����Ըա�÷ҧ����ѵ���ʵ�� ���¶֧ ��кǹ����֡�� �鹤��� ����ͧ��������˵ء�ó�ҧ ����ѵ���ʵ�� ������ѡ�ҹ�ҧ����ѵ���ʵ�����դ�������ѹ��������§�Ѻ��������������¹�ŧ ��ѧ�� ���֡�Ҩҡ�͡��÷�����͡��ê�鹵���Ъ���ͧ����ѡ��Сͺ����红������Ҥʹ�� �繡�кǹ��������㹡�����Ǻ�������������繡�кǹ��÷��ѡ����ѵ���ʵ��������鷴�ͺ ������ԧ�ͧ�ҹ�����ҡ����Ǻ����ͧ�ؤ����� ���ͤ������§���� �����Ѵਹ �դ�Ҥ�����������٧ �������ö���繻���ª��㹡�����������ѧ����
��� ��鹵�ͧ�Ըա�÷ҧ����ѵ���ʵ��
����֡�һ���ѵ���ʵ�� ��͡�кǹ����红����ŷ��١�Ǻ�����ШѴ�����ҧ���к� ��ͧ������Ըա�� �֡�ҷ����Ẻ�� �բ�鹵��ҧ � ��������Դ�ӴѺ��äԴ���ҧ���к� ���������ѡ�ҹ ��������ҧ � Ժ������ͧ��Ǥ������Ңͧ�˵ء�ó�ҧ����ѵ���ʵ�� �������㨤��������ʹյ ��������§�Ѻ�����繨�ԧ�ҡ����ش ��觻�Сͺ���¢�鹵����Ӥѭ 4 ��鹵���
����֡�һ���ѵ���ʵ���� 4 ��鹵�ѧ��� |
1. ����Ǻ�����ФѴ���͡��ѡ�ҹ ������դ����Դ���ͧ�����͢�����صҹ���Ǽ���֡�Ҩ� ��ͧ�������ѡ�ҹ����ͧ����ФѴ���͡���ҧ���Ѵ���ѧ Ref : //www2.se-ed.net/nfed/history/index_his.html 14/02/2008 |
จักรพันธ์ บุญวงค์ ม.3/2 เลขที่ 2 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์มี 4 ขั้นตอน
กลับไปอ่าน!!!!!!!!! ทบทวนดูใหม่นายไมค์ ยังไม่ถูกนะ
ด.ช.มณฑวรรษ จันต๊ะ ม.3/2 เลขที่5 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์หมายถึงวิธีการที่ผู้ต้องการสืบค้นข้อมูลเรื่องราวในอดีต
ด.ช.ธัชธรรม เครือธิ เลขที่ 4 3/2 พูดว่า:
จากากรดูวิดีโอ
วิธีทางประวัติศาสตร์มี 5 ขั้นตอน ได้แก่
ขั้นตอนที่ 1 การกำหนดเป้าหมาย
ขั้นตอนที่ 2 การรวบรวมข้อมูล
ขั้นตอนที่ 3 การประเมินคุณค่าของหลักฐาน
ขั้นตอนที่ 4 การตีความหลักฐาน
ขั้นตอนที่ 5 การสังเคราะห์และการวิเคราะห์ข้อมูล
วริช บุญถา ม.3/2 เลขที่ 6 พูดว่า:
ลำดับขั้นตอนทางประวัติศาสตร์
1.กำหนดเรื่องที่จะศึกษา
2.ค้นคว้าแล้วรวบรวมข้อมูล
3.ตรวจสอบหลับฐาน
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
สุกัลย์ โคงาม เลขที่11 ม.3/1 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์
คือวิธีการที่เกี่ยวข้องกับประวัติสตร์ใช้เพื่อค้นคว้าหาข้อมูลในอดีต
ด.ญ.เพ็ญพรรณ จักรเขียว เลขที่ 23 ม.3/1 พูดว่า:
ได้รู้ว่าวิธีการประวัติศาสตร์ได้สำรวจมาจากสิ่งของหรือวัสดุต่างๆที่เก็บรวบรวมได้มา และมีวิธีการประวัติศาสตร์มี 5 ขั้นตอนในการดำเนินงานในทางประวัติศาสตร์
ด.ญ.จุฑาทิพย์ คำเมืองใจ เลขที่ 16 ม.3/2 พูดว่า:
1.ขั้นตอนทางประวัติศาสตร์มีดังนี้
-.กำหนดเรื่องที่จะศึกษา
-.ค้นคว้าแล้วรวบรวมข้อมูล
-.ตรวจสอบหลับฐาน
-.การตีความหลักฐาน
-.การนำเสนอข้อมูล
2.ประโยชน์ของการศึกษาประวัติศาสตร์
ศึกษาเพื่อนำไปใช้จริงในชีวิตประจำวันของเรา และเป็นความรู้ที่เราต้องทราบเพื่อไปศึกษาต่อ
ด.ญ.สุทธิมลตรา เครือคำ ม.3/1 เลขที่27 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์ เป็นวิธีการขั้นพื้นฐานที่เราจะต้องนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและในอนาคตของเรา วิธีการทางประวัติศาสตร์ทำให้เราได้รู้ถึงเรื่องต่างๆที่เราต้องการรู้โดยเป็นวิธีการที่เป็นระบบ ระเบียบ (ขอขอบพระคุณ คุณครูสุดเฉลิม เป็นอย่างสูงค่ะที่ให้ความรู้แก่ดิฉัน)
ด.ญ.วิภาดา ปีติ ชั้น ม.3/2 เลขที่ 30 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์มี5ขั้นตอน
1กำหนดหัวเรื่องที่จะศึกษา
2ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
3การตรวจสอบข้อมูล
4การตีความ
5การนำเสนอ
วิธีการทางประวัติศาสตร์สามารถใช้ในการสืบค้นเรื่องราวต่างๆได้
พฤทธิ์ สุยะ เลขที่ 6 ม.3/1 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์เป็นวิธีการต้องๆที่ทำให้เราสืบค้นหาหลักฐานต่างๆมาวิเคราะห์ตรวจสอบแล้วมาเผยแพร่ให้ทุกคนได้รับรู้ถึงที่ไปที่มาของหลักฐานเพราะฉะนั้นผู้ที่วิเคราะห์ตรวจสอบหลักฐานต้องตรวจสอบอย่างละเอียด
ด.ญ.ศุภานัน แก้วน้อย ม.3/1 เลขที่31 พูดว่า:
หลังจากศึกษาและดูวิดิโอแล้ว วิธีการทางประวัติศาสตร์มีทั้งหมดอยู่ 5ขั้นตอน
1.กำหนดหัวเรื่องที่จะศึกษา จะมีการตั้งประเด็นคำถาม ได้แก่ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อใร ทำไม อย่างไร เป็นคำถามที่ตอบได้ด้วย
