สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย
สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย เป็นผลงานที่สะท้อนให้เห็นถึงขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม และความเป็นอยู่ ของคนไทยตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน มีความงามและคุณค่าทางศิลปะซึ่งควรอนุรักษ์ไว้ไม่ให้สูญหาย ผลงานสิ่งประดิษฐ์ ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย ที่เราสามารถพบเห็นอยู่ทั่วไปได้แก่
- งานจักสาน เป็นผลงานจากหัตถกรรมพื้นบ้านของไทย ซึ่งประดิษฐ์มาเพื่อประโยชน์ใช้สอยในชีวิตประจำวัน ภายในครอบครัว เช่น ตะกร้า กระจาด กระบุง กระติบข้าว ลอบ ไช หมวก เสื่อ เป็นต้น วัสดุที่นิยมนำมาจักสาน ส่วนใหญ่เป็นวัสดุจากธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่น เช่น หวาย ไม้ไผ่ ใบลาน ใบเตย เชือกกล้วยก้านมะพร้าว ผักตบชวา ฟาง กก กระจูด เป็นต้น
- งานปั้น เป็นผลงานจากการนำดินเหนียวหรือดินอื่น ๆ มาปั้นเป็นรูปสัตว์หรือสิ่งต่าง ๆ ตามที่ต้องการ เช่น ปั้นรูปตุ๊กตา ปั้นรูปผักผลไม้ แจกัน ถ้วยชาม เป็นต้น
- งานใบตอง เป็นผลงานที่ได้จากการนำใบตองมาตัดเย็บและประกอบรูปร่างรูปทรงต่าง ๆ แล้วนำมาบรรจุอาหาร ดอกไม้หรือประดับตกแต่งเพื่อใช้ในงานพิธีต่าง ๆ เช่น กระทง บายศรี เป็นต้น
- งานดอกไม้สด เป็นผลงานที่ได้จากการใช้ดอกไม้สดมาร้อย มอบเป็นของขวัญของที่ระลึกในงานต่าง ๆ เช่น มาลัย พานพุ่ม ช่อดอกไม้ เป็นต้น
- งานแกะสลัก เป็นผลงานการสร้างลวดลายลงบนผักผลไม้หรือวัสดุเนื้ออ่อนประเภทไม้ สบู่ หรือเทียนโดยใช้เครื่องมือที่มีความแหลมคมนิยมใช้ตกแต่งบ้าน ตกแต่งอาหาร หรือใช้เป็นของขวัญ ของที่ระลึก
งานแกะสลัก
งานแกะสลัก เป็นการนำเอาวัสดุเนื้ออ่อนมาแกะหรือขูดวัสดุ เพื่อเอาส่วนของวัสดุที่ไม่ต้องการออกจากชิ้นส่วนใหญ่ ทำให้เกิดเป็นรูปหรือลวดลายงดงามบนวัสดุนั้น
งานแกะสลักที่พบเห็นทั่วไป ถูกสร้างสรรค์ด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน เช่น การแกะสลักเทียนไข เพื่อนำไปใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา การแกะสลักผักและผลไม้เพื่อใช้เป็นอาหาร การแกะสลักหยวกกล้วยเพื่อนำไปประดับตกแต่งเมรุเผาศพ เป็นต้น
1. วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการแกะสลัก
1) วัสดุที่นำมาใช้ในการแกะสลัก มีทั้งวัสดุที่มีเนื้อแข็ง เช่น หินไม้ และวัสดุที่มีเนื้ออ่อน เช่น ผลไม้ พืชผัก สบู่ ซึ่งวัสดุแต่ละชนิดจะใช้วิธีการแกะสลักที่แตกต่างกันไป
