เสาเขม็ และการคํานวณ
การรับน้าํ หนักของเสาเขม็
กลมุ งานวิเคราะหวิจยั และพัฒนา
สาํ นกั ควบคมุ การกอ สราง
พฤศจกิ ายน 2547
สารบญั หนา
1. บทนํา 1
2. วัตถปุ ระสงคในการนําเสาเขม็ ไปใชในงานกอสราง 1
3. ชนดิ ของเสาเขม็ 2
3.1 เสาเขม็ ไม 2
3.2 เสาเข็มคอนกรตี หลอสําเรจ็ 2
3.3 เสาเขม็ หลอในท่ี 5
4. ขอ กําหนดเกี่ยวกบั การตอกเสาเขม็ 7
4.1 การตอกเสาเข็ม 8
4.2 ขอปฏบิ ตั ใิ นการตอกเสาเข็ม 8
4.3
การจัดเสาเข็มและระยะหางของเสาเขม็ 9
4.4 ความลึกของเสาเขม็ ท่ีจมดนิ 9
4.5 การใชน ํ้าฉดี ใหเ สาเขม็ จมลงในดิน 10
4.6 เสาเขม็ เอยี ง 10
4.7 เสาเข็มรับแรงถอน 10
4.8 เสาเขม็ ส้นั Friction Piles ในกรงุ เทพฯ 11
4.9 Nagative Skin Friction ของเสาเข็ม 11
4.10 เสาเข็มรบั แรงในแนวราบ 12
4.11 นํา้ หนกั ของลกู ตุมตอกสาํ หรบั เสาเขม็ คสล. และเสาเขม็
คอนกรตี อัดแรง 13
4.12 สูตรทีใ่ ชในการคาํ นวณหาการรบั น้ําหนักของเสาเขม็ ตอก 14
4.13 การคาดคะเนความสามารถในการรบั
นา้ํ หนกั ของเสาเขม็ 17
4.14 ผลกระทบจากการตอกเสาเข็ม 19
5. เสาเข็ม กลุม 21
- / 6. คํานวณน้ําหนกั
-2- หนา
6. คาํ นวณนํา้ หนกั บรรทุกจากคณุ สมบตั ิของดนิ 23
6.1 เสาเข็มทีล่ อยอยูในช้ันดนิ ออ น 23
6.2 เสาเข็มทีป่ ลายจมอยูใ นช้นั ดนิ แข็ง 27
6.3 นาํ้ หนกั บรรทกุ ของเสาเข็ม 35
7. ตัวอยางในการคาํ นวณเสาเขม็ คอนกรตี อดั แรง 36
7.1 ตัวอยา งในการคาํ นวณเสาเขม็ คอนกรตี อดั แรงรปู ตัว I 36
7.2 ตัวอยางในการคาํ นวณเสาเข็มคอนกรีตอดั แรงรปู
ส่ีเหลย่ี ม 39
7.3 ตัวอยา งในการคาํ นวณแผนเหล็กเพอ่ื การเช่อื มตอเสาเข็ม 40
เสาเขม็ และการคาํ นวณการรับนา้ํ หนกั ของเสาเข็ม
1. บทนํา
เสาเขม็ เปน วัสดุทใ่ี ชแพรหลายมากท่ีสดุ ในการรบั นา้ํ หนกั ของอาคาร โดยเสาเข็มจะรับน้ํา
หนกั จากฐานรากกอ น แลว จงึ คอยถา ยใหด นิ ซ่งึ จะตางจากฐานรากแบบแผ ทด่ี นิ รบั นํา้ หนกั จากฐากรากโดย
ตรง การออกแบบฐานโดยใชเสาเข็ม กเ็ พราะดินท่อี ยตู ้นื รับนํ้าหนักไดนอ ย จงึ ตองใชเ สาเข็มเปน ตัวชวยถาย
นาํ้ หนกั ขา
งบนลงไปยังดนิ ชั้นลา งทีแ่ ขง็ กวา ความสามารถในการรับนํ้าหนักของเสาเข็มขึน้ อยูกับตัวเสาเข็ม
เอง (วัสดุทใ่ี ชในการทาํ เสาเขม็ ) และความสามารถในการรับนํ้าหนกั ของดิน รอบตัวเสาเข็ม
(Skin friction) และปลายเสาเขม็ (End Bearing)
2. วตั ถปุ ระสงคในการนําเสาเขม็ ไปใชงานกอสราง
2.1 เพอื่ ถายน้าํ หนักผานน้ํา หรอื ชน้ั ดนิ ออ นไปยังชัน้ ดนิ แขง็ ที่เหมาะสม ไดแ ก เสาเข็มรับน้าํ
หนักทีป่ ลาย (End – Bearing – Piles)
2.2 เพอ่ื ถา ยนา้ํ หนกั ลกึ ลงไปในชนั้ ดนิ ออ นดว
ย แรงเสียดทาน (Skin Friction) ตลอดความ
ยาวของเสาเข็ม ไดแก เสาเขม็ เสียดทาน (Friction Piles)
2.3 เพอ่ื อัดใหดนิ ประเภท Granular soils ใหแ นนตัวเพอื่ เพิ่ม Bearing Capacity ของมนั ได
แก Compaction piles
2.4 เพอื่ ขยายความลกึ ของฐานรากใหผานบรเิ วณทจ่ี ะเกดิ Scouring ปอ งกนั ไวเผ่อื ดินจะสกึ
กรอ นหนีไป
2.5 เพือ่ เปน สมอรงั้ โครงสรา งตาง ๆ ท่รี ับแรงถอน (uplift) เนอื่ งจากแรงดันของน้าํ หรือ
Overturning Moment ไดแก Tension piles หรอื Uplift piles
2.6 เพอ่ื เปน สมอตา นแรงฉดุ ในแนวนอนจากกําแพงกันดนิ หรือแรงฉุดอนื่ ๆ ไดแก Anchor
piles
2.7 เพอ่ื ปองกันเขื่อนเทียบเรอื จากการกระแทกของเรือ หรือวัตถลุ อยนาํ้ อนื่ ๆ ไดแ ก
Fender piles และ Dolphins
2.8 เพอื่ ตา นทานแรงในแนวราบหรือแรงในแนวเอยี งที่มีคามากตาง ๆ ไดแ ก Batter piles
-2-
3. ชนดิ ของเสาเข็ม
ถา จาํ แนกเสาเข็มตามวัสดุทีใ่ ชทาํ และการใชง านสามารถแบง ออกไดเปน
3.1 เสาเขม็ ไม
เสาเข็มไมตามปกตเิ ปน ไมเ บญจพรรณ ตดั กง่ิ
และทุบเปลอื กออก ตอนตอกเจาะดา น-ปลาย
ลงตองมลี ําตนตรง ไมผ หุ รอื มีราขนึ้ เสาเข็มไมจะตองทุบเปลือกหรอื ถากเปลือกออกทัง้ หมด ตาไมต า ง ๆ จะ
ตอ งตดั ใหเรียบเสมอฝงของตน เสาเขม็ ปลายและหวั เสาเขม็ จะตองเลื่อยตดั เรยี บไดฉากกับลาํ ตน
3.2 เสาเขม็ คอนกรตี หลอ สําเร็จ
เสาเข็มคอนกรีตหลอ สาํ เรจ็ ตามปกติเรามกั จะหลอ เสาเข็มในโรงงานกอ น เมือ่ คอนกรตี ได
อายแุ ลว คอยขนยาย จากโรงงาน ไปยังสถานทีก่ อสรา ง หรือในบางครัง้ เราอาจหลอ เสาเข็มในบรเิ วณทก่ี อ
สรางเลยกไ็
ด
เสาเข็มคอนกรีตหลอสําเร็จมีอยดู วยกนั 2 ชนดิ คอื
3.2.1 เสาเขม็ คอนกรีตเสรมิ เหล็ก (Reinforcement Precast Concrete piles)
เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็ก รปู รา งจะเปน แบบใดกไ็ ดแ ลวแตจะออกแบบ แตสวน
ใหญค วรใหจดุ ศูนยถ วงของหนาตัดทบั จุดศูนยกลางของเสาเขม็ เหลก็ เสรมิ ตามยาวตอ งมีพอเพยี งท่จี ะรบั
โมเมนตด ัดเนือ่ งจากการขนสง และยกตอก ตอ งมอี ยา งนอ ย 4 เสน เสนผา ศนู ยก ลางไมค วรเลก็ กวา 9
มลิ ลเิ มตร สําหรบั เหล็กปลอก อาจเปนปลอกแบบพัน หรือ
แบบปลอกเด่ยี วก็ได ตอ งเสริมบริเวณปลายและ
โคนเสาใหม าก เพราะทง้ั ทีโ่ คนและท่ีปลายเสาเขม็ อาจเสียหายเนือ่ งจากแรงกระแทกได การทําใหค อนกรีต
แนน อาจใชเครอ่ื งเขยา คอนกรตี หรืออาจใชแบบชนดิ เหว่ยี ง (Spun) กไ็ ด
จาํ นวนเปอรเซน็ ตเ หลก็ ปลอก เม่อื เทียบกับปริมาตรคอนกรตี ในชวงนนั้ ๆ ไมควร
นอ ยกวา ทก่ี าํ หนดในรูปขา งลางน้ี
-3-
3.2.2 เสาเขม็ คอนกรตี อัดแรง (Precast Prestressed Concrete piles)
เสาเขม็ คอนกรตี อัดแรงรูปรางและหนาตดั เหมือนกบั เสาเขม็
คอนกรตี ธรรมดา แต
ไดเ ปรยี บกวา ทสี่ ามารถทําไดยาวกวา และมีพื้นทห่ี นา ตดั เล็กกวา สาํ หรับเหลก็ เสรมิ ตามยาวน้ัน เปน ลวด
เหล็กรบั แรงดงึ ไดสูง ตาม มอก. 95- 2517 หรอื อาจจะใชล วดเหลก็ ตาม ASTM 416-59 T หรือ JIS G 3536-
1971
การดงึ ลวดเหลก็ หรือเชือกเหล็กตอ งไมมากกวา 0.7 f‘s (f‘s คอื ความเคน ดงึ สงู สุด
ของเชอื กหรอื ลวดเหลก็ ) และหลงั จากการตัดลวดเหล็ก เมื่อคอนกรีตรบั ความเคน อัดได .45f’c แลว ความ
เคน ดึงประสทิ ธผิ ล ตอ งไมมากกวา 0.6 f‘s (f’c คอื
ความเคนอดั สูงสุดของคอนกรีตรูปทรงกระบอกเสน
ผา ศูนยกลาง 150 มม. สงู 300 มม. เมือ่ คอนกรตี มอี ายุ 28 วนั )
เสาเขม็ คอนกรตี อัดแรงมอี ยูสองชนดิ ดวยกนั คือ ชนิดดึงลวดเหล็กกอน แลว คอ ย
หลอ คอนกรตี กบั ชนิดหลอ คอนกรีตกอ น แลว คอยดึงลวดเหล็ก แตสําหรับในบา นเรา นยิ มทําชนดิ ดงึ ลวด
เหลก็ กอ นแลวคอยหลอคอนกรตี
การอดั แรงเขา ไปในคอนกรตี กอน โดยการดงึ เหล็กใหย ดื ตวั ออก แลวปลอ ยใหหด
เขา ในขณะทีเ่ หลก็ หดเขาน้ัน มันจะอดั คอนกรตี ทาํ ใหค
อนกรีตรับแรงอัดอยกู อนใชง าน การอัดแรงให
คอนกรตี น้ีทําใหคอนกรีตสามารถรบั แรงโมเมนตดดั ไดม ากข้นึ นเ้ี ปน ขอไดเปรยี บของเสาเขม็ ชนิดคอนกรตี
อดั แรง การขนสง และยกตอก ตอ งยกตามจดุ ยก ท่ผี ูผลิตกําหนด เพราะผผู ลติ ไดคํานวณออกแบบไวแลว
ถา ผูใชไ มป ฎบิ ัติตาม เสาเข็มอาจเสยี หายได
-4-
คา โมเมนตดดั สูงสุด ทีเ่ กิดข้นึ กับเสาเขม็ ทุกชนดิ ณ จดุ ยกตา ง ๆ กัน ดงั น้:ี -
-5-
การจะตดั สนิ ใจใชเ สาเข็มคอนกรตี หลอ สาํ เร็จนั้น ผซู ้ือควรจะแนใจวาเสาเขม็
ชนิดน้นั ๆ
สามารถรบั แรงอดั และโมเมนตด ดั ไดตามท่ผี ซู ื้อตอ งการ การจะทดสอบวา เสาเขม็ น้ัน จะเสยี หายเนื่องจาก