2.ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
มีการเกี่ยวข้องกับเรื่องหลักฐานชั้นต้นและหลักฐานชั้นรอง หลักฐานชั้นต้น ได้แก่ ข้อมูลสอบถามจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ หลักฐานชั้นรอง ได้แก่ บทความทางวิชาการหนังสือต่างๆ
3.การตรวจสอบข้อมูล การรวบรวมดูว่าถูกต้อง น่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด การวิพากษ์กหลักฐานแบ่งออกเป็น 2 ข้อย่อย -วิพากษ์ภายนอก -วิพากษ์ภายใน
4.การตีความ เมื่อรวบรวมดูว่าถูกต้อง น่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใดแล้ว พิจารณาความหมายในหลักฐานว่าผู้สร้างหลักฐานมีเจตนาแอบแฝงหรือไม่ อย่างไร
5.การนำเสนอ
เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่ต้องของวิธีการทางประวัติศาสตร์ ตรวจสอบข้อมูล และเลือกสรร เพื่อตอบคำถาม
เด็กชายจิรภัทร คำเรือง เลขที่ 1 ชั้นม.3/1 พูดว่า:
จากที่ได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลทำให้ทราบว่าวิธีการทางประวัติศาสตร์มี5ขั้นตอน
1กำหนดหัวเรื่องที่จะศึกษา
2ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
3การตรวจสอบข้อมูล
4การตีความ
5การนำเสนอ
และวิธีทางประวัติศาสตร์ก็คล้ายกับวิธีทางวิทยาศาสตร์
ด.ญ. กมลภรณ์ เพ็ชรทัต ม.3/2 เลขที่32 พูดว่า:
ดิฉันได้ศึกษาทบทวนแล้ว ได้รู้ว่า
วิธีการทางประวัติศาสตร์มี 5 ขั้นตอน
1. กำหนดเรื่องที่จะศึกษา
2.ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
3.ตรวจสอบหลักฐาน
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
ดช. วรินทร กราวทอง ม.3/2 เลขที่12 พูดว่า:
วิธีการประวัติศาสตร์คือผู้ที่ต้องการสืบค้นเรื่องราวในประวัติศาสตร์
วิธีการทางประวัติศาสตร์แบ่งได้5ขั้นตอนดังนี้
1เรื่องที่จะศึกษา
2การรวบรวมข้อมูล
3การตรวจสอบหลักฐาน
4การตีความ
5การนำเสนอ
ด.ญ.รัตนาภรณ์ ถาคำดี ม.3/2 เลขที่ 27 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์มีความสำคัญคือ สามารถในการสืบค้นเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจ การใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ มีทั้งหมด 5 ขั้นตอนด้วยกันค่ะ
ด.ช.พัชรพล ชัยวิชิต ชั้น ม.3/4 เลขที่5 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์มี 5 ขั้นตอน
1.การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล หลักฐานชั้นต้น ได้แก่ ข้อมูลสอบถามจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ หลักฐานชั้นรอง ได้แก่ บทความทางวิชาการหนังสือต่างๆ
2.การตรวจสอบหลักฐาน การวิพากษ์กหลักฐานแบ่งออกเป็น 2 ข้อย่อย
-วิพากษ์ภายนอก -วิพากษ์ภายใน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา ได้แก่ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อใร อย่างไร
4.การตีความหลักฐาน พิจารณาความหมายในหลักฐานว่าผู้สร้างหลักฐานมีเจตนาแอบแฝงหรือไม่ อย่างไร
5.การนำเสนอข้อมูล ตรวจสอบข้อมูลก่อนจะไปนำเสนอเรื่องต่างๆได้แก่
เรื่องทวีปแอฟริกา
เย่ จบแล้วคับ เย่
เด็กชายศุภกร อ้อยยาวเลขที่9 3/2 พูดว่า:
ขั้นตอนที่ 1 การตั้งประเด็นที่จะศึกษา นับว่าเป็นขั้นตอนแรกของวิธีการทางประวัติศาสตร์ที่ นักประวัติศาสตร์
ขั้นตอนที่ 2 สืบค้นและรวบรวมข้อมูล ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ คือ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สามารถสอบสวนเข้าไปให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้ ประกอบด้วยหลักฐานที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น โบราณบิดเบือน
ขั้นตอนที่ 3 การวิเคราะห์และตีความข้อมูลทางประวัติศาสตร์ โดยการนำข้อมูลที่ได้สืบค้นรวบรวม คัดเลือก และประเมินไว้แล้วนำมาพิจารณาในรายละเอียดทุกด้าน ซึ่ง นักประวัติศาสตร์ต้องใช้เหตุผลเป็นแนวทางในการตีความเพื่อนำไปสู่การค้นพบข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง
ขั้นตอนที่ 4 การคัดเลือกและประเมินข้อมูล นักประวัติศาสตร์จะต้องนำข้อมูลที่ได้รวบรวมไว้มาคัดเลือก และประเมินเพื่อค้นหาความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ต้องการทราบ
ขั้นตอนที่ 5 การเรียบเรียงรายงานข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับอันเป็นผลมาจากการวิเคราะห์และการตีความข้อมูล หรือ
วันเฉลิม ชำนาญยา ม.3/2เลขที่8 พูดว่า:
จากการดูเเล้วว่าวิธีการประวัติศาสตร์ ที่สามารถสืบค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับได้หลายอย่างวิธีการประวัติศาสตร์
ด.ช. ณัฐภณ ใจยืน เลขที่ 10 ม. 3/5 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์
การศึกษาเรื่องราวและพฤติกรรมของสังคมมนุษย์ในอดีต ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาและยุคสมัยต่างๆกัน คุณค่าสำคัญของประวัติศาสตร์คืออดีตเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับปัจจุบันและอนาคตคับ
ด.ญ. วรกันต์ จันธิ เลขที่ 28 ม. 3/2 พูดว่า:
ในการสืบค้น ค้นคว้าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ มีอยู่หลายวิธี เช่นจากหลักฐานทางวัตถุ
ที่ขุดค้นพบ หลักฐานที่เป็นการบันทึกลายลักษณ์อักษร หลักฐานจากคำบอกเล่า ซึ่งการรวบรวม
เรื่องราวต่างๆทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ เรียกว่า “วิธีการทางประวัติศาสตร์”
ด.ช.นัทธพงศ์ วงศ์ขัติย์ 11ช. 3/5 พูดว่า:
ผมได้รู้ว่าวิธีการทางประวัติศาสตร์มี 5 ขั้นตอน
-การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
-การตรวจสอบหลักฐาน
-การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
-การตีความหลักฐาน
-การนำเสนอข้อมูล
ทำให้มีความรู้มากขึ้นขอบคุณครับ
ด.ช.ณัฐพล เดินอด เลขที่ 3 ม.3/2 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์เช่นวิธีที่ใช้สืบค้นข้อมูลทางประวัติศาสตร์
ด.ช.ชัชวาลย์ ธนะวงศ์ เลขที่12 ม.3/4 พูดว่า:
จากที่ได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลทำให้ทราบว่าวิธีการทางประวัติศาสตร์มี5ขั้นตอน
1กำหนดหัวเรื่องที่จะศึกษา
2ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
3การตรวจสอบข้อมูล
4การตีความ
5การนำเสนอ
และวิธีทางประวัติศาสตร์ก็คล้ายกับวิธีทางวิทยาศาสตร์
ด.ญ.ดวงกมล ยงเขตรการณ์ ชั้น ม.3/1 เลขที่ 22 พูดว่า:
จากที่ได้ดิฉันศึกษาค้นคว้าข้อมูลทำให้รู้ว่าวิธีการทางประวัติศาสตร์มี 5 ขั้นตอน คือ
1.กำหนดเรื่องที่จะศึกษา
2.ค้นคว้าแล้วรวบรวมข้อมูล
3.ตรวจสอบหลับฐาน
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
ด.ช.ธนกร แสงแก้ว ชั้น ม.3/5 เลขที่ 2 พูดว่า:
ประโยชน์ของการศึกษาประวัติศาสตร์ คือ
ศึกษาเพื่อนำไปใช้จริงในชีวิตประจำวันของเรา และในอนาคตของเรา
ด.ญ.ชลลดา ปั๋นของ เลขที่ 18 ชั้น ม.3/1 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์ มีอยู่ทั้งหมด 5 ขั้นตอน
1.การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
2.การตรวจสอบหลักฐาน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
ด.ญ.อังคนางค์ หวานใจ เลขที่ 29 ชั้น ม. 3/1 พูดว่า:
ประวัติศาสตร์มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต เพราะจะทำให้เราได้ทราบถึงเรื่องราวต่างๆ และเห็นคุณค่าของสิ่งนั้นค่ะ ซึ่ง
ขั้นตอนวิธีการประวัติศาตร์ มีอยู่ 5 ขั้นตอนดังนี้ค่ะ
1.กำหนดหัวจ้อที่จะศึกษา
2.รวบรวมข้อมูล
3.การประเมินคุณค่าของหลักฐาน
4.การตีความหลักฐาน
5.วิเคราะห์ข้อมูล
ด.ญ.วิภาดา อินทร์ดี เลขที่ 25 ม.3/1 พูดว่า:
จากที่ดิฉันได้ศึกษา ทบทวนวิธีการทางประวัติศาสตร์มี 5
ขั้นตอน ดังนี้
1. กำหนดหัวข้อที่จะศึกษา
2. ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
3. การตรวจสอบหลักฐาน
4. การตีความหลักฐาน
5. การนำเสนอข้อมูล
ด.ญ.ณัติการณน์ เเก่นจันทน์ เลขที่20 ม.3/1 พูดว่า:
จากการศึกษาเเล้วได้รู้ว่า
วิธีการทางประวัติศาสตร์ 5 ขั้นตอน
การรวบรวมหลักฐาน
การคัดเลือกหลักฐาน
การวิเคราะห์ ตีความ ประเมินหลักฐาน
การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของหลักฐาน
การนำเสนอข้อเท็จจริง