2) อุปกรณ์ที่ใช้ในการแกะสลัก อุปกรณ์ที่นำมาใช้ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ว่าเป็นประเภทใด จึงควรเลือกใช้ให้เหมาะสม เช่น ไม้เนื้อแข็ง ใช้สิ่วแกะสลัก ผลไม้ ใช้มีดปลายแหลมแกะสลัก เป็นต้น
2. รูปแบบงานแกะสลัก
1) แกะสลักเป็นลวดลาย เป็นการนำเอาวัสดุมาแกะให้เป็นลวดลายต่าง ๆ เช่น
ทำเป็นรูปลายไทย เป็นต้น
2) แกะสลักเป็นรูปทรง เป็นการนำเอาวัสดุมาแกะให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ แต่ยังคงรูปทรงเดิม ๆ อยู่
งานปั้น
งานปั้น หมายถึง การนำเอาวัสดุอ่อนที่สามารถรวมกันได้ หรือแบ่งแยกออกจากกันได้ เช่น ดินเหนียว ดินน้ำมัน ขี้ผึ้ง มาทำเป็นรูปทรงต่าง ๆ ตามที่ต้องการ โดยใช้วิธีขยำ บีบ นวด ตัด ขัด ขูด ปะ เป็นต้น
รูปปั้นมีลักษณะเป็น 3 มิติ คือ มีความกว้าง ความยาว และความลึก เราจึงสามารถมองเห็นงานปั้นได้ทั้งความตื้น ลึก หนา บาง ตามความเป็นจริง
ซึ่งจะต่างจากภาพวาดที่เรามองเห็นได้เพียง 2 มิติ คือ ความกว้างและความยาว
1. ประเภทของรูปปั้น โดยทั่วไปรูปปั้นแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1) รูปปั้นนูนต่ำ เป็นรูปปั้นที่มีแผ่นหลังรองรับ และภาพจะนูนสูงขึ้นมาจากพื้นเพียงเล็กน้อย มองเห็นด้านหน้าได้เพียงด้านเดียว เช่น เหรียญต่าง ๆ พระเครื่องที่มีลักษณะเป็นเหรียญเป็นต้น
2) รูปปั้นนูนสูง เป็นรูปปั้นที่มีแผ่นหลังรองรับคล้ายรูปปั้นนูนต่ำแต่ภาพจะ นูนสูงขึ้นมาจากพื้นรองรับมากกว่าและมีการลดหลั่นตามความเหมาะสม
เช่น รูปประดับฝาผนัง เป็นต้น
3) รูปปั้นลอยตัว เป็นรูปปั้นที่สามารถมองเห็นได้ทุกด้านโดยรอบมีลักษณะเป็นภาพ 3 มิติ ส่วนมากมักจะมีฐานเพื่อสามารถวางตั้งกับพื้นได้ เช่น รูปปั้นอนุสาวรีย์ต่าง ๆ รูปปั้นเครื่องใช้ต่าง ๆ เป็นต้น
2. วัสดุที่ใช้ในการปั้นรูป วัสดุนำมาปั้นได้ นั้นต้องมีความเหนียวและนิ่ม สามารถยึดจับกันเป็นก้อน ทรงตัวอยู่ได้ตลอดเวลาที่ปั้น มีความคงทนไม่แตกสลายได้ง่ายทั้งในขณะกำลังปั้นและเมื่อปั้นเสร็จแล้ว
ซึ่งวัสดุเหล่านี้มีอยู่ในธรรมชาติและมนุษย์สร้างขึ้น เช่น
ขอบคุณที่มาจาก ทรูปลูกปัญญา //www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/2250/
//www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/2250/
บทที่ 2
ประเภทของงานประดิษฐ์
วัตถุประสงค์
1.สามารถบอกความหมายของแต่ละประเภทของงานประดิษฐ์
2.สามารถนำไปประดิษฐ์ไว้ใช้งานได้
3.สามารถรู้ขั้นตอนการประดิษฐ์ผลงาน
งานประดิษฐ์ เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ ในชีวิตประจำวัน มีทั้งงานที่สืบทอดต่อๆ กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และ งานที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ โดยใช้วัสดุต่างๆกัน เช่น เศษวัสดุเหลือใช้