ขนสง หรือยกตอกหรอื ไม เราสามารถทดสอบกอนทจี่ ะซ้ือได โดยเอาเสาเข็มวางบนเหลก็ เสน ขนาดเสนผา
ศนู ยก ลาง 25 มม. ซ่ึงวางอยูบนพ้ืนคอนกรีต โดยใหจ ดุ ยกอยูตรงเหลก็ เสนพอดี (ดรู ูปประกอบ) แลว เพ่มิ นา้ํ
หนกั กดอยา งสมาํ่ เสมอเทากนั ตลอดทง้ั ความยาวของเสาเขม็ โดยปกติใชน้ําหนักกด 30% ถงึ 50% ของนาํ้
หนกั ของเสาเข็มตน น้นั แลว สงั เกตรอยราวถา รอยราวเกดิ
ขื้น กวางกวา 0.2 มลิ ลิเมตร ถือวา เขม็ นั้นใชไมได
และถารปู หนา ตัดของเสาเขม็ เปน รปู ตัว I หรอื รปู อนื่ ใดกต็ าม ควรเลอื กเสาเขม็ ท่มี ีพนื้ ทีห่ นาตัดมาก ๆ เพราะ
สามารถรบั แรงกระแทกเนื่องจากการตอกไดมาก และถา ชว งดนิ ออ นลึก ๆ เสาเข็มทมี่ ีพนื้ ท่ีหนา ตดั โตจะทาํ
หนา ท่ีเสาไดด กี วา เสาเขม็ ทีม่ ีพื้นท่หี นาตดั เลก็
3.3 เสาเข็มหลอในที่ (Cast-in-place Concrete Piles)
เสาเขม็ หลอ ในท่ีทําโดยเจาะรลู งไปในดินจนไดความลึกตามที่ตอ งการ แลว
เทคอนกรีตจน
เตม็ รทู เี่ จาะอาจใชส วานเจาะ ตอกแบบหรือปลอกเหลก็ หรืออาจจะกดปลอกเหลก็ ลงไปขุดดนิ ภายในปลอก
เหล็กขนึ้ แลว จึงเทคอนกรตี
โดยปกติเข็มหลอ ในที่แบง ตามลักษณะได 3 ชนิด Shell type (case type) , Shell-less type
(Uncased type) และ Pedestal (enlarged bulb)
3.3.1 Shell type ทาํ โดยตอกปลอกเหลก็ กลวงปด ปลายลงไปในดนิ เม่อื ถงึ ระดบั ที่
ตอ งการแลวจึงเทคอนกรตี ลงไปในปลอกเหล็ก โดยทง้ิ ปลอกเหลก็ ไวเ ปน สวนหนง่ึ ของเสาเขม็
3.3.2 Shell-less type ทาํ โดยตอกหรอื
กดปลอกเหล็กกลวงลงไปในดนิ ถา เปน
ปลอกเหลก็ ชนดิ ตอก มกั จะมแี กนกลางสาํ หรับตอก เม่อื ตอกถงึ ระดบั ทีต่ องการ ดึงแกนกลางออกแลว เท
คอนกรตี ลงไป กระแทกคอนกรีตใหแนนแลว คอ ยๆ ดึงปลอกข้นึ กอ นที่คอนกรตี จะกอตวั ถา เปนปลอกเหล็ก
-6-
ชนดิ ใชก ดลงไปมกั จะเปดปลาย เมอื่ กดถึงระดับทีต่ องการจงึ ขุดดินออก แลว จึงเทคอนกรตี และคอ ยๆ ดงึ
ปลอกเหลก็ ขึน้ เปนระยะๆ กอนคอนกรตี กอ ตัวเชนเดยี วกนั
3.3.3 Pedestal Type เปน เสาเข็มทีม่ ีเชิงหรือกระเปาะอยูทีป่
ลายเสาเขม็
เชงิ หรอื กระเปาะอาจเปนคอนกรตี หลอ สาํ เร็จ รปู กรวย หรืออาจจะตอกคอนกรีตท่ีเพง่ิ ผสมใหมด วยลกู ตมุ
หนกั ๆ ใหล กู ตมุ ดันดินกระจายออกไปรอบๆ ปลายปลอกเหลก็ คอนกรตี ก็จะแขง็ ตวั เปน เชิงอยูใ ตเ สาเขม็ ในชน้ั
ดินลกึ ๆ
3.3.4 เสาเขม็ เหลก็ (Steel Piles)
เสาเขม็ เหลก็ ถา ทาํ ดวยทอเหล็ก มกั จะเทคอนกรตี ใสในทอ หลกั จากตอกไดถ งึ
ระดบั ทตี่ อ งการแลว แตเสาเข็มเหล็กทใี่ ชก ันอยางกวา งขวางมักจะเปนรปู ตัว H เพราะสามารถตอกลงในดนิ
ไดด กี วาชนิดอน่ื ๆ
สามารถตอกทะลุชั้นหนิ บางได และสามารถรับนํา้ หนกั บรรทกุ ไดมากกวา รูปอ่ืนๆ
ขอ เสยี ของเสาเข็มเหล็กนน้ั เหน็ จะเนื่องจากการกดั กรอนเพยี งอยา งเดียว แตถ าตอก
ในชนั้ ดนิ ทไี่ มถ กู รบกวนการกดั กรอ นจะนอยมาก การปอ งกันการกัดกรอ นนั้น เรามักจะเผื่อความหนาของ
เหลก็ ไว 1/16 นวิ้ จากรปู หนาตดั ทีค่ ํานวณได หรอื อาจจะเลอื กใชโ ลหะชนดิ พเิ ศษ ซงึ่ เขาทําไวสําหรับ
ปอ งกนั การกัดกรอนโดยเฉพาะกไ็ ด
สาํ หรบั เสาเข็มเหล็กที่ฝงอยูใ นชัน้ ดนิ ทถี่ กู รบกวน หรอื ช้นั
ดินถมบรเิ วณท่มี นี ํา้ ขน้ึ
นาํ้ ลง หรอื บรเิ วณทเ่ี รียกวา เปยกๆ แหงๆ น้ัน เราตองปองกนั บริเวณนเ้ี ปนกรณีพเิ ศษ เชน เทคอนกรตี หุม
กอ นถมดิน หรอื ทายางมะตอยกอ นถมดินเหลา น้ี เปนตน
3.3.5 เสาเขม็ ประกอบ (Composite Piles)
เสาเข็มประกอบเปนเสาเข็มท่ีประกอบดวยวัสดุสองอยางประกอบข้ึนเปนเข็มตน
เดยี วกนั เชน ไมกบั คอนกรตี หรอื เหลก็ กับคอนกรีตขอ สาํ คัญท่ีสดุ ของเสาเข็มประเภทนคี้ ือ “ขอ ตอ” ขอ ตอ
ตอ สมั ผสั แนบสนิทกันสามารถถา ยนาํ้ หนักบรรทุกไดโดยตรงขอ ตอ
ตองทนทานตอแรงโมเมนตด ัด และแรง
ดงึ ขึน้ หรือแรงยกขึ้น (Uplift force) ไดด แี ละขอตอ ตอ งประกอบกนั ในสนามไดส ะดวก
3.3.6 เสาเขม็ เจาะเสยี บ (Pre-bored Pile)
เปน เสาเขม็ คอนกรตี หลอสาํ เร็จรูปธรรมดาทัว่ ไปแตแทนทีจ่ ะทําการตอกตัง้ แตเรม่ิ
แรก กลบั ทาํ การเจาะรนู าํ เสียกอนจนเลยระดับความลึกของชน้ั ดนิ ออน เพอื่ ให เมอื่ ตอกเสาเขม็ แลว แรงสัน่
สะเทอื นเกดิ ขึน้ นอ ย จากผลการทดสอบการรับนาํ้ หนักของเสาข็มประเภทน้ีปรากฏวา การใชเขม็ เจาะเสียบ
นไ้ี มทาํ ใหการรบั น้าํ
หนกั ของเสาเขม็ ลดลงเลย
ประโยชนของการใชเ สาเขม็ ชนดิ นกี้ ็คอื
1. ลดปริมาตรในการแทนทดี่ วยเสาเข็ม
2. ลดคา Negative Skin Friction เพราะกอ นการตอกไดขดุ เอาดินออ นในตําแหนง
ทจี่ ะตอกเสาเข็มออกไปกอนแลวโดยท่ีหลมุ เจาะมีขนาดโตกวา เสาเข็มประมาณ 5-10 ซม.
-7-
3. ลดความสน่ั สะเทอื นในสว นดนิ ช้นั บนๆ เพราะหลุมเจาะมขี นาดใหญก วา เสา
เขม็
4. ลดการเคลือ่ นตวั ของดนิ ชัน้ บนๆ ซึง่ อาจจะทําใหตําแหนง ของเสาเข็มผิดไปจาก
ที่ตองการ
5. ลดความเสยี
หายอันอาจจะเกดิ ตออาคารขา งเคียงไดมาก
6. มคี วามมน่ั ใจในการตอกเสาเขม็ คอื มคี วามมัน่ ใจวา เสาเขม็ จะไมเ กิดการหักขึ้น
3.3.7 เสาเข็มไมโคร (Micro – Piles)
เปน เสาเขม็ เจาะขนาดเล็กมีขนาดระหวาง 150 – 250 มม. ใชผงดนิ เหนียว
(Bentonite) ผสมนาํ้ ใสล งไปในรเู จาะเพือ่ ปอ งกนั ดนิ พัง รับน้ําหนักสวนใหญดวยความผดื ของผนงั เสาเข็ม
ทอ เหล็กทีใ่ ชทาํ เสาเข็มไมโครจะตอ งเปน ชนดิ ไมม ีตะเขบ็ (Seamless pipe) ทอ เหลก็ ทใี่ ชท ม่ี ีกําลังคลาก
(yield point) สงู จะประหยดั
กวาชนดิ ทมี่ ีกาํ ลังคลากตํา่ ปกตมิ กั ใชทอ เหลก็ ยาวประมาณทอ นละ 2 – 3 เมตร
ปลายทัง้ 2 ขางเปนเกลยี ว ตอ กนั ดวย Coupling ตวั ทอ ปลายของทอนสุดทายทาํ เปน non-return valve เพื่อ
ใชส าํ หรบั การอดั นํ้าปูนครัง้ แรก สว นของทอนเหล็กบรเิ วณทจี่ ะทํา non-return valve เจาะรูขนาดเสน ผา ศนู ย
กลาง 12 มม. ปกติใช 4 รู หางเทา ๆ กันโดยระยะระหวา งรูแตละชดุ ประมาณ 50 ซม. สําหรับการอัดน้าํ ปนู
ครัง้ ท่ี 2
4. ขอกาํ หนดเกี่ยวกบั การตอกเสาเขม็
การจดั ตาํ
แหนงของเสาเขม็ ทจ่ี ะตอก ตองใหอยใู นตาํ แหนง ทวี่ ศิ วกรกําหนด ใหผ ิดพลาดได
ไมเ กนิ 5-10 ซม. ถา ตอกผดิ มากกวา นี้ จะเกดิ แรงหนีศนู ยขน้ึ และเสาเข็มจะรับแรงโมเมนตดดั จะเปน
อนั ตรายได ดงั นัน้ จึงตอ งมีการควบคมุ งานอยางใกลช ิด ถาเปน ชนดิ เขม กลุมใหต อกจากภายในมาสูภาย
นอก หรอื ถาตอกเข็มใกลอ าคารขางเคียง ใหต อกจากใกลอ าคารขางเคยี งกอ น แลวคอ ยตอกไลออกมาภาย
นอก เพราะปริมาตรดนิ ทเี่ ข็มแทนท่นี นั้ จะไปดนั เข็มเดิม หรือเขม็ ที่ตอก ก็มีความสาํ คญั มาก
การตอกเขม็
ตอ งใชห มอนรองรับ เชน อาจใชกระสอบหรอื ไม เพือ่ ลดแรงกระแทกจากลกู ตมุ เมื่อตอกไดค วามตานทานที่
ตอ งการแลว ใหหยุดตอก เพราะถา เคน ตอไป หัวเสาเขม็ อาจเสยี หายได เชน ควรหยดุ เม่อื ผลการตอกเสาเข็ม
ดังนี้
เสาเขม็ ไม 4 – 5 คร้ัง / การจม 1 น้วิ
เสาเข็มคอนกรตี 6 – 8 ครง้ั / การจม 1 น้ิว
เสาเข็มเหลก็ 12 – 15 คร้งั / การจม 1 น้ิว
ระหวา งตอกเขม็ ตอ งคอยแกท ิศทางของเสาเขม็ ถา ผวิ หนา ไมเ รยี บ เข็มอาจเปล่ยี นทศิ ทาง
ได ถา ระหวา งตอกเสาเข็มเปลยี่ นทิศทาง หรือตอกจมผิดปกติ เสาเข็มอาจจะหัก เสาเข็มตน นัน้ ใชไมไ ด