ด.ญ.ชัญญานุช ทิพย์เดโช ม.3/1 เลขที่ 19 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์ แบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้
1.การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
2.การตรวจสอบหลักฐาน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
ด.ญ.ชัญญานุช ทิพย์เดโช ม.3/1 เลขที่ 19 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์ มีความสำคัญคือ สามารถใช้ในการสืบค้นเรื่อฃราวต่างๆ ที่สนใจได้ เช่น ซากคน ซากสัตว์ หรืออาจจะภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ ในสมัยก่อน
ด.ญ.ชลลดา ปั๋นของ เลขที่ 18 ชั้น ม.3/1 พูดว่า:
หลักฐานชั้นต้น หมายถึง หลักฐานที่บันทึก สร้าง หรือจัดทำขึ้น โดยผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นโดยตรง มีทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น สนธิสัญญา บันทึกคำให้การ จดหมายเหตุ และที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น ภาพเขียนสีผนังถ้ำ เครื่องมือเครื่องใช้
ด.ญ.ชลลดา ปั๋นของ เลขที่ 18 ชั้น ม.3/1 พูดว่า:
หลังฐานชั้นรอง หมายถึง หลักฐานที่รวบรวมไว้ภายหลังเหตูการณ์ โดยได้ข้อมูลจากการใช้ข้อมูลหลักฐานชั้นต้น เช่น ตำนาน วิทยานิพนธ์ เป็นต้น
อุดมพงษ์ วงค์รัตน์ เลขที่18 ม.3/3 พูดว่า:
จากการที่ผมไดด้ดูในสมุดกับเว็ป ที่ครูฉุดเฉลิมเอาลงมาผมก๊ได้คิดว่าวิธีการทางประวัติศาสตร์แบ่งได้5ขั้นตอนดังนี้นะคัป
1เรื่องที่จะศึกษา
2การรวบรวมข้อมูล
3การตรวจสอบหลักฐาน
4การตีความ
5การนำเสนอ
ด.ญ. รัชนาท ฟูศรี เลขที่ 25 ม.3/3 พูดว่า:
หลังฐานชั้นรอง หมายถึง หลักฐานที่รวบรวมไว้ภายหลังเหตูการณ์ โดยได้ข้อมูลจากการใช้ข้อมูลหลักฐานชั้นต้น เช่น ตำนาน
วิธีการทางประวัติศาสตร์ แบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้
1.การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
2.การตรวจสอบหลักฐาน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
ด.ช.อินทนนท์ คูคำ ม.302 เลขที่ 11 พูดว่า:
จากที่ผมได้ศึกษาและสรุปว่า
วิธีการทางประวัติศาสตร์มี 5 ขั้นตอน
1. กำหนดเรื่องที่จะศึกษา
2.ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
3.ตรวจสอบหลักฐาน
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
ด.ช.ณัฐวุฒิ เเครื่องสนุก ม.3/3 เลขที่ 4 พูดว่า:
หลังฐานชั้นรอง หมายถึง หลักฐานที่รวบรวมไว้ภายหลังเหตูการณ์ โดยได้ข้อมูลจากการใช้ข้อมูลหลักฐานชั้นต้น เช่น ตำนาน วิทยานิพนธ์ เป็นต้น
นัฐพล บุตรสุวรรณ์ 305 06 พูดว่า:
ประวัติศาสตร์มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต เพราะจะทำให้เราได้ทราบถึงเรื่องราวต่างๆ และเห็นคุณค่าของสิ่งนั้นค่ะ ซึ่ง
ขั้นตอนวิธีการประวัติศาตร์ มีอยู่ 5 ขั้นตอนดังนี้ค่ะ
1.กำหนดหัวจ้อที่จะศึกษา
2.รวบรวมข้อมูล
3.การประเมินคุณค่าของหลักฐาน
4.การตีความหลักฐาน
5.วิเคราะห์ข้อมูล
ด.ช. เนติพงษ์ สันกว๊าน ม.3/3 เลขที่ 6 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์ แบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้
1.การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
2.การตรวจสอบหลักฐาน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
ด.ช.นัฐพงษ์ บุตรสุวรรณ์ ม.3/3 เลขที่ 8 พูดว่า:
ประโยชน์ของการศึกษาประวัติศาสตร์ คือ
ศึกษาเพื่อนำไปใช้จริงในชีวิตประจำวันของเรา และในอนาคตของเรา
ด.ช.พงศ์ภรณ์ สุภารมย์ 3/3 เลขที่ 13 พูดว่า:
1. กำหนดเรื่องที่จะศึกษา
เป็นขั้นตอนแรกของวิธีการศึกษาหาความรู้ โดยตั้งประเด็นคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษา
ตัวอย่าง ประเด็นการศึกษาเกี่ยวกับภูมิภาคอาจเป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัว และขยายขอบเขต
การศึกษาออกไปเป็นระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับภูมิภาค เช่น
ประวัติวัดสำคัญในชุมชน / อำเภอ / จังหวัด / ภูมิภาค
สถานที่สำคัญในท้องถิ่น / จังหวัด / ภูมิภาค
บุคคลสำคัญในท้องถิ่น / จังหวัด / ภูมิภาค
2.
ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
เมื่อมีประเด็นที่จะศึกษาแล้ว ขั้นต่อมาคือ การค้นคว้าและรวบรวมหลักฐานข้อมูล
ทั้งที่เป็นหลักฐานชั้นต้นและหลักฐานชั้นรอง หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรและหลักฐานที่ไม่เป็น
ลายลักษณ์อักษร หลักฐานชั้นต้นลักษณะ เป็นหลักฐานและข้อมูลที่เป็นของร่วมสมัยหรือเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์โดยตรง
ตัวอย่างได้แก่ ข้อมูลจากการสอบถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ บันทึกของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์
ภาพถ่าย วีดิโอเทป สิ่งของเครื่องใช้ สิ่งก่อสร้าง เป็นต้น หลักฐานชั้นรอง
ลักษณะ
เป็นหลักฐานและข้อมูลที่เขียนหรือรวบรวมไว้ภายหลังเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น
โดยใช้ข้อมูลจากหลักฐานชั้นต้น หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร
ลักษณะ เป็นหลักฐานข้อมูลที่เป็นตัวหนังสือ
ตัวอย่างได้แก่ จารึก พงศาวดาร จดหมายเหตุ หนังสือพิมพ์ จดหมาย บันทึก
เอกสารทางราชการ เป็นต้น
ด.ช.นิติพงษ์ กันทะพงษ์ ม.3/3 เลขที่ 9 พูดว่า:
หลังฐานชั้นรอง หมายถึง หลักฐานที่รวบรวมไว้ภายหลังเหตูการณ์โดยได้ข้อมูลจากการใช้ข้อมูลหลักฐานชั้นต้น เช่น ตำนาน
จากากรดูวิดีโอ
วิธีทางประวัติศาสตร์มี 5 ขั้นตอน ได้แก่
ขั้นตอนที่ 1 การกำหนดเป้าหมาย
ขั้นตอนที่ 2 การรวบรวมข้อมูล
ขั้นตอนที่ 3 การประเมินคุณค่าของหลักฐาน
ขั้นตอนที่ 4 การตีความหลักฐาน
ขั้นตอนที่ 5 การสังเคราะห์และการวิเคราะห์ข้อมูล
ด.ญ.ขจิตจัทร์ จันทะภา ม.3/2 เลขที่ 33 พูดว่า:
จากที่ดฺฉันดูคลิปแล้วดิฉันรู้ว่าวิธิการทางประวัติศาสตร์ เป็นขั้นตอนแรก ของนักประวัติศาสตร์ต้องมีจุดประสงค์ชัดเจนว่าจะศึกษาอะไร อดีตส่วนไหน สมัยอะไร และเพราะเหตุใด ซึ่งมันเป็นการตั้งคำถามที่ต้องการศึกษา ของนักประวัติศาสตร์ต้องอาศัยการอ่าน การสังเกต และควรต้องมีความรู้กว้างๆ ทางประวัติศาสตร์ในเรื่องนั้นๆมาก่อนบ้าง ซึ่งคำถามหลักที่นักประวัติศาสตร์ควรคำนึงอยู่ตลอดเวลาก็คือทำไมและเกิดขึ้นอย่างไร
ด.ญ.เจนจิรา ชุ่มวงค์ เลขที่ 20 ม.3/3 พูดว่า:
จากการที่ีดิฉันได้ศึกษา ทำให้ดิฉันได้รู้ว่า วิธีทางประวัติศาสตร์ มี 5 ขั้นตอน ได้แก่
1.
การค้นหาและรวบรวมข้อมูล
2. การตรวจสอบหลักฐาน
3. การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4. การตีความหลักฐาน
5. การนำเสนอข้อมูล
ด.ญ.สิตานันท์ คำสุ ม.3/1 เลขที่ 26 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์มี5ขั้นตอน
1กำหนดหัวเรื่องที่จะศึกษา
2ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
3การตรวจสอบข้อมูล
4การตีความ
5การนำเสนอ
และวิธีทางประวัติศาสตร์ก็คล้ายกับวิธีทางวิทยาศาสตร์
ด.ญ.สิตานันท์ คำสุ ม.3/1 เลขที่ 26 พูดว่า:
ได้รู้ว่าวิธีการทางประวัติศาสตร์
คือวิธีการที่เกี่ยวข้องกับประวัติสตร์ใช้เพื่อค้นคว้าหาข้อมูลในอดีต ค่ะ
ด.ช.จิรภัทร คำเรือง เลขที่ 1 ม.3/1 พูดว่า:
จากที่ได้ศึกษาทำให้ผมทราบว่า วิธีการทางประวัติศาสตร์ เป็นวิธีการขั้นพื้นฐานที่เราจะต้องนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
ด.ช.จิรภัทร คำเรือง เลขที่ 1 ม.3/1 พูดว่า:
จากที่ได้ศึกษาทำให้ผมทราบว่า นักประวัติศาสตร์ต้องอาศัยการอ่าน การสังเกต และควรต้องมีความรู้กว้างๆ ทางประวัติศาสตร์ในเรื่องนั้นๆมาก่อนบ้าง ซึ่งคำถามหลักที่นักประวัติศาสตร์ควรคำนึงอยู่ตลอดเวลาก็คือทำไมและเกิดขึ้นอย่างไร
ด.ญ.วลัยลักษณ์ ปานสมุทร ม.3/3 เลขที่26 พูดว่า:
จากที่ดิฉันได้ดูคลิปวีดีโอนี้แล้ว ทำให้ดิฉันรู้ถึงวิธีทางประวัติศาสตร์ว่า มี 5 ขั้นตอน
ดช.อิทธิมนต์ ยาเตชะ พูดว่า:
จากากรดูวิดีโอได้รู้ว่า
ประวัติศาสตร์ เป็นการศึกษาเรื่องราวหรือเหตุการณ์ในอดีตของมนุษย์ทุกด้านทั้งด้านความคิด การประดิษฐ์ ความเจริญรุ่งเรือง ความสำเร็จ ความขัดแย้ง ความร่วมมือ ความเสื่อม รวมทั้งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งนับตั้งแต่มนุษย์ในยุคแรกตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์โดยนับเวลาถอยหลังย้อนไปกว่า 3 ล้านปี จนกระทั่งมนุษย์ได้เริ่มเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์เมื่อประมาณ 5,000 ปีที่ผ่านมา โดยมีมิติของช่วงเวลา และหลักฐานของประวัติศาสตร์
พร้อมทั้งนำวิธีการทางประวัติศาสตร์มาช่วยในการศึกษาประวัติศาสตร์
ดช.อิทธิมนต์ ยาเตชะ พูดว่า:
จากากรดูวิดีโอได้รู้ว่า มีหลักฐานมากมายเช่นตำนาน วิทยานิพนธ์ เป็นต้น
ดช.อิทธิมนต์ ยาเตชะ 305 13 พูดว่า:
จากได้ดูวีดีโอนี้แล้วได้รู้ว่าวิธีการทางประวัติศาสตร์ มาอยู่ 5 ขั้น ตอนเป็นต้น
ด.ช.อภิสิทธิ์ เครือธิ ม.3/2 เลขที่10 พูดว่า:
วีธีการทางประวัติศาสตร์มีทั้งหมด5 ขั้นตอน 1.การค้นหาเเล้วรวบรวมข้อมูล 2. การตรวจสอบหลักฐาน 3. การกำหนดหัวเรื่องที่จะศึกษา 4. การตีความหลักฐาน เเละ 5. การนำเสนอข้อมูล
ศึกษาแล้วได้รู้ว่าขั้นตอนวิธีการทางประวัติศาสตร์มีดั้งนี้
ขั้นที่ 1 กำหนดประเด็นปัญหา
ขั้นที่ 2 รวบรวมหลักฐาน
ขั้นที่ 3 การประเมินคุณค่าของหลักฐาน
ขั้นที่ 4 ตีความหลักฐาน
ขั้นที่ 5 เรียบเรียงแล้วนำเสนอ
-_-ไม่ง่ายเลยที่จะรู้ว่าหลักฐานนั้นเป็นจริงหรือเท็จ-_-
ด.ญ.พัทธ์ธีรา ทำทอง เลขที่25 ชั้นม.3/2 พูดว่า:
ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับวิธีการทางประวัติศาสตร์มี5ขั้นตอนดังนี้
1กำหนดเป้าหมาย
2รวบรวมข้อมูล
3ประเมินหลักฐาน
4ตีความ
5วิเคราะห์ข้อมูล
ด.ญ.จิรัชญา ชุ่มวงค์ ม.3/2 เลขที่ 14 พูดว่า:
จากที่ได้ศึกษาแล้ว ทำให้รู้ว่า วิธีการทางประวัติศาสตร์ มีทั้งหมด 5 ขั้นตอน ได้แก่
1.การค้นคว้ารวบรมข้อมูล
2.การตรวจสอบหลักฐาน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
และนี่คือวิธีการทางประวัติศาสตร์
ค่ะ
เสกสรรค์ เดชอุดม เลขที่9 ม.3/4 พูดว่า:
จากที่ได้ศึกษาแล้ว ทำให้รู้ว่า การศึกษาเรื่องราวและพฤติกรรมของสังคมมนุษย์ในอดีต ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาและยุคสมัยต่างๆกัน คุณค่าสำคัญของประวัติศาสตร์คืออดีตเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับปัจจุบันและอนาคต
ด.ญ.ณัฐชา ยาดี ม.3/3 เลขที่23 พูดว่า:
จากที่ได้ศึกษาแล้วได้รู้ว่า วิธีการทางประวัติศาสตร์ มีอยู่ทั้งหมด 5 ขั้นตอน
1.การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
2.การตรวจสอบหลักฐาน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
ด.ญ.ฐิติรัตน์ เฟื่องฟู เลขทิ่22 ม.3/3 พูดว่า:
ป็นวิธีการขั้นพื้นฐานที่เราจะต้องนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและในอนาคตของเรา วิธีการทางประวัติศาสตร์ทำให้เราได้รู้ถึงเรื่องต่างๆที่เราต้องการรู้โดยเป็นวิธีการที่เป็นระบบ ระเบียบ
จากที่ได้ศึกษาแล้วได้รู้ว่า วิธีการทางประวัติศาสตร์ มีอยู่ทั้งหมด 5 ขั้นตอน
1.การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
2.การตรวจสอบหลักฐาน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
ด.ญ. ปาริชาต รายณะสุข พูดว่า:
ลำดับขั้นตอนทางประวัติศาสตร์
1.กำหนดเรื่องที่จะศึกษา
2.ค้นคว้าแล้วรวบรวมข้อมูล
3.ตรวจสอบหลับฐาน
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
เราสามารถใช้วิธีทางประวัติศาสตร์เพื่อมาตีความว่าหลักฐานที่เราได้มานั้น มีความเป้นมาอย่างไร
อภิปรัชญ์ ชุ่มวงศ์ 304 14 พูดว่า:
ประวัติศาสตร์มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต เพราะจะทำให้เราได้ทราบถึงเรื่องราวต่างๆ และเห็นคุณค่าของสิ่งนั้นค่ะ ซึ่ง
ขั้นตอนวิธีการประวัติศาตร์ มีอยู่ 5 ขั้นตอนดังนี้ค่ะ
1.กำหนดหัวจ้อที่จะศึกษา
2.รวบรวมข้อมูล
3.การประเมินคุณค่าของหลักฐาน
4.การตีความหลักฐาน
5.วิเคราะห์ข้อมูล
ด.ญ. เสาวณีย์ สมัครผล ม.304 เลขที่ 23 พูดว่า:
จากการที่ดิฉันได้ศึกษาดูในเรื่อง
วิธีการทางประวัติศาสตร์
วิธีการทางประวัติศาสตร์ หมายถึง วิธีการที่ผู้ต้องการสืบค้นเรื่องราวในอดีต
1. กำหนดเรื่องที่จะศึกษา
2. ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
3. ตรวจสอบหลักฐาน
4. การตีความหลักฐาน
5. การนำเสนอข้อมูล
ด.ญ. พลอยศิริ วิชัยโน ชั้น ม.3/4 เลขที่21 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาตร์มีความสำคัญ คือ สามารถใช้ในการสืบค้นเรื่องราวต่าง ๆ ที่สนใจได้ เช่น การหาความรู้เกี่ยวกับ โรงเรียน วัด ชุมชน จังหวัด
ด.ญ. จามรีย์ เมืองสุวรรณ ม3/3 เลขที่ 21 พูดว่า:
สามารถสืบค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับได้หลายอย่างวิธีการประวัติศาสตร์ได้ง่าย
วัชรพงค์ ฟูแสง พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์เป็นวิธีที่เกี่ยวข้องกับประวัติสตร์ใช้เพื่อค้นคว้าหาข้อมูลในประวัติศาสตร์
ซึ่งมีอยู่ 5 ขั้นตอน
1.การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
2.การตรวจสอบหลักฐาน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
ด.ช. ณัฐวัฒน์ ศีลลัย เลขที่3 303 พูดว่า:
หลังฐานชั้นรอง หมายถึง หลักฐานที่รวบรวมไว้ภายหลังเหตูการณ์ โดยได้ข้อมูลจากการใช้ข้อมูลหลักฐานชั้นต้น เช่น ตำนาน
อินทัช กันตรี เลขที 11 ชั้น ม 3/4 พูดว่า:
หลักฐานชั้นต้น หมายถึง หลักฐานที่บันทึก สร้าง หรือจัดทำขึ้น โดยผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นโดยตรง มีทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น สนธิสัญญา บันทึกคำให้การ จดหมายเหตุ และที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น ภาพเขียนสีผนังถ้ำ เครื่องมือเครื่องใช้
