บาท x 25% / 365 วัน x 30 ...บัตรกดเงินสด ดอกเบี้ยกี่เปอร์เซ็น
บัตรกดเงินสด คือ สินเชื่อหมุนเวียนชนิดหนึ่งที่มาในรูปแบบบัตรแข็งอิเล็กทรอนิกส์ที่มีวงเงินภายใน ผู้ใช้สามารถกดเงินสดออกมจากบัตรได้โดยไม่ต้องมีหลักค้ำประกันใด ๆ จำนวนเงินที่สามารถกดออกมาได้ขึ้นอยู่กับวงเงินภายในบัตร ส่วนมากอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 25% ต่อปี แต่บางธนาคารอาจจะน้อยกว่า เช่น บัตรกดเงินสด KTC Proud ที่มีโปร ...บัตรกดเงินสดกสิกรดอกเบี้ยเท่าไร
อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามเกณฑ์ธนาคาร อัตราดอกเบี้ย: แบบลดต้นลดดอกตั้งแต่ 18% - 25% (รวมดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการต่างๆ) อัตราดอกเบี้ยผิดกรณีผิดนัดชำระหนี้: คิดดอกเบี้ยในอัตราเพิ่มขึ้นจากดอกเบี้ยกรณีปกติสูงสุดที่ธนาคารอนุมัติ และแจ้งให้ลูกค้าทราบอีกไม่เกิน 3% ต่อปี และสูงสุดไม่เกิน 25% ต่อปี ของเงินต้นในงวดที่ผิดนัดชำระ