-8-
การตอกเสาเขม็ บริเวณดินเหนยี ว หรอื ดินตะกอน (Silt) คอื ดนิ พวกทน่ี า้ํ หนีไดชา เมอ่ื เสา
เขม็ แทนท่ดี ินทาํ ใหแ รงดนั ของนาํ้ ในดนิ (pore water pressure) เพมิ่ ขนึ้ ทาํ ใหมกี าํ ลงั ดันเสาเข็มใหล อยข้นึ
มา หรอื เรยี กวา เสาเขม็ จะรับนา้ํ หนักบรรทุกไดม ากกวา ปกตใิ นชวงแรกของการตอก ไมม ีผลเทาไรนัก ถา
เขม็ นน้ั เราออกแบบใหร ับนํา้ หนักแบบเสยี ดทาน แตถ าเปน เสาเข็มชนดิ
รับนาํ้ หนกั ท่ปี ลายจะทรดุ ตัวเร็วใน
ชว งแรก และจะเปนขอ ผดิ พลาดมากถา เราตอกเขม็ เพอ่ื ทาํ เปนหมุดหลักฐาน ของการสํารวจคาระดบั เวน
แตไ ดต อกเสาเขม็ ตนใกลเ คยี ง เสร็จเรียบรอ ยแลว
การตอกเขม็ ในดินเหนียวบางชนดิ ดินจะถกู รบกวนมาก ทําใหดินรบั นํา้ หนกั ไดน อยลง
อาจทงิ้ ไวหลงั จากตอกเสาเขม เสรจ็ แลว หนึง่ ถงึ สองเดือนหรอื อาจมากกวา จึงทาํ การกอ สรา งได
4.1 การตอกเสาเข็ม
การตอกเสาเขม็ หมายถึงกรรมวธิ ีใดๆ กต็ าม ทที่ ําใหเ ขม็ อยูใ ตด ิน ณ ตําแหนง
ทเ่ี รา
ตอ งการ พรอ มทจ่ี ะรบั นา้ํ หนักบรรทกุ จากอาคารได วธิ กี ารตอกเสาเข็มมีอยหู ลายแบบดวยกนั เชน
1. Drop hammer เปน วธิ ที เ่ี กา แกท่ีสดุ และยงั คงใชอ ยูใ นปจ จบุ ัน ประกอบดว ยปนจน่ั ตัว
ใหญพ รอ มท้ังลกู ตุมทสี่ ามารถเลอ่ื นขึน้ ลงได ตามความตองการโดยใชสายลวดสลิงเปนตวั ยกลกู ตมุ ใหสูงขนึ้
แลว ปลอ ยตกลงมาบนหัวเสาเข็มลกู ตุมท่ตี องไมน อยกวา 50 เปอรเซ็นตข องน้าํ หนักของเสาเขม็ สําหรับเสาเข็ม
คอนกรีตเสรมิ เหล็ก
2. Steam hammer ประกอบดว
ยกรอบเหลก็ สั้นๆ ซึ่งเปนรางวางใหล กู ตมุ ว่ิงขน้ึ วงิ่ ลงการ
บงั คบั ลกู ตุมบงั คับดวยการระเบดิ ของไอน้าํ หรอื แรงกดของอากาศ Steam hammer มรี ะยะยกคงท่ีตอกรัวและ
เรว็ ทาํ การตอกสม่าํ เสมอ มกี ารส่ันสะเทือนคงที่ การเสียหายเนื่องจากการตอกวิธนี ีน้ อ ยกวาวธิ ี
Drop hammer
3. Water jet การตอกวธิ ีนเ้ี ราตองฝงทอ ไวในเสาเข็ม แลว อัดนาํ้ ลงไปตามทอ ดว ยความดนั
สงู ไปยงั ปลายของเสาเข็ม แรงกดดนั นํ้าจะทําใหด ินรอบๆ ปลายเสาเข็มหลวม ทาํ ใหเข็มจมลงดวยนาํ้ หนักตัว
มนั
เอง การตอกเข็มวธิ นี ้ี เหมาะทจ่ี ะใชก บั ดนิ กรวดหรอื ทราย หรอื กบั เสาเขม็ ทอี่ อกแบบใหรับนาํ้ หนกั ท่ี
ปลาย เพราะถา ตอกบรเิ วณดนิ หนียวจะทําใหด ินเหนยี วรอบๆ เสาเขม็ เปนนํ้าโคลน ถา ตอกบริเวณดิน
ตะกอนทาํ ใหด ินตะกอนมลี กั ษณะกงึ่ ของไหล
4. Jacking ถา ตอ งการตอกบริเวณทม่ี ีระยะยกไมสงู นัก หรือบริเวณท่ีจะทําใหเ กิดการสั่น
สะเทอื นไมไ ด เราตอ งใช Hydraulic Jack กดเสาเขม็ ใหเ สาเขม็ จมลง
4.2 ขอ ปฏิบตั ิในการตอกเสาเขม็
1. จะตอ งมคี รอบหวั เสาเข็ม
และหมอนรองรบั หวั เสาเข็ม กันเสาเข็มแตก
2. การกระแทกของลูกตมุ ตอกบนหัวเสาเขม็ จะตอ งลงเตม็ หนา และไดฉากกบั แกน
ของเสาเข็ม
3. ตอ งหยดุ การตอกเสาเข็มใหทนั ทกี อ นทเ่ี สาเข็มจะเสยี หายเพราะ Overdriving เมอื่
-9-
ปรากฏการณใ นขณะตอกเสาเขม็ ดงั ตอไปน้ี
- เสาเข็มมอี าการสั่นและสะบดั ใกลร ะดบั ผิวดนิ
- ลกู ตมุ ตอกเดง ขนึ้ โดยเสาเข็มไมทรดุ จมเลย
- หวั เสาเข็มแตกท้ังทท่ี าํ การตอกตามปกติ
4. ตอ งหยดุ การตอกทนั ทที ก่ี ารทรดุ ตวั ของเสาเข็มแสดงถึงความตา นทานการตอกสงู
พอความตอ งการ เมอ่ื ผลการตอกเปนดังนี้
- เสาเข็มไม 4 – 5 blows ตอ นว้ิ
- เสาเขม็ คอนกรตี 6 – 8 blows ตอ น้วิ
- เสาเข็มเหลก็ 12 – 15 blows ตอน้วิ
5. ลกั ษณะของเสาเข็มทีต่ อกซง่ึ แสดงวา ชาํ รดุ เสียหายแลว มลี กั ษณะอาการใหเหน็ ดงั นี้
- การทรดุ ตวั ของเสาเข็มขณะตอกเพิ่มข้ึนทันที หรือขน้ึ ๆ ลงๆ ขณะท่ลี ักษณะ
ของชนั้ ดินไมอํานวยใหเ ปนเชน นนั้
- เสาเขม็ เปล่ยี นทิศทางทนั ทที ันใด
6. ในการตอกเสาเข็มจํานวนมากๆ ภายในบรเิ วณท่กี อ สรางนนั้ โดยเฉพาะอยางยิ่งของ
หองใตดิน เมอื่ ตอกเสาเข็มเสรจ็ ใหมๆ แลว ไมค วรขุดดนิ ทันที ควรปลอ ยทงิ้ ไวป ระมาณ 1 เดือน ทั้งนเี้ พราะ
ดนิ เม่ือถกู เสาเขม็ ตอกจะถกู รบกวน (disturbed) ทาํ ใหคา Shear Strength ของดนิ ลดนอยลง ซึ่งจะกลับคืน
กําลังประมาณ 90 % ภายใน 30 – 50 วนั ดงั นนั้ หากรีบทาํ การขดุ ดินจะเกดิ การเลอื่ นไถลของดนิ ทําใหเสา
เขม็ ท่ีตอกไวแ ลว เสยี หายได
7. การตอกเขม็ กลมุ ใหต อกเสาเขม็ จากตนกลางกลุม ออกไป
4.3 การจัดเสาเขม็ และระยะหางของเสาเข็ม
1. เสาเขม็ ใตฐ านรากจะตอ งจดั เรยี งสม่าํ เสมอเหมือนกนั ทุกดา น
2. สําหรบั เสาเข็ม End Bearing Piles ระยะหา งระหวางศนู ยกลางของเสาเขม็ จะตอ งหางกัน
อยา งนอ ย 2 เทา ของขนาดเสนผาศนู ยก ลางสําหรับเสาเข็มกลม หรือ 2 เทาของเสน ทแยงมมุ สําหรับเสาเข็มสี่
เหลย่ี ม หรอื เสาเข็มเหล็กแตตองไมน อ ยกวา 2.5 ฟุต หรือ 75 ซม. หรอื ผิวตอ ผิวหางกัน 12 นิ้วฟตุ หรือ 30 ซม.
3. สําหรบั เสาเขม็ Friction Piles ระยะหา งระหวางศนู ยก ลางของเสาเขม็ จะตอ งหา งกนั อยา ง
นอย 3 – 5 เทา ของเสน ผาศนู ยกลางของเสาเข็ม หรอื 3 ฟตุ 6 นว้ิ (1.00 ม.)
4. เสาเขม็ สาํ หรับโครงสรางในทะเลทร่ี ับคลน่ื กระแทกจะตองหา งกันอยา งนอ ย 5 เทา ของ
เสนผาศูนยก ลาง
4.4 ความลึกของเสาเข็มท่ีจมดนิ
1. เสาเขม็ จะตอ งตอกใหจมดนิ ไมนอยกวา 3 เมตร (10 ฟตุ ) ในชนั้ ดินแขง็ และไมนอยกวา
1 ใน 3 ของ ความยาวของเสาเข็ม หรือ 6 เมตร (20 ฟุต) ในชัน้ ดินออน
- 10 -
2. สําหรับเสาเข็ม Friction Piles ตอกลงในชั้นดินประเภทตา ง ๆ กนั ซง่ึ คาดวาจะตอกจมลง
ไปไดน น้ั ไดแ สดงไวใ นตารางขางลา ง
ช้นั วัสดุ ความลึกทีค่ าดวาจะตอกจมลงได หมายเหตุ
ทรายสะอาดแนน เลก็ นอย ปกตใิ ชน ้าํ ฉดี
ทรายอ่ืน ๆ 20 ฟตุ หรอื 6 เมตร
ดินปนทราย 30 ฟตุ “ 9 เมตร
ดินลว น ๆ 35 ฟุต “ 10 เมตร
ดินปนซลิ ท 45 ฟตุ “ 13.50 เมตร
ซลิ ทป นโคลน 50 – 100 ฟุต “ 15 - 30 เมตร
4.5 การใชนํ้าฉีดใหเสาเขม็ จมลงในดิน
การใชน า้ํ ฉดี ชว
ยในขณะตอกเสาเข็มเพื่อใหเสาเขม็ จมลงไปนัน้ จะใชใ นดินทรายรวน, จะไมด ี
นกั เมอื่ เปน กรวดเพราะน้าํ ไลไ มคอ ยขนึ้ และไมควรใชในดนิ ประเภทซิลท สว นในดนิ เหนียวใชไ มไดผล
นาํ้ ทฉี่ ีดจะฉีดออกท่ปี ลายเสาเข็มโดย ใชท อขนาดเสนผา ศูนยก ลาง 2 ถึง 3 นวิ้ ตรงปลายมี
หวั ฉดี ขนาดเสน ผา ศูนยกลาง 1 -2 นว้ิ สําหรับเสาเข็ม ขนาด 10 ถงึ 14 นิ้ว (25 – 35 ซม.) จะใชป ริมาณนา้ํ 15
-60 ลิตรตอ วินาที (200 – 850 แกลลอน ตอนาที) สาํ หรบั Fine sand through sandy gravels ปม นํา้
จะตอ งมี
capacity ประมาณ 500 แกลลอน ตอ นาที ท่ีแรงดัน 100 – 300 ปอนด ตอ ตร.นิว้ การฉดี นํ้าจะตองหยุด เม่ือ
เขม็ จมลงไปยงั ตําแหนง ที่กําหนดไวโ ดยท่ัวไปควรเหลือระยะประมาณ 1.00 เมตร เพือ่ ใชวิธีตอกลงไป, เสา
เขม็ ตน ขางเคียง หากกระทบกระเทอื นจากการฉีดนา้ํ แลว เสาเขม็ ตนน้นั ๆ จะตอ งตอกซํ้าลงไปอกี
4.6 เสาเข็มเอียง
ในการตอกเสาเขม็ เอียงนัน้ ทว่ั ไปแลวจะตอกเอียง 1 : 12 ถงึ 5 : 12 ถาตอกเอยี งเกิน 3 : 12
(1:4) แลว จะตอ งใชเ คร่ืองมือตอกพิเศษ
การตอกเสาเข็มเอยี งนนั้ มีประโยชนส าํ หรับตา นแรงในแนวราบแตย ุงยากในดา นปฎิบตั ิ
4.7 เสาเขม็ รับแรงถอน
1. เสาเขม็ ทรี่ บั แรงถอนนัน้ เหลก็ หัวเสาเข็มจะตองโผลฝ งเขาไปในฐานรากอยางนอ ย
60 ซม.