วัสดุจากธรรมชาติ วัสดุสังเคราะห์ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
งานประดิษฐ์แบ่งตามวิธีการสร้างสรรค์และวัสดุที่ใช้
1 ประเภทเย็บปักถักร้อย มี 2 ประเภท คือ
1.1 ประเภทเย็บปะและปัก ประกอบด้วยวัสดุ 2 ชิ้นชิ้นที่ 1 เป็นระนาบรองรับวัสดุที่ใช้ ได้แก่ ผ้ากระดาษหนัง วัสดุอีกชิ้นที่เป็นเส้น ได้แก่ เส้นด้าย หรือแผ่น เช่น เศษผ้ามาเย็บปะ และปักให้เกิดลวดลายบนพื้นระนาบ วิธีการปักนี้จะใช้ด้ายสีต่างๆ ดิ้นเงิน ดิ้นทอง เลื่อม มุก ลูกปัด ทำให้เกิดลวดลายสวยงาม สำหรับวิธีการเย็บปะจะใช้เศษผ้าสีมาติดเป็นรูปร่าง เช่น ลายดอกไม้ ตุ๊กตา แล้วเย็บตามขอบริมให้ติดกับพื้นระนาบรับรอง
ภาพที่ 1 การปักด้วยมุกและเลื่อม ภาพที่ 2 การเย็บปะ
วิธีการเย็บปักปะ
วิดีโอที่ 1 การเย็บตะเข็บงานปักปะ
1.2 ประเภทถักและร้อย เป็นการประดิษฐ์ที่ทำให้เกิดรูปทรงด้วยวัสดุในตัวเอง เช่น การถักไหมพรม การถักเชือก ป่าน ปอ การถักด้วยด้าย โดยใช้เข็มถักหรือมือถักให้เป็นแผ่นหรือเป็นเส้นหนา ส่วนการร้อย วัสดุที่ใช้จะมีรูตรงกลาง เช่น ลูกปัด ไข่มุก มาร้อยเป็นเส้นออกแบบ เลือกสี ทำลวดลาย ประดิษฐ์เป็นเครื่องประดับต่างๆ เช่น สร้อยคอ สร้อยข้อมือ
2 ประเภททอและสาน เป็นศิลปะประดิษฐ์ ที่มีคุณค่าทางประโยชน์ใช้สอย โดยใช้วัสดุประเภท ด้าย ไหม เชือก กก หวาย มาขัดระหว่างเส้นยืนและเส้นนอน ให้เกิดเป็นความกว้าง ความยาว และความหนา เกิดเป็นรูปร่าง เช่น ตะกร้า
ภาพที่ 3 การทอผ้า
วิธีการทอผ้า
วิดีโอที่ 2 ขั้นตอนการทอผ้า
3. ประเภทการปั้นและแกะสลัก
3.1 งานปั้นเป็นการสร้างสรรค์ที่มีความประณีตบรรจง ในการทำ เช่น การใช้แป้งขนมปังและดินญี่ปุ่น ปั้นเป็นดอกกุหลาบจิ๋ว ปั้นตุ๊กตา นำไปประดับตกแต่ง
3.2 งานแกะสลัก หมายถึ งการแกะสลักและการฉลุให้เป็นลวดลายลงบนวัสดุเนื้ออ่อนหรือผักผลไม้
วิธีการแกะสลัก
วิดีโอที่ 3 แกะสลักใบไม้จากแตงกวา
4. ประเภทเขียนลวดลาย ใช้วัสดุอุปกรณ์ในการเขียนให้เกิดลวดลายมีทางที่เลียนแบบจากธรรมชาติ และลวดลายที่ประดิษฐ์ใหม่ด้วยดินสอ พู่กัน และสีต่างๆ ลวดลายที่เขียนนอกจากจะเขียนให้เกิดลวดลายตามที่ต้องการแล้วยังสามารถใช้วิธีอื่นๆได้อี กเช่น การพิมพ์การขีด การขูด
ภาพที่ 5 การเพ้นผ้า
วิธีการเพ้นสี
วิดีโอที่ 4 D.I.Y เพ้นกระเป๋า
5 ประเภทดอกไม้ งานประดิษฐ์กลุ่มนี้แบ่งออกได้ 2 ประเภทคือ