จากที่ได้ศึกษาแล้วได้รู้ว่า วิธีการทางประวัติศาสตร์
มีอยู่ทั้งหมด 5 ขั้นตอน
1.การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
2.การตรวจสอบหลักฐาน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
สิทธิพร ทิศรีไชย เลขที 10 ชั้น ม 3/4 พูดว่า:
จากากรดูวิดีโอ
วิธีทางประวัติศาสตร์มี 5 ขั้นตอน ได้แก่
ขั้นตอนที่ 1
การกำหนดเป้าหมาย
ขั้นตอนที่ 2 การรวบรวมข้อมูล
ขั้นตอนที่ 3 การประเมินคุณค่าของหลักฐาน
ขั้นตอนที่ 4 การตีความหลักฐาน
ขั้นตอนที่ 5 การสังเคราะห์และการวิเคราะห์ข้อมู
ด.ญ.ศิริธร ยอดมณี เลขที่.23 ม.3/5 พูดว่า:
จากศึกษาแล้วรู้ว่าวิธีการทางประวัติศาสตร์มี 5 ขั้นตอน
1.การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
2.การตรวจสอบหลักฐาน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
ด.ญ.กฤติยา ไชยา ม.3/5 เลขที่ 15 พูดว่า:
ได้รู้ว่าวิธีการประวัติศาสตร์ได้สำรวจมาจากสิ่งของหรือวัสดุต่างๆที่เก็บรวบรวมได้มา
และมีวิธีการประวัติศาสตร์มี 5 ขั้นตอนในการดำเนินงานในทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ 1.การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
2.การตรวจสอบหลักฐาน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
ด.ญ.ช่อลัดดา อดทน ชั้น ม.3/2 เลขที่ 19 พูดว่า:
จากที่ได้ศึกษาแล้ว
ได้รู้ว่าวิธีการทางประวัติศาสตร์ มีอยู่ 5 ขั้นตอน
1.การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
2.การตรวจสอบหลักฐาน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
ด.ญ.พิชนันท์ นักหล่อ ชั้น ม.3/5 เลขที่ 19 พูดว่า:
ดิฉันด้ศึกษาแล้วได้รู้ว่า
วิธีการทางประวัติศาสตร์ มีอยู่ทั้งหมด 5 ขั้นตอน
1.การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
2.การตรวจสอบหลักฐาน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
ด.ญ. ศศิวิมล ไชยกุล ชั้นม.3/5 เลขที่22 พูดว่า:
ดิฉันด้ศึกษาแล้วได้รู้ว่า วิธีการทางประวัติศาสตร์
มีอยู่ทั้งหมด 5 ขั้นตอน
1.การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
2.การตรวจสอบหลักฐาน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
ด.ช. ณัฐภณ ใจยืน เลขที่ 10 ม.305 พูดว่า:
จากการดูวิดีโอแล้ว ได้รู้วิธีการทางประวัติศาสตร์ เป็นวิธีการขั้นพื้นฐานที่เราจะต้องนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและในอนาคตของเรา คับ
ด.ช.ธนกร สมเครือ เลขที่ 3 ม 3/5 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์ มีความสำคัญคือ มีอยู่ทั้งหมด 5 ขั้นตอน
1.การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
2.การตรวจสอบหลักฐาน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
ด.ช.ธนกร แสงแก้ว เลขที่ 2 ม.3/5 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์ มีอยู่ทั้งหมด 5 ขั้นตอน
1.การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
2.การตรวจสอบหลักฐาน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
พิรุฬห์กร โยวัง 3/5 เลขที่ 7 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์ เป็นวิธีการขั้นพื้นฐานที่เราจะต้องนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและในอนาคตของเรา วิธีการทางประวัติศาสตร์ทำให้เราได้รู้ถึงเรื่องต่างๆที่เราต้องการรู้โดยเป็นวิธีการที่เป็นระบบ ระเบียบ
อชิตพล ทองจินดา 3/5เลขที่9 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์มี 5 ขั้นตอน
1.การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล หลักฐานชั้นต้น ได้แก่ ข้อมูลสอบถามจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ หลักฐานชั้นรอง ได้แก่ บทความทางวิชาการหนังสือต่างๆ
2.การตรวจสอบหลักฐาน การวิพากษ์กหลักฐานแบ่งออกเป็น 2 ข้อย่อย
-วิพากษ์ภายนอก -วิพากษ์ภายใน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา ได้แก่ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อใร อย่างไร
4.การตีความหลักฐาน พิจารณาความหมายในหลักฐานว่าผู้สร้างหลักฐานมีเจตนาแอบแฝงหรือไม่ อย่างไร
5.การนำเสนอข้อมูล ตรวจสอบข้อมูลก่อนจะไปนำเสนอเรื่องต่างๆได้แก่
เรื่องทวีปแอฟริกา
ด.ช. ภูตะวัน พะแดงโค ม.3/5 เลขที่ 8 พูดว่า:
ผมได้รู้ว่าวิธีการทางประวัติศาสตร์มี 5 ขั้นตอน
-การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
-การตรวจสอบหลักฐาน
-การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
-การตีความหลักฐาน
-การนำเสนอข้อมูล
ทำให้มีความรู้มากขึ้นขอบคุณครับ
ด.ช.กฤตเมธี บุญวงค์ เลขที่ 1 3/3 พูดว่า:
จากที่ได้ศึกษาแล้ว ทำให้รู้ว่า วิธีการทางประวัติศาสตร์ มีทั้งหมด 5 ขั้นตอน
1.การค้นคว้ารวบรมข้อมูล
2.การตรวจสอบหลักฐาน
3.การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4.การตีความหลักฐาน
5.การนำเสนอข้อมูล
และนี่คือวิธีการทางประวัติศาสตร์ ค่ะ
ด.ญ.ดวงกมล ยงเขตรการณ์ ม3/1 เลขที่ 22 พูดว่า:
ได้รู้ว่า ประวัติศาสตร์คือ การศึกษาเรื่องราวและพฤติกรรมของสังคมมนุษย์ในอดีต ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาและยุคสมัยต่างๆกัน คุณค่าสำคัญของประวัติศาสตร์คืออดีตเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับปัจจุบันและอนาคต
ด.ญ.ดวงกมล ยงเขตรการณ์ ม3/1 เลขที่ 22 พูดว่า:
ได้รู้ว่าวิธีทางประวัติศาสตร์มี 5 ขั้นตอน ได้แก่
ขั้นตอนที่ 1 การกำหนดเป้าหมาย
ขั้นตอนที่ 2 การรวบรวมข้อมูล
ขั้นตอนที่ 3 การประเมินคุณค่าของหลักฐาน
ขั้นตอนที่ 4 การตีความหลักฐาน
ขั้นตอนที่ 5 การสังเคราะห์และการวิเคราะห์ข้อมูล
ด.ญ. ชนาภา เมืองมา ม.3/2 เลขที่ 18 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์มี 5 ขั้นตอน 1. การค้นคว้าข้อมูล 2. การตรวจสอบ 3. การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา 4. การตีความ 5. การนำเสนอ และได้เข้าใจหลักการ การอ่าน การสังเกต และต้องความเฉลียวฉลาดในการค้นคว้า ค่ะ
ด.ญ.สิตานันท์ คำสุ ชั้น ม.3/1 เลขที่ 26 พูดว่า:
จากการที่ีดิฉันได้ศึกษา ทำให้ดิฉันได้รู้ว่า วิธีทางประวัติศาสตร์ มี 5 ขั้นตอน ได้แก่
1. การค้นหาและรวบรวมข้อมูล
2. การตรวจสอบหลักฐาน
3. การกำหนดเรื่องที่จะศึกษา
4. การตีความหลักฐาน
5. การนำเสนอข้อมูล
ด.ญ.สิตานันท์ คำสุ ชั้น ม.3/1 เลขที่ 26 พูดว่า:
หลักฐานชั้นต้น หมายถึง หลักฐานที่บันทึก สร้าง หรือจัดทำขึ้น โดยผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นโดยตรง มีทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
ด.ญ.ดาวอนงค์ พงษ์ขาว เลขที่ 32 ม.3/1 พูดว่า:
วิธีการทางประวัิติศาสตร์ มีอยู่ 5 ขั้นตอนค่ะ
ขั้นตอนที่ 1 การตั้งประเด็นที่จะศึกษา นับว่าเป็นขั้นตอนแรกของวิธีการทางประวัติศาสตร์ที่ นักประวัติศาสตร์ หรือผู้สนใจทางประวัติศาสตร์มีความสนใจอยากรู้ เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ตอนใดตอนหนึ่ง โดยตั้งประเด็นคำถามว่า ศึกษาเรื่องอะไรในช่วงเวลาใด ทำไมจึงต้องศึกษา
ขั้นตอนที่ 2 สืบค้นและรวบรวมข้อมูล ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ คือ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สามารถสอบสวนเข้าไปให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้ ประกอบด้วยหลักฐานที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น โบราณสถาน โบราณวัตถุ คำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ และหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น ศิลาจารึก จดหมายเหตุ บันทึกและเอกสารต่างๆ ในการสะสม และรวบรวมข้อมูล ต่าง ๆ เหล่านี้ นักประวัติศาสตร์จำเป็นต้องใช้วิจารณญาณของตนสำรวจ เนื่องจากข้อมูลแต่ละประเภทเป็นผลิตผลที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นโดยมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นต้องค้นหาต้นตอหรือสาเหตุของข้อมูลอย่างลึกซึ้งเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันมิให้ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ถูกบิดเบือน
ขั้นตอนที่ 3 การวิเคราะห์และตีความข้อมูลทางประวัติศาสตร์ โดยการนำข้อมูลที่ได้สืบค้นรวบรวม คัดเลือก และประเมินไว้แล้วนำมาพิจารณาในรายละเอียดทุกด้าน ซึ่ง นักประวัติศาสตร์ต้องใช้เหตุผลเป็นแนวทางในการตีความเพื่อนำไปสู่การค้นพบข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง
ขั้นตอนที่ 4 การคัดเลือกและประเมินข้อมูล นักประวัติศาสตร์จะต้องนำข้อมูลที่ได้รวบรวมไว้มาคัดเลือก และประเมินเพื่อค้นหาความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ต้องการทราบ
ขั้นตอนที่ 5 การเรียบเรียงรายงานข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับอันเป็นผลมาจากการวิเคราะห์และการตีความข้อมูล หรืออธิบายข้อสงสัย เพื่อนำเสนอข้อมูลในลักษณะที่เป็นการตอบ ตลอดจนความรู้ ความคิดใหม่ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าในรูปแบบการรายงานอย่างมีเหตุผล
ด.ญ. จตุพร ยิ้มโปรยคำ เลขที่13 ม.3/2 พูดว่า:
วิธีการทางประวัติศาสตร์มี 5 ขั้นตอนค่ะ
1. กำหนดเรื่องที่จะศึกษา / ตั้งประเด็นคำถาม
2. ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
3. การวิเคราะห์และตรวจสอบข้อมูล
4. การตีความหลักฐาน
5. การเรียนเรียงและนำเสนอ