2. Friction Piles ในดนิ เหนยี ว ทรายหรือกรวดคา แรงถอนท่ปี ลอดภัยจะมคี าเทากบั ครึ่งหนึง่
ของคาปลอดภยั ทเี่ สาเขม็ น้ันจะรับได
3. End – Bearing Piles คา แรงถอนโดยปลอดภัยคํานวณไดจากคา เนือ้ ทผี่ ิวสัมผัสรอบนอก
x หนว ย แรงเฉอื นของวัสดทุ ีเ่ สาเขม็
นั้นจมอยู สาํ หรบั ทรายแลวคา หนว ยแรงเฉอื นใหใชค า 250 ปอนด ตอ
ตร.ฟุต (1.2 t/m2)
- 11 -
4.8 เสาเข็มสนั้ Friction Piles ในกรุงเทพฯ
จากการทดสอบการรบั นํา้ หนักของเสาเขม็ สน้ั ค.ส.ล. ยาวประมาณ 10 เมตร ของเสาเขม็ รูป
ตา ง ๆ กนั 6 แบบ คือเสาเขม็ รูปสามเหลยี่ มดานเทา รปู ส่เี หลีย่ มจัตรุ ัส รปู ดเี อช รปู กลม รูปตวั วาย และรปู 8
เหล่ียม โดยวธิ กี าร Maintain Loading Test เพม่ิ นา้ํ หนักทุก ๆ 2 เมตริกตัน จนถึงจุด (Ultimate load) วบิ ตั ิ
และหลงั จากน้นั
ทําการ Quick Test อกี ครง่ึ หนง่ึ ไดผลสรปุ ดังนี้
1. เสาเข็มสนั้ ทกุ ตนจะถึงจุดวิบัตทิ นั ที่เม่ือคาความฝดดานขา งมีคาสงู สุด
2. คา การทรดุ ตัวของเสาเข็มส้นั ท่ีจุดวิบัติมคี า ประมาณ 4.4 -5.5 มม. (Maintain Loading
Test) เฉล่ียประมาณ 5 มม.
3. คา นาํ้ หนักปลอดภัยของเสาเข็มสัน้ ควรใชเ ทากบั คร่งึ หนึง่ ของคานา้ํ หนกั บรรทุกสงู สุดของ
เสาเขม็ (F.S =2)
4. ในการหาคานํ้าหนักบรรทกุ สงู สดุ ของเสาเขม็ อาจใชการทดลองแบบ Quick Test ได
เพราะใหผ ลใกลเ คียงกับ
Maintain Load test ถา หากวาคา การทรดุ ตวั ไมมีผลตอ โครงสรางมาก
5. ในการคดิ คนคาเสน รอบรูปของเสาข็ม ควรใชเสน รอบรปู ประสิทธผิ ล สําหรับเสาเข็มทีม่ ี
หนา ตดั เปน รปู เรขาคณิตงาย ๆ หรอื ทมี่ เี สนรอบรปู เรยี บสมํา่ เสมอตลอด อาทิเชน รปู สีเ่ หลีย่ ม แปดเหลีย่ ม วง
กลม สามเหล่ยี ม มีคา Reduction Factor = 1 เสาเข็มทม่ี หี นา ตัดไมใ ชรปู ทรงเรขาคณิตงา ย ๆ อาทเิ ชน รปู ตัว
ไอ รูปดเี ฮช และ รูปตวั วาย มคี า Reduction Factor = 0.86 ยกเวน เสาเขม็ รปู ตัววายมคี าเทากับ
1
6. เสนรอบรปู ประสิทธิผล Reduction Factor x เสนรอบรปู นอ ยสุด
4.9 Negative Skin Friction ของเสาเขม็
1. Negative Skin Friction คือแรงฉดุ ลง (Downward Drag) ทกี่ ระทาํ ตอเสาเข็มเน่ืองจากการ
เคลอ่ื นตวั สมั พทั ธระหวา งเสาเข็มและดนิ โดยรอบ ซึง่ มกั จะเกดิ ขนึ้ ในทท่ี ่ีดนิ เปน Compressible Soil ซึ่งไดแ ก
Soft to Medium Clay, Soft silt, Peat และ Mud หรอื ในทท่ี ด่ี นิ ถมใหม เม่ือดนิ เหลานน้ั เกดิ การยบุ ตัวจะเกิด
Negative Skin Friction ซงึ่ เปน การเพ่ิม Axial Load
แกเ สาเข็มทําใหเสาเขม็ ทรดุ ตวั มากขึน้
ทาํ ใหอ าหารเสยี หายได ระดับน้าํ ใตด นิ ทีล่ ดลง ก็ทําใหเกิด Negative skin Friction ไดเ ชนกนั
2. สาเหตุใหญท ีท่ าํ ใหเกิด Negative Skin Friction ก็คอื
- การทรุดตวั ของชั้นดนิ ถมใหมโดยรอบเสาเข็ม
- การทรุดตัวของดนิ เนอ่ื งจากดินถูกรบกวน (Disturbed)
- ระดบั น้าํ ใตด นิ ลดลง
3. การลดคา Negative Skin Friction บนเสาเขม็ คอนกรตี หลอสาํ เร็จหรอื เสาเข็มเหล็ก กลม
กลวง สามารถลดลงไดโ ดยการทําลาํ ตวั เสาเข็มสว นท่จี มอยใู
นดนิ ถมดวย soft Bitumen ซ่งึ ตอ งมีคุณสมบตั ิดัง
ตอ ไปน้ี
Penetration at 25 oC = 53 to 70 mm.
- 12 -
Soft Point (R and B) = 57oC to 63 oC
Penetration Index = Less than + 2
Bitumen จะตองทําใหร อ นทอ่ี ุณหภมู ิ 180oซ (Max) แลว พนหรอื เทลาดเสาเขม็ ความหนา
ของ Coating 10 มม. หรือ 3/8 น้ิว กอน Coating จะตอ งทาํ ความสะอาดผวิ หนาเสาเข็มและทาทับหนา (Prime)
ดว ย Shell Composites Bitumen Solvent Primer โดยใชแปลงทาหรือพน ในอตั ราประมาณ 2 กก. ตอ
10 ตร.เมตร
เมอ่ื ตอ งการใหไ ดรบั Full End – Bearing Resistance แลวปลายลา งสุดของเสาเขม็ ยาว
ประมาณ 10 เทา ของเสนผา ศูนยก ลาง หรอื ความกวา งของเสาเขม็ ไมต อ ง Coating ถา Coating ดว ยแลว จะทํา
ใหคา End – Bearing Resistance ลดลง
การใช Bitumen ดงั กลาว Coat เสาเขม็ หนา 1 ซม. นน้ั สามารถลด Negative Skin Friction
ไดม ากกวา 90%
4.10 เสาเข็มรับแรงในแนวราบ
1. ถา แรงรวมกระทาํ เอียงเปน มุมมากกวา 5 องศา แตไ มเกิน 15 องศา กบั แนวดงิ่ แลว จะตอ ง
ใชเสาเข็มเอยี งรบั แรงในแนวราบ
ถา มุมเอยี งไมเ กิน 5 องศา แลวควรใช Vertical Pile แตถ ามุมเอียงเกินกวา 15 องศา แลวควร
ใชเ สาเขม็ แบบ Dead Man
2. เม่ือไมมีการทดสอบ และไมค าํ นงึ ถึงประเภทเสาเขม็ หรือดนิ ทเี่ สาเขม็ ตอกแลว Vertical
Pile ยอมใหร ับแรงในแนวราบได 1,000 ปอนด (500 กก.)
3. Menulty (1956) ไดแ นะนําคาแรงในแนวราบท่ีเสาเขม็ Vertical Pile รบั ไดโ ดยปลอดภัย
ไวด งั น้ี
แรงทเี สาเข็ม Vertical Pile รบั ไดโ ดยปลอดภยั (ปอนด)
ประเภท ขนาดเสน
ของเสาเข็ม สภาพของ ผา ศนู ยก ลาง ทราย ทราย ดินแนน
เสาเข็ม ของเสาเข็ม หยาบ ละเอียด ปานกลาง
(นวิ้ )
ไม ปลายอสิ ระ 12 1,500 1,500 1,500 *
ปลายยดึ แนน* 12 5,000 4,500 4,000
คอนกรตี ปลายอสิ ระ 16 7,000 5,500 5,000 ปลายยึด
ปลายยดึ แนน * 16 7,000 5,500 5,000 แนน
หมายถึง
เสาเขม็ ทมี่ ีเหล็กหวั เสาเข็มฝงยึดในคอนกรีตฐานรากอยา งนอ ย 24 นวิ้ ฟตุ
(60 ซม.)
- 13 -
4. จากผลการทดสอบของ
vertical Pile ที่ Full Embedded นน้ั เสาเขม็ จะสามารถรบั แรงใน
แนวราบไดเพียง 1/10 ถงึ 1/5 ของความสามารถรบั น้ําหนกั ในแนวดิง่ ของมนั โดย Deflection ไมม ากกวา 1/2
นิ้วฟตุ (12.5 มม.)
4.11 นาํ้ หนักของลกู ตุมตอกสําหรบั เสาเข็ม ค.ส.ล. และเสาเขม็ คอนกรตี อดั แรง
1. นาํ้ หนกั มากสุดของลูกตุม ตอก (Milligan)
Wmax = 0.0764 A B
h
ในเม่ือ Wmax = นา้ํ หนกั มากสุดของลกู ตมุ ตอก , เมตรกิ ตนั
A = เนอื้ ท่ีหนักกวา งของเสาเข็ม , ตร.ซม.
B = หนากวางของเสาเขม็ ,
ซม.
h = ระยะตกของลูกตุมตอก , ซม.
2. นาํ้ หนักนอ ยสดุ ของลกู ตมุ ตอก (Humes)
ความยาวของเสาเข็ม Wmin
(เมตร) (เมตริกตัน)
15
15 - 18 P
3/4P
มากกวา 18 2/3P
P = น้ําหนักของเสาเข็ม
3. นา้ํ หนกั ของลกู ตมุ ตอกนน้ั ควรสัมพนั ธกบั นํ้าหนกั ของเสาเขม็ กลา วคือหนัก
1 - 2 เทา ของน้าํ หนักเสาเขม็
4. CP 2004 กาํ หนดไวว า นํ้าหนักของลกู ตมุ ตอกจะตอ งหนักพอทแี่ นใ จวา สามารถ
ตอกเสาเขม็ จมสดุ ทา ยไดป ระมาณ 2.5 มม. (1/10 น้วิ ฟุต)
ตอครั้ง และไมค วรจะหนักนอ ยกวา เสาเข็ม
Swedish Code กาํ หนดอยา งนอ ย 3 ตน แตนํ้าหนักตมุ ตอกอาจใช 2 ตนั ได ถาเสาเข็มยาวไม
เกนิ 10 เมตร และรบั นา้ํ หนักมากสดุ 45 ตัน สาํ หรบั เสาเขม็ ยาวใน Compact Material แลว ควรใชลูกตุมตอก
หนกั 4 ตนั
- 14 -
5. ระยะยกของลูกตมุ ตอก
สําหรับ Drop Hammer ระยะสงู ของการยกลกู ตุม ตอกควรยกตํา่ โดยเฉพาะอยางย่ิง
ในขณะเรม่ิ ตอกในระยะทีเ่ สาเขม็ จมงา ย ทัง้ นีเ้ พื่อปองกันหัวเสาเขม็ ชํา้ , โดยทัว่ ไปแลว จะยกลูกตมุ
ตอกสงู
ประมาณ 3 ฟุต (90 ซม.) และไมควรเกิน (2.40 เมตร) 8 ฟุต
4.12 สตู รทใี่ ชใ นการคํานวณหาการรบั นํา้ หนักของเสาเขม็ ตอก (Dynamics Pile Driving Formula)
. Engineering News Formula (แนะนําใหใช F.S. = 4)
Qu = S Wh
+ 2.54C
QU = Ultimate bearing capacity เปนตน
W = นาํ้ หนักของลกู ตุมเปนตน
h = ระยะยกลูกตมุ สงู จากหวั เสาเขม็ เปน ซม.
S = ระยะท่เี สาเข็มจมเปนเซน็ ตเิ มตร โดยคดิ เฉล่ียจากการ
ตอก 10 ครั้งสุดทาย
C = 0.9 สาํ หรบั ลูกตมุ ปลอ ย (drop hammer)
F.S. = Factor safety
. Hiley’s Formula* (แนะนําใหใ ช F.S. = 4)
Qu = eWhZ
S +C2
QU = Ultimate bearing capacity เปน ตัน
e = Efficiency factor = W + Pr 2
W+P
W= นาํ้ หนกั ของลกู ตุม เปน ตัน
P= นา้ํ หนักของเสาเข็มเปนตัน
r= Coefficient of restitution = 0.25
ในกรณที ่เี สาเขม็ คอนกรีตถูกตอกดว ยลูกตมุ ปลอ ยรอง
h= ดวยกระสอบ
Z= ระยะยกลกู ตมุ สงู จากหวั เสาเข็มเปน เซน็ ติเมตร
Equipment Loss Factor
= 1 สาํ หรับ Falling hammer
- 15 -
= 0.80 Drop hammer with Friction winch
S = ระยะที่เสาเขม็ จมเปน เซน็ ติเมตร โดยคิดเฉลีย่ จากการ
C
C1 = ตอก 10 คร้ังสุดทา ย
C2 = = Temporary Compression = C1+C2+C3
การยุบตัวของกระสอบรองหวั เสาเข็มหนา L2 (ม.)
= 1.8 Q uL 2 ซม.
A
การยุบตวั ของเสาเข็มคอนกรตี เสรมิ เหล็กทย่ี าว L (ม.)
= 0.72 Q uL 2 ซม.