5.1 ประเภทใช้วัสดุจากธรรมชาติงานประดิษฐ์ประเภทนี้ใช้ดอกไม้สด ใบไม้ เช่น ดอกกุหลาบมอญ ดอกพุด ดอกรัก ดอกมะลิ ดอกบานไม่รู้โรย ใบตอง ใบแก้ว ใบกระบือ มาประดิษฐ์ตกแต่งโดยใช้วิธีการร้อยการกรอง การเย็บแบบ การปักแจกัน
5.2 ประเภทงานที่ใช้วัสดุสังเคราะห์ ประดิษฐ์เลียนแบบดอกไม้จากธรรมชาติ ซึ่งความคงทนถาวรกว่าและสีสันสวยงามใกล้เคียงธรรมชาติ วัสดุที่ใช้ประดิษฐ์ได้แก่ ผ้า กระดาษ พลาสติก
ภาพที่ 6 พานไหว้ครูจากวัสดุธรรมชาติ
วิธีการทำพานไหว้
วิดีโอที่ 5 วิธีการทำพานไหว้ครูแบบง่ายๆ
6 ประเภทวัสดุเหลือใช้ การนำวัสดุเหลือใช้มาออกแบบใช้กับงานประดิษฐ์ไม่จำกัดว่าต้องเป็นวัสดุประเภทใดสามารถใช้ได้ทุกชนิดอยู่ที่ความสามารถในการออกแบบของผู้ผลิตที่จะทำให้เกิดผลงานที่มีคุณค่าและประโยชน์ใช้สอย
ภาพที่ 7 งานประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้
วิธีการประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุเหลือใช้
วิดีโอที่ 6 ประดิษฐ์ของเล่นจากแก่นกระดาษทิชชู่
งานประดิษฐ์แบ่งตามประโยชน์ใช้สอย
1 ประเภทของเล่น เช่น รถลาก ตุ๊กตา พับกระดาษเป็นรูปสัตว์
2 ประเภทของใช้หรือเครื่องใช้ เช่น หมอนอิง กระเป๋าผ้า กล่องใส่เครื่องประดับ
3 ประเภทประดับตกแต่ง เช่น กรอบรูป นาฬิกา ลวดลายบนกระจก โคมไฟ
4 ประเภทของขวัญของที่ระลึก เช่น บ้านทรงไทยจำลอง ดอกไม้จากดิน
ขั้นตอนการประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์งานประดิษฐ์
1 ขั้นการออกแบบ ควรดูวัสดุของผลิตภัณฑ์ที่จะประดิษฐ์ว่าต้องการนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร เช่นื ใช้เป็นของเล่น ใช้เป็นตกแต่งบ้านหรือเครื่องแต่งกาย ใช้เป็นของใช้
2 ขั้นการเลือกวัสดุ ในขั้นตอนนี้ควรคำนึงถึงความปลอดภัย ความคุ้มค่า และงบประมาณ นอกจากนี้ควรพิจารณาความเหมาะสมกับรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบ
3 ขั้นตอนการประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์ เริ่มจากการสร้างแบบ เตรียมวัสดุอุปกรณ์ ลงมือปฏิบัติงานจนสำเร็จทดสอบการใช้งาน
4 ขั้นตอนการประเมินผล เป็นขั้นตอนการตรวจสอบชิ้นงานว่ามีคุณภาพตามที่ตั้งวัสถุประสงค์ไว้หรือไม่ ควรมีการปรับปรุงแก้ไขอย่างไร
อ้างอิงหนังสือ
นางสาวสุชาดา วราหพันธ์. (2557). ประเภทของงานประดิษฐ์: งานประดิษฐ์. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: บริษัท สำนักพิมพ์เอมพันธ์ จำกัด.
อ้างอิงภาพที่ 1
อ้างอิงภาพที่ 3
อ้างอิงภาพที่ 4
อ้างอิงภาพที่ 5
อ้างอิงภาพที่ 6
อ้างอิงภาพที่ 7
อ้างอิงวิดีโอที่ 1
อ้างอิงวิดีโอที่ 2
อ้างอิงวิดีโอที่ 3
อ้างอิงวิดีโอที่ 4
อ้างอิงวิดีโอที่ 5
อ้างอิงวิดีโอที่ 6