A
. Janbu’s Formula ( แนะนําใหใช F.S. = 4)
Qu = Wh
KuS
Ku = Cd 1 + 1+
λ
Cd
Cd = 0.75 + 0.15 P
W
WhL
λ = AES 2
W= นาํ้ หนกั ของลูกตมุ เปนตัน
h= ระยะยกลูกตมุ สูงจากหวั เสาเข็มเปนเซน็ ตเิ มตร
P= นา้ํ หนกั ของเสาเข็มเปนตนั
A= เนอื้ ทีห่ นาตดั ของเสาเขม็ , เปน ตารางเซน็ ตเิ มตร
S= ระยะทเี่ สาเข็มจมเปนเซ็นตเิ มตร โดยคิดเฉลยี่ จากการตอก
10 ครง้ั สุดทาย
E= พกิ ดั ยืดเปนตนั /ซม2
L= ความยาวของเสาเข็มเปนเซ็นติเมตร
- 16 -
Load Bearing Capacity (แนะนาํ ใหใช F.S. = 5)
Qu = S + a
2ab
12
เมือ่ a = กาํ ลงั งานจากการตอกท่ีหวั เขม็ = eWh
e= 1 สําหรบั falling hammer
0.8 สาํ หรับ drop hammer with friction Winch
= L = พลังงานที่สูญเสยี ไปในตัวเสาเขม็
b= AE
นา้ํ หนักของลูกตุมเปนตัน
W= นา้ํ หนักของเสาเขม็ เปนตนั
P= ความยาวของเสาเขม็ เปน เซน็ ตเิ มตร.
L= เนอื้ ทหี่ นา ตัดของเสาเขม็ คอนกรตี เสริมเหล็กเปนตารางเซน็ ตเิ มตร
A= พกิ ดั ยืดเปนตนั /ซม.2
E= ระยะยกลกู ตุม สูงจากหวั เสาเขม็ เปนเซน็ ติเมตร
h= Ultimate bearing capacity
เปน ตน
Qu = ระยะท่ีเสาเขม็ จมเปนเซ็นตเิ มตร/ครง้ั โดยคิดเฉล่ยี จากการตอก
S= 10 ครั้งสดุ ทาย
. Gates formula ( แนะนําใหใช F.S = 3)
pu = a eh Eh (b − log s) Eh = kips ft or kN m
ab
PU = kips or kN
s
Fps in 27 1.0
SI mm 104.5 2.4
eh = 0.75 for drop and 0.85 for all other hammers
PU = Ultimate pile capacity
eh = hammer efficiency
Eh = manufacturer’s hammer – energy rating
S= ระยะทเ่ี สาเข็มจม (amount of point penetration per blow)
- 17 -
ฉ. Danish formula (แนะนาํ ใหใ ช F.S. = 3 ถึง 6)
Pu = eh Eh C1 = eh Eh L (units of s)
s + C1
2 AE
L= ความยาวของเสาเข็ม
4.13 การคาดคะเนความสามารถในการรับน้าํ หนักบรรทกุ ของเสาเข็มตอก สูตรทใี่ ชใ นการคํานวณหาการ
รบั นาํ้ หนกั ของเสาเขม็ ตอกนน้ั เปน สูตรทวี่ ิเคราะหเชิงสถติ อิ าจไมถ กู ตองตรงกับความเปน จริง ดังนั้น ผูใ ชส ตู ร
เหลา นใี้ นการคํานวณจึงควรมขี อพิจารณา ดงั น้ี
1. สตู รการตอกเสาเขม็ เพื่อใชป ระเมนิ คา วา เสาเขม็ ท่ตี อกน้นั จะสามารถรบั นํ้าหนกั บรรทุก
สงู สดุ ไดเ ทา ใดน้ัน มีอยูหลายสตู ร ซ่งึ ใหผ ลแตกตางกนั ออกไป ดังน้นั การเลอื กใชจ ะตอ งเลือกสตู รท่ีใหคา ถกู
ตอ งใกลเ คียงกับคา นํ้าหนกั จริงทีเ่ สาเขม็ ตน น้ันสามารถรับได
2. สตู รตา ง ๆ ท่ีตอกดวยเครือ่ งจักรนั้น จะใหค าผดิ ไปมาก หากดินเปน ดินเหนยี ว จงึ ไมค วร
ใชส ตู รเหลาน้ใี นสภาพดนิ ดงั กลาว นอกจากจะไดปรับแกแลว โดยผชู าํ นาญการ
3. สูตรตาง ๆ ทใี่ ชอ ยทู วั่ ไปนัน้ เปน สตู รสาํ หรับ End Bearing Pile จริง ๆ กลา วคอื ปลาย
เสาเขม็ หย่งั อยบู นชน้ั ลกู รังหรือช้ันหิน ดนิ ดาล หรือในสภาพท่ีเสาเขม็ ตอกไมลงจริง ๆ ในสภาพดังกลาวน้ี
สูตรของ Janbu จะใหผ ลดีทสี่ ดุ สวนสตู รของ Hiley ใหผ ลดี
4. จากผลการทดลองเสาเขม็ จํานวน 88 ตน ของ Michigan State Highway Commission
(1965) ไดแ สดงใหเหน็ วาสตู รของ Gate เหมาะสมมากสําหรับนา้ํ หนกั สงู สดุ ไมเกิน 400 Kips (ประมาณ
200 เมตรกิ ตนั ) Olson และ Flaate (1967) ไดท าํ การวเิ คราะหเ ชิงสถิติของเสาเขม็ จํานวน 93 ตัน สรุปไดว า
สตู รการตอกเสาเข็มทีเ่ หมาะสมทีจ่ ะใชไดแกสตู รของ Hiley, Janbu และ Gate
5. เนอื่ งจากชนั้ ดนิ ในกรงุ เทพฯ และบริเวณจงั หวดั ขา งเคียงไมเ หมาะสมทจี่ ะใชส ตู รการตอก
เขม็ เนอ่ื งจากใหค าตางมากจากความเปนจรงิ ท่ีเสาเข็มน้นั จะรับได คณะวิศวกรรมศาสตรจ ุฬาลงกรณ-
มหาวทิ ยาลยั ไดท ําการวิเคราะหสูตรการตอกเสาเข็ม โดยการหาวาสตู รใดจะใหค าใกลเ คียงกับนา้ํ หนักจริง
ทไ่ี ดจากการ load test จน failure ปรากฎวาทุกสตู รใหค าต่ํากวา ความเปน จริง ซึ่งสรปุ ไดดงั น้ี
- สาํ หรับเสาเขม็ รปู DH สตู รทใี่ หผลดคี อื สตู รของ Gate Hiley, Engineering News และ
So ซง่ึ สตู รของ Gate ใหคาใกลเคยี งท่สี ดุ คือตํา่ กวาความเปน จริง 1.63 เทา
- สาํ หรบั เสาเขม็ รปู สเี่ หล่ียมจตั รุ สั สตู รทใ่ี หผลดคี ือสูตรของ Janbu, Hiley, So และ
Modified Eng News ซึ่งสูตรของ Janbu ใหค า ใกลเคียงที่สดุ คอื ตาํ่ กวา ความเปนจริง 1.54 เทา
- สาํ หรบั เสาเข็มรปู ตวั ไอ แนะนาํ ใหใชส ูตรของ Gate
6. จากขอ มลู ดงั กลา วพอจะสรปุ ไดดงั น้ี
6.1 ในกรณีท่ีเสาเข็มตอกไมลงจริง ๆ หรือเปน End Bearing Pile จรงิ ๆ แลว สตู รท่ีควร
ใชค ือสูตรของ Janbu หรือสูตรของ Gate เมอ่ื นา้ํ หนกั สงู สุดไมเกนิ 200 เมตริกตัน
- 18 -
6.2 ในกรณที เ่ี สาเข็มตอกลงและตอกอยูในบรเิ วณกรงุ เทพฯ และจังหวดั ขางเคยี ง
ความยาวของเสาเขม็ ท่ตี อกลงไปประมาณ 20 เมตร จากผวิ ดินแลว ถา เปนเสาเขม็ รูป DH หรอื รปู ตัวไอ
ควรใชสูตรของ Gate ทไ่ี ดป รบั แกแ ลวโดยคณะวศิ วกรรมศาสตร ถาเปนเสาเข็มรูปสี่เหล่ยี มจัตรุ ัส ควรใชสตู ร
ของ Janbu ทไ่ี ดปรับแกแลว ซึง่ มสี ูตรดังน้ี
- Modified Gate Formula
( )Ru = Wr .h 44.6 log t s + 8.22
ใชส าํ หรบั เสาเข็มรูป DH หรอื รูปตวั ไอ
- Modified Janbu Formular
Ru = 2.14Wr .h
Ku.s + 1 ab
2
ใชส ําหรบั เสาเข็มรูปส่เี หลย่ี มจัตุรสั
ในเมือ่ RU = นาํ้ หนักพบิ ัตขิ องเสาเขม็ , เมตริกตนั
Wr = นาํ้ หนักของลูกตุมตอก, เมตริกตนั
h = ระยะของลกู ตมุ ตอก, เมตร
t = ดา นแคบของหนา ตัดเสาเข็ม, เมตร
s = ระยะจมเฉล่ียของเสาเข็ม, เมตรตอครั้ง
Ku = Cd 1 + 1+ λ
Cd
Cd = 0.75 + 0.15 WP
Wr
Wp = นา้ํ หนกั ของเสาเขม็ , เมตริกตัน
λ = Wr .h.L
A.E.s 2
E = Mod. Of E = 1.8 x 106 เมตริกตัน/ตร.ม.
L = ความยาวของเสาเข็ม, เมตร
a = e.Wr h : (e = 0.80)
b = L/A.E.
A = เนอ้ื ทหี่ นาตัดของเสาเขม็ , ตร.เมตร
7. สาํ หรบั เสาเข็มตอกในบรเิ วณกรงุ เทพฯ และจังหวดั ขางเคยี ง (ยกเวนจงั หวดั สมุทรปราการ
สมทุ รสาคร สมทุ รสงคราม และฉะเชงิ เทรา) นนั้ สามารถจะหาคา น้ําหนักพบิ ตั ทิ ่เี สาเข็มน้ันจะสามารถรับ
ไดโ ดยอาศยั ความเสียดทานของดินโดยรอบ เสาเข็มและแรงแบกทานตรงปลายเสาเขม็ ดร.ชัย มุกตพันธุ
- 19 -
ไดเ สนอสตู รดังกลา วนีไ้ ว (ดูรายละเอยี ดใน) ซึง่ จัดวาเปน ทีเ่ หมาะสมสตู รหนง่ึ เมอ่ื ไมใ ชส ตู รตอกเสาเข็ม
8. เสาเข็มท่ีตอกในดินเหนยี ว นน้ั คา Safe load อาจหาไดจากสูตรของ Faber’s Formula
( )Pa
= W. H −d 7 + a2 .As
20
F. 1 + 0.8H
n
ในเมื่อ Pa = Safe
load, KN. หรอื tons
W= น.น.ของลูกตมุ ตอก, KN. หรือ tons
H = ระยะของลกู ตุมตอก, มม. หรอื นวิ้
d = เสนผา นศูนยก ลางหรอื ดานของเสาเขม็ , มม. หรอื นวิ้
AS = เนอื้ ท่ขี องดานของเสาเข็มท่จี มในดนิ , ตร.ม. หรอื ตร.ฟุต
n= จาํ นวนคร้ังที่ตอกจมครั้งสุดทาย (ครัง้ ตอ มม. หรือตอ นว้ิ )
a2 = 1 เมื่อเปน Imperial unit
= 107.3 เมอ่ื เปน SI unit
F = สว นปลอดภัย (1.5 ถงึ 2.5)
4.14 ผลกระทบจากการตอกเสาเข็ม
ก. การตอกเสาเขม็ ในดนิ เหนียว (Cohesive Soil) เกดิ ผลกระทบดงั นี้
1) เกิดปรมิ าตรเสาเข็มแทนที่ (Pile Volume displacement) ทาํ ใหดินบริเวณพน้ื 2-5 เทาของ
เสน ผาศนู ยกลางของเสาเขม็ เสียรปู (remold) และ pore pressure มคี า เพม่ิ ขน้ึ และจะกลับคนื ประมาณ 30 วนั
คา Shear Strength และ Skin resistance ในบรเิ วณนีจ้ ะเพ่ิมข้นึ เนื่องจากผลของ Consolidation เมอ่ื pore
pressure ลดลง
2) เมอื่ เสาเขม็ ตอกผานช้ันกรวด ไปยงั ชน้ั ดินเหนียว เข็มจะพาเอากรวดเขาไปในดนิ เหนยี ว
ลกึ ประมาณ 20 เทาของเสนผา นศนู ยกลางเสาเขม็ ซงึ่ จะเพ่มิ คา Skin friction
3) เสาเขม็ เมอื่ ตอกผานชัน้ ดนิ เหนยี วแขง็ ทีอ่ ยดู านใตข องช้นั ดนิ เหนยี วยอย ช้นั ดินเหนียว
แขง็ จะแตกและดนิ เหนยี วยอยจะเขา ไปในรอยราว เน่อื งจากการตอกระหวา งเสาเขม็ ในความลึกประมาณ
20 เทา ของเสนผานศูนยก ลางเสาเข็ม ผลกระทบน้ไี มรา ยแรง เพราะดนิ อดั เขา ไปในรอยแตก ซง่ึ จะใหคา
adhesion สงู กวา ดินเหนยี วยอ ย ขางบน
4) เสาเขม็ ตอกในดินเหนียวแขง็ จะเกิดรอยแตกท่ีผวิ หนา และดา นขางของเสาเข็ม ลึก
ประมาณ 20 เทา ของเสน ผา นศูนยกลางเสาเข็ม ทาํ ใหค า adhesion ในชว งน้ีไมมี ปกติแลวในความลกึ 1.2-1.8
เมตร จากหัวเสาเข็มจะไมค ดิ คา Skin resistance capacity
- 20 -
5) เมอื่ ตอกเสาเขม็ ลงในดินเหนยี วโดยท่ัวไปจะทาํ ใหเ กิดการปดู ของผวิ ดิน (Heave) หรอื เกดิ
การแทนที่ การปดู ขน้ึ ของดนิ หากเปน plastic Soil แลว อาจสูงขึ้นเปนฟุตได การปดู ของดินนีอ้ าจจะทําใหเกดิ
การทรดุ ตวั ตดิ ตามมากไ็ ด หลังจากตอกเสาเข็มเสรจ็ แลว เสาเขม็
ท่ีถูกยกตัวลอยขน้ึ เพราะการปดู ของดนิ จะ
ตอ งตอกยาํ้ ลงไป และเพือ่ เปนการปองกันการปดู ของดินการตอกเสาเขม็ ควรเริ่มตอกบรเิ วณกึ่งกลางออกไป
ยงั รมิ บริเวณกอ สรา ง
ในประเทศไทยผลการตอกเสาเขม็ ในชน้ั ดนิ เหนียวบริเวณกรุงเทพ จะเกิดผลกระทบพอสรปุ
ไดดังนี้
1) การสน่ั สะเทือนของการตอกเขม็ ทาํ ใหกาํ ลงั ของดินเสียไปประมาณ 28% ของ
Undisturbed Strength ซงึ่ วดั โดย field vane test
2) ระยะที่กระทบกระเทือนตอ Undrain Shear Strength นน้ั หางจากผิวเสาเขม็
โดยประมาณ
เทา กับระยะเสนผานศูนยก ลางของเสาเข็ม
3) กาํ ลงั ของดนิ ทเ่ี สยี ไปจะกลบั คนื มา หลังจากการตอกเสาเข็มแลว 14 วนั
4) Induced pore pressure จะมคี า สงู สุดภายในบรเิ วณ local Shear failure Zone
5) โดยสวนใหญแ ลว excess pore pressure จะกระจายออกไปหมดภายใน 1 เดือน หลงั จาก
ทต่ี อกเข็มแลว
(ข) การตอกเสาเข็มในทราย
การตอกเสาเข็มในทรายแลว จะเกิดผลตาง ๆ ดงั นี้
1) การทรุดตัวลง (Subsidence) แรงสนั่ สะเทอื นจากการตอกเสาเขม็ ในบรเิ วณท่ีเปน ดนิ
ทรายหลวม
ๆ จะทาํ ใหท รายเกดิ การแนนตัว ทาํ ใหบ ริเวณขางเคยี งเกิดการทรดุ ตวั ลง สงิ่ กอสรา งในบรเิ วณ
นน้ั จะเสยี หาย ในทรายละเอยี ด หรือ Silt ท่ี saturated แรงสะเทอื นอาจจะทาํ ใหเกดิ การทรุดตวั เสียหายอยาง
มากมายได
2) การแนนตัว (Compaction) เมอ่ื ตอกเสาเข็มเดยี่ วใน loose Sand (relative density Dr =
17%) ทรายทอี่ ยหู างจากดา นขา งของเสาเข็ม ประมาณ 3 ถงึ 3 เทา ขนาดเสนผานศนู ยกลางของเสาเข็ม และ
ระยะหา งใตปลายเสาเขม็ ประมาณ 2.5 – 3.5 เทา ของเสนผา นศูนยก
ลางของเสาเข็มจะแนน ตวั ใน medium
dense Sand (Dr = 3.5%) ทรายท่อี ยหู างจากดานขา งของเสาเขม็ ประมาณ 4.5 – 5.5 เทา ของเสนผานศนู ยก ลาง
เสาเขม็ และระยะหา งใตป ลายเสาเขม็ ประมาณ 3.0 - 4.5 เทา ของเสน ผานศูนยก ลางของเสาเข็มจะแนน ตวั
เนอ่ื งจากเสาเขม็ จมแทนทลี่ งไป เม่ือตอกเสาเข็มกลมุ ใน loose Sand ทรายรอบ ๆ และระหวางเสาเข็มจะแนน
ตวั มาก ถา ระยะหางของเสาเข็มหา งไมมาก (นอ ยกวาประมาณ 6 เทาขนาดเสน ผา นศูนยกลางเสาเข็ม)
คา Ultimate load capacity
ของกลุมเข็มจะตองมีคามากกวาผลรวมของเสาเขม็ แตล ะตนรับได (i.e efficiency
ของกลมุ เข็มจะตองมีคามากกวา 1) แตถา ตอกใน dense Sand แลว การตอกจะทําใหท รายหลวมตวั มากกวา
แนน ตวั ขนึ้ group efficiency อาจมคี านอ ยกวา 1
- 21 -
5. เสาเขม็ กลมุ
เม่อื ตอกเสาเข็มเปน กลุมแลว ความสามารถในการรบั นํา้ หนักของเสาเข็มแตล ะตนจะลดลง
ทง้ั นเี้ น่ืองจาก Stress overlap กนั หากจะไมให Stress overlap กนั แลว จะตอ งตอกเสาเขม็ แตละตน หางกนั มาก
ซง่ึ ในทางปฎิบตั ิไมกระทาํ กัน เพราะ Pile cap จะโตทําใหคา กอ สรา งสงู ดังนน้ั เมือ่ มีการตอกเสาเขม็ มีระยะ
หา งตามท่ไี ดกาํ หนดไวขางบนแลว จะตองทําการ check effect ของกลมุ ดว ย เวนแตป ลายเสาเขม็ หยัง่ อยูบ นช้นั
หนิ
การลดกาํ ลังการรับนาํ้ หนกั ของเสาเขม็ นั้นหาไดจากสูตรตาง ๆ ดังตอ ไปน้ี
1) Converse Labarre Method
E = 1 + φ (n −1)m + (m − 1)n
90m.n
ในเมอ่ื E = ประสิทธภิ าพของเสาเขม็ แตละตน ในกลมุ เขม็
m = จาํ นวนแถวของกลมุ เข็ม
n = จาํ นวนเขม็ ในแตล ะแถว
ø = d/s มคี าเปนองศา
d = ขนาดเสน ผาศูนยก ลางของเสาเข็ม
s = ระยะหางของศนู ยกลางของเสาเขม็
คา E นอ้ี าจหาโดยตรงจาก กราฟ
2) Feld Method วธิ นี ล้ี ดกาํ ลังของเสาเขม็ ลง 1/16 ของเข็มเด่ยี วตอ จํานวนเสน ทล่ี ากจากเข็ม
ตน หนึ่งไปยงั เขม็ ใกลเ คยี งในกลุม ซง่ึ มีผลสรุปดังนี้
จาํ นวนสาเขม็
(ตน ) 2 3 4 5 6 9
E
(%) 94 87 82 80 77 72
- 22 -
3) Keriselos Method
ระยะหา งระหวา
งศนู ยกลางองเสาเขม็ E
คดิ เปนจาํ นวนเทา ของเสนผาศนู ยก ลาง 1.0
0.95
10 0.90
8 0.85
6 0.75
5 0.65
4 0.55
3
2.5
4) Sowers ไดก าํ หนดระยะหา งของเสาเขม็ ยาวใน clay และ Group Efficiency ไวดงั น้ี
ระยะหาง So = 1.1 + 0.4n0.4
E = 0.5 + (n 0.4
− )0.9 0.1
ในเมือ่ n จาํ นวนเขม็ ทั้งหมด
ปกติแลวใน Clay ระยะหา งของเสาเข็มศูนยถ งึ ศูนยประมาณ 2 – 3 เทา ของขนาดเสน ผา
ศนู ยก ลางของเสาเข็มสว นใน Cohesionless Soil จะหา ง
2.5 – 4 เทา
3. ความสามารถในการรับนํ้าหนกั ของกลุมเขม็ จะมคี าเทากบั จํานวนเสาเข็มท้งั หมด x
นา้ํ หนกั ท่ีเสาเข็มแตละตนรับได x E
- 23 -
6. คาํ นวณน้ําหนกั บรรทุกจากคุณสมบัติของดนิ ( Static pile formula )
6.1 เสาเข็มทล่ี อยอยใู นชน้ั ดินออ น ( Friction Pile )
การคาํ นวณเพ่อื หานาํ้ หนักบรรทุก ควรคาํ นวณเปรียบเทียบระหวา งแรงเสยี ดทานที่ผวิ ของเสาเข็มแตรวมกนั
กบั แรงตานของเสาเขม็ กลุม ( Pile group ) คา ใดนอ ยกวาใหถ ือคานน้ั เปนแรงตา นทเ่ี สาเข็มชดุ น้ันสามารถรับน้ํา
หนกั ได ทง้ั นข้ี นึ้ อยกู ับระยะหางของเสาเข็ม การคาํ นวณคาทั้งสองเปนดงั ตอ ไปน้ี .-
. แรงเสียดทานทผี่ วิ ของเสาเขม็ แตละตน รวมกนั = n. AP. Ca ……. ( 2 ) (แรงเสียดทานสูงสดุ )
เมอ่ื n = จาํ นวนเสาเขม็ ในกลมุ
Ap = พนื้ ท่ีผวิ สว นท่ีฝง อยูในดนิ ของเสาเข็ม 1 ตน
Ca =
adhesion ระหวา งดนิ กับเสาเขม็ = oc c. (เสาเข็มคอนกรีต คา ca
มคี าประมาณรอยละ 90 ของ คา cohesion ของดนิ , สว นเสาเขม็ เหลก็
คดิ ประมาณรอ ยละ 80 ของ cohesion ของดินในชวงท่เี ปนดินออน
หรือจะดคู า adhesion factor ของเสาเข็มคอนกรีตไดจาก curve ใน
รปู ท่ี 4 ) สว นปลอดภัยใหใช ≥ 8
α = adhesion factor
ข. แรงตา น (สูงสดุ ) ของเสาเข็มกลมุ = c.L.P. + N c. c. Ag …….( 8 )
เมื่อ c = แรงเฉือน ( shear strength ) หรอื แรงเกาะกันของดิน ( cohesion )
ไดจ ากการเจาะสาํ รวจเปนตัน/ม
L = ความยาวของสวนที่ฝง ในดินของเสาเข็ม ( รวมความหนาของฐาน
รากดว ย
p = เสน รอบรูปของกลมุ เสาเข็ม = 2 ( F + B )
- 24 -
Undrained Shear Strength , c, tons / m.2 Ca = ∝ C
รูปท่ี 1. Adhesion Factors for Clays
Ag = - 25 -
Nc′ =
พ้ืนที่ของกลมุ เสาเขม็ ( = F.B. )
คา สมั ประสิทธกิ ารรับน้าํ หนัก ดไู ดจ ากตารางท่ี 2.
สว นปลอดภัยควรใชไ มน อ ยกวา 3
ตารางท่ี 1
D/B N c′ กลมุ เขม็ สเี่ หลีย่ มผนื ผา
กลุมเข็มกลมหรอื สเี่ หลีย่ มจตุรัส
1 7.8 6.4
2 8.4 7
3 8.8 7.8
4 8.9 7.5
5 8.9 7.5
F = ความยาวของหนาตดั , B = ความกวา
งของหนาตัด,
D = ความลกึ ของปลายเข็มจากผวิ ดิน
- 26 -
ตวั อยา งการคาํ นวณ 1
จงหา น.น. บรรทกุ ทุกสวนปลอดภยั ของเข็มกลุมบนดินออ น โดยกาํ หนดให
L = ความยาวของเสาเข็ม 8.0 ม.
D = เสน ผาศนู ยกลางของเสาเข็ม 80 ซม.
qu = Unconfined Compressive Strength 5.0 ตัน / ม.2
n = จาํ นวนเข็ม = 12 ตน
F = 1.8 ม.
B = 2.7 ม.
( 1 ) สาํ หรับเขม็ เด่ียว
แรงเสยี ดทานรวม = n. Ap . ca
=
qu = n. Ap . ∝ c
c = 5 ตัน / ม2
2.5 ตนั / ม2
จากรูปท่ี
4 ∝= 0.85
N= 12
Ap = (π )(D)(L)
= ( 3.14 ) ( 0.30 ) ( 8.0 )
= 7.536 ม2
ca = 0.85 x 2.5
= 2.125 ตนั / ม2
∴ แรงเสียดทานรวม = ( 12 ) ( 7.536 ) ( 2.125 )
= 192.2 ตัน
ใช F.S = 3.0
∴ Allowable load = 192.2 = 64.1 ตัน
3
2. สําหรับเขม็ กลุม
แรงตา นของเสาเข็มกลมุ = cLp + Nc′c.Ag
c = 2.5 ตนั / ม2
L = 8.0 ม.
P = 2 ( 1.8 + 2.7 ) = 9.0
- 27 -
Ag = 1.8 x 2.7 = 4.86 ม2
D/B = 4.4 , Nc′ = 7.5
∴ แรงตานทานของเสาเข็มกลมุ 2.5 x 8 x 9 x 7.5 x 2.5 x 4.86
= 271 ตนั
ใช F.S =3
Allowable load on pile group = 271
3
= 90.3 ตนั
∴ Allowable load on pile group
= 64.1 ตัน
6.2 สาํ หรบั เสาเข็มทปี่ ลายจมอยูในดินแข็ง
สาํ หรบั เสาเข็มท่อี ยูในบรเิ วณทม่ี ีชั้นดนิ ออ นอยเู หนือดนิ แข็ง ซึง่ เปน ลกั ษณะชัน้ ดินคลา ยกบั บริเวณ
ลมุ แมน า้ํ เจาพระยาตอนลาง ถา ปลายของเสาเข็มผานทะลชุ ้ันดินออ นลง ไปจมอยใู นช้นั ดนิ แขง็ ในการคาํ นวณ
หาคา นาํ้ หนักบรรทกุ ของเสาเข็มมกั จะไมคิดแรงตา นทผ่ี ิวในสวนของเสาเข็มท่จี มอยใู นดินออ น ทง้ั น้เี พราะหลงั
จากทต่ี อกเสาเขม็ ทะลชุ ั้นดินออ นลงไปนน้ั ในระยะแรกที่ดินออ นรับนํ้าหนักจะเกดิ การยุบตวั เนอื่ งจากขบวน
การ Consolidation ไดม าก ระหวา งทีเ่ กิดการยุบตัวนน้ี ้าํ หนกั บรรทกุ สว นทรี่ ับโดยดนิ ออ นจะถูกถา ยไปยังสว นท่ี
เปน ดนิ แขง็ เสยี สว นใหญ ฉะนัน้ สําหรับเสาเข็มทป่ี ลายจมอยใู นช้ันดนิ แขง็ โดยมสี ว น 20 บนเปนดนิ ออน จงึ มัก
จะคดิ คา นาํ้ หนักบรรทุกของเสาเขม็ จากแรงตา นทีป่ ลายเสาเขม็ แรงตา นท่ีวาของสวนที่จมอยใู นดินแขง็ เทาน้นั
หรือ Ultimate Bearing Load = Ultimate End Bearing
FSo
+ Skin Friction Capacity - น.น. ของเสาเข็ม
เม่ือ Ultimate End Bearing ( Q b ) เปนคาทห่ี าไดจากขอ ก.
Skin Friction Capacity ( Q f ) เปนคา ทห่ี าไดจ ากขอ ข.
และ FSo คอื สว นปลอดภัยอันเนื่องจากการสญู เสยี กาํ ลังของแรงตานท่ีปลายและทรี่ อบ ๆ เสาเข็มไมพรอมกัน
(สาํ หรบั บรเิ วณกรงุ เทพฯ ขอแนะนาํ ใหใ ชค าประมาณ 3 )
ก. Ultimate End Bearing of a Single Pile
จาก Terzaghi’s Equation
qb = 1.2cNc + γDNq + 0.4BγNγ ………. (4)
เมื่อ qb Ultimate End Bearing Capacity ตนั / ม.2
c = แรงเฉอื นของดนิ
ϒ = Effective Unit Weight ของดินรอบเสาเขม็ ตัน/ ม.3
D = ความลึกของปลายลา งของเสาเขม็ ม.
- 28 - ม.
B = สว นที่แคบที่สดุ ของหนา ตดั เสาเขม็
สาํ หรับ Clay φ = 0, NC = 5.7 , Nq = 1, N ϒ = 0
จาก Equation (4) จะได
qb = 7.4c + γD
แตสาํ หรบั เสาเขม็ ท่ีมี DB 〉25
∴จะได qb = 9c + γD ( Terzaghi )
ในกรณีทีไ่ มสามารถหาคา จากผลการทดลองในหองทดลองได ก็อาจจะใชผลการทํา standard
penetration test ในสนามมาหาคา c โดยอาศยั ความสัมพนั ธที่แสดงไวใ นรปู ที่ 6. กจ็ ะไดคา c โดยประมาณซึ่ง
ไมถกู ตอ งมากนกั
สําหรบั ทราย C = 0
qb = γDN q + 0.4BγNγ
เมื่อ Nq, Nϒ = Bearing Capacity Factor ดไู ดจากกรา ฟ รูปที่ 7.
ข. Skin Friction Capacity
q f = ca D + KsγD2 tan δ ………..( 5 ) ตน /
ม.
ตน / ม.2
qf = Ultimate Skin Friction Capacity,
Ca = Adhesion ระหวางดินกับเสาเขม็
= ∝c
∝ = Adhesion Factor ดจู ากกราฟรปู ท่ี 4
δ = Angle of Friction ระหวา งดนิ กบั ผิวเสาเข็มเปน องศา
∼ 3 φ
4
Ks = Coefficient of Earth pressure
ซง่ึ มีคาดงั ตอ ไปนี้ . -
N’ Ks
0– 4 0.5
4 – 10 0.6
10 – 30 0.7
30 – 50 0.8
- 29 -
รูปท่ี 6
PENETRATION RESISTANCE
VS. UNCONFINED STRENGTH OF CLAY
- 30 -
กราฟหาคา N q Nr
รปู ที่ 7 Corelation of Standard Penetration with Bearing Capacity Factors and Angle of Shearing
Resistance ( Peck , Hanson, Thornburn 1953 )
เมือ่ N ′ = adjusted number of blow
= 15 + 1 (N − 15)
2
N = observed number of blow
- 31 -
Skin Friction For Clay
φ =0
จาก Equation (5) q f = αeD
Skin Friction For Sand
C= 0
Equation (5) จะกลายเปน
qf = K sγD 2 tan 3 φ
4
ตวั อยา งการคํานวณ
2 เมอื่ ปลายลางของเสาเขม็ จมอยูใ นชน้ั ดนิ แข็ง กาํ หนดขอ มูลตา ง ๆ ดังรปู จงคํานวณหา
น.น. บรรทุกสวนปลอดภยั ( allowable load ) ของเสาเขม็ น้ี
- 32 -
จาก Qu + น.น. ของเสาเขม็ = Fb + Ff …………… (a)
FS 0
น.น. ของเสาเข็ม = 0.30 x 0.30 x 2400 x 20
= 4320 Kg.
Fb = qb x Ab
qb = 9c + ϒ D
= 9 x 20 + ( 0.5 x 14 x 0.6 x 5 + 08. x 1.0 )
190.8 ตัน / ม2
Ab = 0.30 x 0.30 = 0.09 ม2
∴ Fb = 190.8 x 0.09
= 17.1 ตนั
Ff = Qf x As
=
∝1c1D1As+ ∝2c2D2As= As(∝1c1D1+ ∝2c2D2 )
As = 0.30 x 4 = 1.20 ม2 / ม.
∝1c1D1
= 0.4 x 12 x 5.0
= 24
∝2c2D2 = 0.30 x 20 x 1.0
= 7.6
∴ Ff = 1.2 ( 24 + 7.6 )
= 37.9
∴ แทนคา ใน (a ) โดยใช FSo = 3
Qu + 4.3 = 17.1 + 37.9
3
= 43.6 ตัน
Qu = 43.6 – 4.3
= 39.3
ใชค าสวนปลอดภัย = 2.5
Qa = 39.3 = 15.72 ตนั / เสาเขม็ หน่งึ ตน
2.5
- 33 -
ตวั อยา งการคํานวณ 3 เมอ่ื ปลายลางของเสาเขม็ จมอยใู นชน้ั ทราย กาํ
หนดขอมูลตาง ๆ ดงั รปู จงคํานวณหานา้ํ
หนกั บรรทกุ สว นปลอดภัย ( allowable load ) ของเสาเข็มน้ี
จาก Qu + น.น. เสาเขม็ = Fb + Ff ………….(b)
FS 0
Qu = ?
น.น.เสาเข็ม = 4.3 ตนั
Fb = qb x Ab
qb = γDN q + 0.4BγNγ
ϒD = 0.5 x 14 + 0.6 x 5 + 1.0 x 1
= 11 ตนั / ม2
- 34 -
0.4 Bϒ Nϒ = 0.4 x 0.30 x 1.0 x 46
= 5.52 ตัน / ม2
qb = γDN q + 0.4BγNγ
= 11 x 43 + 5.52
= 478.5 ตัน / ม2
Fb = 478.5 x 0.09
= 43.1 ตัน
Ff = Ff1 + Ff2
Ff 1 = Friction เน่อื งจาก very stiff clay
= Q f1 × As
q f1 = αCD1
= 0.4 x 12 x 5.0
= 24.0 ตนั / ม.
Ff 1 = 24 x 1.20 = 28.8 ตนั
Ff 2 = Friction เนอ่ื งจากชั้นทราย 1.0 ม.
= qf 2 x A s
qf 2 = KS γDD1 + 1 γD12 tan 3 φ
2 4
= 0.7 ( 10.0 + ½ x 1.0 x ( 1.0 ) 2 tan ¾ x 36°
= 0.7 ( 10.0 + 0.5 ) tan 27°
= 7.35 x tan 27°
= 3.75
Ff 2 = 3.75 x 1.20
= 4.50 ตัน
Ff = Ff 1 +
Ff 2
= 28.8 + 4.50
= 33.3 ตนั
แทนคา ใน ( b ) โดยใช FSo = 3
Qu + น.น.เสาเขม็ =
Fb + Ff
3
Qu + 4.3 = 43.1 + 33.3
3
= 47.7 ตนั
Qu - 35 -
ใชคาสว นปลอดภยั
= 47.7 - 4.3 = 43.4 ตนั
Qu = 2.5
= 43.4 = 17.35 ตัน
2.5
6.3 นํา้ หนักบรรทกุ ของเสาเขม็ Dutch Cone Penetration Test
เปน การหานาํ้ หนกั บรรทุกของเสาเข็ม จากคณุ สมบตั ขิ องดินอกี วธิ ีหนึ่ง แตค ุณสมบัติของดนิ
ทใี่ ชก บั วธิ นี ตี้ องหาไดม าจากการทดสอบจากการกดหัว dutch cone ในดนิ ตามวิธีการทีจ่ ะกลา วตอไปในหัว
ขอ นี้ ผลทไี่ ดจ ะเปนหนวยแรงยดื และหนว ยแรงบรรทกุ ทว่ี ัดไดกส็ ามารถนาํ มาคาํ นวณหานํา้ หนักบรรทกุ ของ
เสาเขม็ ไดดังตอไปนี้
n ……..(6)
=α∑
( )Qu + λQca A − W
Q fi ∆Li P
i =1
เม่อื Qu = นา้ํ หนักบรรทกุ สงู สุดของเสาเขม็
Qfi = หนว ยแรงยดื ที่วดั ได ณ. ตาํ แหนงใด ๆ
Qca = หนว ยแรงบรรทุกเฉลยี่ โดยหาคาเฉลี่ยของหนวย
แรงบรรทุกท่ีระดบั 4d เหนอื ปลายเสาเขม็ กบั ที่
ระยะ d ใตป ลายเสาเขม็ ( d = เสนผานศูนยกลาง
หรอื สว นกวางนอ ยทสี่ ุดของหนา ตัดเสาเขม็ )
•Li = สว นของความยาวเสาเขม็
P= เสนรอบรูปของเสาเข็ม
A = พน้ื ที่หนาตัดของเสาเขม็
W = นาํ้ หนกั ของเสาเข็ม
และ ∝, λ = สมั ประสิทธ์แิ รงยืดและแรงบรรทกุ ตามลาํ ดบั มคี า ที่
พอจะแนะนาํ ไดด งั ตารางที่ 3 ( คา เหลา นอ้ี าจเปลยี่ น
แปลงไดต ามสภาพของดินท่ีแตกตา งไป )
ทม่ี า การคาํ นวณเสาเข็มของ วสท.
-36-
7. ตัวอยางในการคํานวณ เสาเขม็ คอนกรีตอดั แรง
7.1 ตัวอยา งในการคํานวณ เสาเข็มคอนกรีตอัดแรงรูปตัว I
Design of prestress concre I PILE
1. PILE SECTION PROPERTIES
X4 X5 X4 SIZE OF PILE = 18.000 CM.
LENGTH = 14.00 M.
= 3.00 CM.
X1 X1 = 2.00 CM.
X2 = 8.00 CM.
= 6.00 CM.
X2 X3 = 6.00 CM.
X4 =
= 204.00 CM^2
X3 X5 = 89.30 CM.
Ag = 48.96 KG/M
PERIMETER =
= 205.36 KG-(2 POINT PIC
X2 DEAD LAOD 30.00 %
MIN MOMENT
266.97
KG-M
X1 IMPACT LOAD
MAX MOMENT
MOMENT OF INERTIA Ix = 7,708.00 CM^4
SECTION MODULUS(TOP) Zt = 856.44 CM^3
SECTION MODULUS(BOT) Zb = 856.44 CM^3
2. DESIGN CRITERIA
1. fc' = 0.8fc' = 400.00 KSC.
2. fci' = 0.6fci' = 320.00 KSC.
3. fci = -0.8 SQR fci' = 192.00 KSC.
4. fti = 0.45fc' = -14.31 KSC.
5. fca = 0.33fc' = 180.00 KSC. (BENDING)
= -1.59 SQR fc' = 132.00 KSC. (BEARING)
6. fta = -1.99 SQR fc' = -31.80 KSC.
7. fr = -39.80 KSC.
3. P.C. WIRE OR STRAND
TYPE OF P.C. WIRE OR STRAND P.C.WIRE
DIAMETER OF P.C.WIRE OR STRAND
CROSSECTIONAL AREA ( a ) = 5.000 m.m.
fs'
fsi = 70% OF fs' = 0.1964 CM^2
Fi/Wire = fsi*a
Fe/Wire ( LOSS 20% ) = 18,000.00 KSC.
NO. OF P.C. WIRE OR STRAND
PERCENTAGE OF STEEL ( Pg ) = 12,600.00 KSC.
= 2474.64 KG.
= 1,979.71 KG.
= 8.00
= 0.7702
4. CHECK STRESS
Fe/Ag =EFFECTIVE PRESTRESS = 77.64 KSC.
Mmax/Zt = 31.17 KSC.
Mmax/Zb = 31.17
KSC.
Mmin/Zt = 23.98 KSC.
Mmin/Zb = 23.98 KSC.
4.1 Fe/Ag+Mmax/Zt ( pc ) = 108.81 KSC.
IF pc IS LESS THAN fca = 180 KSC.
(CONDITION A) O.K.
4.2 Fe/Ag-Mmax/Zb ( pt )
= 46.46 KSC.
IF pt IS MORE THAN fta = -31.80 KSC.
(CONDITION B) O.K.
4.3 Fi/Ag+Mmin/Zt ( pci ) = 121.02 KSC.
= 192 KSC.
IF pci IS LESS THAN fci
(CONDITION C) O.K.
4.4 Fi/Ag-Mmin/Zb ( pti ) = 73.07 KSC.
= -14.31 KSC.
IF pti IS MORE THAN fti
(CONDITION D) O.K.
5. CONCLUSION OF CONDITION
CONDITION A O.K.
CONDITION B O.K.
CONDITION C O.K.
CONDITION D O.K.
6. CRACKING MOMENT
Mcr =(Fe/Ag-fr)*Zb = 1,005.77 KG-M
7. ALLOWABLE CONCENTRIC LOAD
Na = (0.33fc'-0.27Fe/Ag)Ag
= 22,651.82 K.G.
= 22.65 TONS
8. ALLOWABLE LOAD AT DRIVING
Ncr = (3.1416^2*Ec*I)/L^2
Ec = 4270*W^1.5* SQR fc'
= 327,496.75 KSC.
Ix = 7,708.00 CM^4
Ncr = 12,711.43 K.G.
= 12.71 TONS
9. ULTIMATE DESIGN
As = 0.7856 CM^2
b=d = 18.000 CM
= 2.200 CM
d' = 15.800 CM
dp = d - d' = 0.0028
p = As/bdp = 18,000.00 KSC.
= 400 KSC.
fs' = 16,881.27 KSC.
fc' = 0.12 (UNDERREINFORCED)
fsu fs'(1-0.5pfs'/fc') = 0.9*{As*fsu*dp(1-0.59q)}
q = pfsu/fc' = 1,756.13 KG-M
Mu = 1,005.77 KG-M
= 1.75
CRACKING MOMENT
F.S.
RECOMMEND
1 TO ECONOMIZE AND CONTROL CRACKING pt SHOULD BE NEARLY 0
2 EFFECTIVE PRESTRESS SHOULD BE LESS TH = 80 KSC.
3 SUITABLE EFF.PRESTRESS FOR <12 METERS LONG = 20 KSC.
4 SUITABLE EFF.PRESTRESS FOR 13-21 METERS LONG = 30 KSC.
5 SUITABLE EFF.PRESTRESS FOR >21 METERS LONG = 40 KSC.
-38-
7.2 ตัวอยางในการคาํ นวณเสาเขม็ คอนกรีตอดั แรงรูปสเี่ หล่ียม
DESIGN OF P.C. SQUARE PILE
1. PILE SECTION PROPERTIES
DIMENTION = 40.00 CM.
= 13.50 M.
LENGTH = 392.00 KG/M
= 1,528.86 KG-M
DEAD LOAD OF PILE = 30.00 %
= 1,987.52 KG-M
MINIMUM MOMENT(TWO POINT
PICK) = 1,600.00 CM^2
= 10,666.67 CM^3
PROVIDE IMPACT LOAD = 10,666.67 CM^3
MAXIMUM MOMENT
CROSSECTION AREA Ag
SECTION MODULUS( Zt
SECTION MODULUS( Zb
2. DESIGN CRITERIA
1. fc' = 400.00 KSC.
2. fci' = 0.8fc' = 320.00 KSC.
3. fci = 0.6fci' = 192.00 KSC.
4. fti = -0.8 SQR fci' = -14.31 KSC.
5. fca = 0.45fc' = 180.00 KSC. (BENDING)
= 132.00 KSC. (BEARING)
= 0.33fc' = -31.80 KSC.
6. fta = -1.59 SQR fc' = -39.80 KSC.
7. fr = -1.99
SQR fc'
3. P.C. WIRE OR STRAND
TYPE OF P.C. WIRE OR STRAND STRAND GRADE 250K
DIAMETER OF P.C.WIRE OR STRAND
CROSSECTIONAL AREA ( a ) = 0.375 inch
fs'
fsi = 70% OF fs' = 0.5175 CM^2
Fi/Wire = fsi*a
Fe/Wire ( LOSS 20% ) = 18,300.00 KSC.
NO. OF P.C. WIRE OR STRAND
PERCENTAGE OF ST ( Pg ) = 12,810.00 KSC.
= 6629.175 KG.
= 5,303.34 KG.
= 8.00
= 0.2588
4. CHECK STRESS = 26.52 KSC.
Fe/Ag EFFECTIVE PRESTRESS = 18.63 KSC.
Mmax/Zt = 18.63 KSC.
Mmax/Zb = 14.33 KSC.
Mmin/Zt = 14.33 KSC.
Mmin/Zb
4.1 Fe/Ag+Mmax/Zt ( pc ) = 45.15 KSC.
IF pc IS LESS THAN fca
= 180 KSC.
4.2 Fe/Ag-Mmax/Zb ( pt )
IF pt IS MORE THAN fta (CONDITION A) O.K.
= 7.88 KSC.
= -31.80 KSC.
(CONDITION B) O.K.
4.3 Fi/Ag+Mmin/Zt ( pci ) = 47.48 KSC.
IF pci IS LESS THAN fci
= 192 KSC.
4.4 Fi/Ag-Mmin/Zb ( pti )
IF pti IS MORE THAN fti (CONDITION C) O.K.
= 18.81 KSC.
= -14.31 KSC.
(CONDITION D) O.K.
5. CONCLUSION OF CONDITION O.K.
O.K.
CONDITION A O.K.
CONDITION B O.K.
CONDITION C
CONDITION D = 7,073.78 KG-M
6. CRACKING MOMENT = (0.33fc'-0.27Fe/Ag)Ag
= 199,744.79 K.G.
Mcr =(Fe/Ag-fr)*Zb = 199.74 TONS
7. ALLOWABLE CONCENTRIC LOAD = (3.1416^2*Ec*I)/L^2
Na = 4270*W^1.5* SQR fc'
8. ALLOWABLE LOAD AT DRIVING = 327,496.75 KSC.
Ncr = b^4/12 CM^4
Ec
= 213,333.33 CM^4
I
=
378,355.42 K.G.
Ncr
= 378.36 TONS
9. ULTIMATE DESIGN
= 2.0700 CM^2
As = 40.000 CM
b=d = 4.500 CM
= 35.500 CM
d' = 0.0015
dp = d - d' = 18,300.00 KSC.
p = As/bdp = 400 KSC.
= 17,689.77 KSC.
fs' = 0.06 (UNDERREINFORCED)
fc' = 0.9*{As*fsu*dp(1-0.59q)}
fsufs'(1-0.5pfs'/fc') = 11,254.39 KG-M
q = pfsu/fc' = 7,073.78 KG-M
ULTIMATE MOMENT (Mu) = 1.59
Mu
CRACKING MOMENT (Mcr)
F.S.= Mu/Mcr
RECOMMEND
1. TO ECONOMIZE AND CONTROL CRACKING pt SHOULD BE NEARLY 0
2. EFFECTIVE PRESTRESS SHOULD BE LESS THAN 0.2fc' 80 KSC.
3. SUITABLE EFF.PRESTRESS FOR <12 METERS LONG = 20 KSC.
4. SUITABLE EFF.PRESTRESS FOR 13-21 METERS LONG = 30 KSC.
5. SUITABLE EFF.PRESTRESS FOR >21 METERS LONG = 40 KSC.
-40-
7.3 ตวั อยางในการคํานวณแผนเหลก็ เพอื่ การเช่ือมตอเสาเขม็
DESIGN OF STEEL PLATE
1.SECTION OF PILE
DIMENTION ( b ) = 25.00 CM.
LENGTH = 10.50 M.
2.MATERIAL PROPRETY
STRENGTH OF CONCRETE (Fc') = 350.00 KSC.
STRENGTH OF STEEL (Fy) = 3,000.00 KSC.
3.LAOD-MOMENT
DEAD LOAD OF PILE = 150.00 KG/M
MOMENT = 353.90 KG-M
PROVIDE IMPACT LOAD = 30.00 %
MAXIMUM MOMENT = 460.07 KG-M
4.WELD JOINT DESIGN
CONSIDER MOMENT (M) = 460.07 KG-M
REQUIRED ONE EDGE STRENGTH (T) = M*100/b KG-M
= 1,840.29 KG
USE WELDING ROD TYPE = E60
SIZE OF THROAT = 3.00 m.m.
WELD STRENGTH (Fv) = 267.00 KG/CM
WELD LENGTH (Lw) =
T/Fv CM.
= 6.89 CM.
IF Lw IS LESS THAN = 25.00 CM.
5.DOWEL BARS (CONDITION A) O.K.
CENTER OF STEEL FROM EDGE (d) = 3.00 CM.
CONSIDER FORCE (P) = T*b/(b-2d) KG.
= 2,421.44 KG.
REQUIRED AREA OF STEEL = P/Fy*0.5 CM^2
= 1.61 CM^2
DIAMETER OF DEFORMED BARS (Db) = 12.00 m.m.
NO.OF DEFORMED BARS PER ONE EDGE = 2.00
AREA OF STEEL PER ONE EGDE (a) = 2.26 CM^2
IF a IS GREATHER THAN = 1.61 CM^2
DEVELOPMENT LENGTH (ld)(ACI CODE) (CONDITION B) O.K.
=
0.0594Ab*Fy/SQRFc'
BUT NOT LESS THAN ( ACI CODE) = 10.77 CM.
= 0.006*(Db/10)/Fy
RECOMMEND ld = 21.60 CM.
= 30 CM.
6.END PLATE = T*d KG-CM
CONSIDER MOMENT = 5,520.88 KG-CM
= 6.00 m.m.
THICKNESS OF END PLATE (t1) = 3.00 m.m.
= 5.00 CM.
THICKNESS OF SIDE PLATE (t2)
= 18.00 CM^2
HEIGHT OF SIDE PLATE (h) = 0.77 CM.
= 26.30 CM^4
7.FIND C.G. OF STEEL PLATE = MC/I KSC.
CROSS SECTION AREA = 4.83 CM.
C.G. OF PLATE (X) = 1,014.61 KSC.
MOMENT OF
INERTIA C.G. (I) = 1,200.00 KSC.
STRESS (p)
(CONDITION C) O.K.
C
p O.K.
IF p IS LESS THAN O.K.
O.K.
8.CONCLUSION OF CONDITION
CONDITION A TT
CONDITION B
CONDITION C Plate
T v
M PP
T dd
b
Plate t1
h
t2 b t2
บรรณานกุ รม
ภาษาไทย
- ชมรมวิศวกรรมโยธา , เสาเข็ม , คณะวศิ วกรรมศาสตร
จฬุ าลงกรณมหาวิทยาลยั 2524
- นายสมบูรณ สรอยครี ี
ขอ ควรรูใ นการกอสรางเรื่องเสาเข็ม , สวสั ดกิ ารกรมโยธาธิการ
2530
- วิศวกรรมสถานแหงประเทศไทย , น้าํ หนกั บรรทกุ ของเสาเข็ม , ตุลาคม 2521
- ศ.ดร. ชัย มุกตพนั ธ , นายคาซูโตะ นาคาซาวา , ปฐพกี ลศาสตร
และวศิ วกรรมฐานราก , สาํ นักพิมพดวงกมล 2546
- ผศ. มานะ อภพิ ฒั นะมนตรี , วิศวกรรมปฐพแี ละฐานราก
สมาคมสง เสริมเทคโนโลยี ( ไทย - ญี่ปนุ ) , พฤษภาคม 2545
ภาษาอังกฤษ
- Ralph B. Peck , Water E. Hanson , Thomas
H . Thornburn , Foundation Engineering.
2 nd Edition , June 1973
- Joseph E. Bowles , Foundation
Analysis and Design
5 th Edition , 1997