การดูโฆษณาเพื่อให้เกิดประโยชน์ควรทำอย่างไร

����ͧ��� 7.1.1 ����������Ф����Ӥѭ�ͧ����ɳ�

             ����ɳ� (Advertising) �繡�ù��ʹ͵���Ҹ�ó�� (Public Presentation) �͡�������
�Թ����褹�ӹǹ�ҡ�����Ш�੾�е�����͡����������õ�ͧ�դ������ҡ� ���������� ��е��
����Դ����Ѻ��� ��оĵԡ�����ë���

����ɳ� ���Ըա�ù��ʹ͵���Ҹ�ó����������Ǻؤ�� (Nonpersonal Presentation) �кت���
�Թ��� ��ԡ�� ����ͧ��÷������Ңͧ�Թ������ҧ�Ѵਹ ���ʹ��¡�ü�ҹ���͵�ҧ� �����ǹ���ͧ��
������ҳ�������·�����

�͡�ҡ������ɳ��ѧ���ѡɳдѧ���仹��

  • ��Ш������ҧ��ҧ (Persuasiveness) ������ü�ҹ����ɳ��á��������褹�ӹǹ�ҡ
    ����ö��˹��������ͧ������� �����Ң�����õ�������Ңͧ�Թ��ҡ�˹� ����������������ö
    �Ѻ���������ҧ�������١�ѧ�Ѻ ����٭���¤�������ǹ��� ����ö���º��º�����šѺ�Թ������� ��
  • �鹨ش����������ͧ��� (Amplified Expressiveness)   �ɳ�����ö���·ʹ������������
    �ҹ�����Դ���ҧ��ä� �鹤���������ͧ�Ҿ ���§ ��Чҹ����� ������鹨ش�蹢ͧ�Թ�����
    �����ҧ��
  • ����դ�������ǹ���    (Impersonality)   ����Ѻ�������㹡���Ѻ������� �������֡�բ�ͼ١�ѹ���е�ͧ
    ������ʹ����͵�ͧ�ͺʹͧ ��觨�ᵡ��ҧ�ҡ�Ը����� �� �����
    ��ѡ�ҹ���


�ѵ�ػ��ʧ��ͧ����ɳ�

�ѵ�ػ��ʧ���鹰ҹ�ͧ����ɳ� ��Сͺ�����ѵ�ػ��ʧ�� 3 ������ ����

  1. �����駢�����â����� (Informative Advertising) �ѡ�ж١������㹡óյ�ҧ� �� ���͡���й�
    ��Ե�ѳ������ �������ҧ�Ҿ����ͧ����ѷ ����Ŵ��������§��¢ͧ���������������Թ��� �����й�
    �Ը����Ե�ѳ�� �����駢����������Һ�֧�������¹�ŧ���ǹ������ҧ��õ�Ҵ
  2. ���ͪѡ�٧� (Persuasive Advertising) �ѡ��õ�Ҵ�й���������͵�ͧ��êѡ�٧�����Դ��ë���㹷ѹ��
    ���������Դ�͡����龹ѡ�ҹ��������͡��㹡���ʴ��Թ�������������� �����ҧ�����Ш���
    ����Թ��� (Selective Demand)        �������ͨ٧������������Դ�����ͺ㹵�������ͧ͢�Ԩ���
    (Brand Preference)
  3. ������͹�����ç�� (Reminder Advertising) �ѡ�ж١�����������������������´ѧ���仹�� ���
    ���͡�е�鹤����Ӣ�ͧ������������ǡѺ��������ͧ͢�Թ��Ңͧ�Ԩ���         �����ѡ���Ҿ����
    �ͧ��Ե�ѳ����к���ѷ��餧������� ������͹�����������������֧���觷��Ы����Թ��� �繵�
พฤติกรรมการเสพสื่อของลูกค้าสมัยนี้ มักจะเลื่อนหนีโฆษณาขายของกัน เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว คนเรามักจะเล่นโซเชียลกันเพื่อความบันเทิง และเลือกดูเฉพาะสิ่งที่ตัวเองชอบหรือสนใจเท่านั้น พอมาเจอโฆษณาก็เลยอาจจะรู้สึกรำคาญ จนพาลบล็อกเราไปเลยก็มี อารมณ์เดียวกับเวลาเราดูทีวีแล้วมีโฆษณามาคั่นนั่นแหละ มันจะรู้สึกเสีย mood เหมือนโดนขัดใจ

แต่จริง ๆ แล้วเราสามารถทำคอนเทนต์โฆษณา โดยที่กลุ่มเป้าหมายไม่รู้ว่านี่เรากำลังโฆษณาอยู่นะได้ด้วย แต่ก็ต้องบอกก่อนว่า การทำโฆษณาแบบที่ลูกค้ารู้ว่านี่คือโฆษณา ไม่ได้แปลว่าไม่ดีนะ ก็ยังสามารถทำได้อยู่ เพียงแต่นินจาการตลาดอยากจะแนะนำอีกเทคนิคหนึ่งในการทำคอนเทนต์โฆษณา ให้มีความแตกต่างและหลากหลายว่าเดิม

.

ยกตัวอย่างจากนินจาการตลาดเอง เรามักจะไม่ค่อยยิงโฆษณาขายของจริงจังไปหาคนที่ไม่รู้จักเรามาก่อน เพราะทำไปก็เสียเปล่าฮะ ก็เขาไม่ได้รู้จักเรานี่ ไปยัดเยียดขายของใส่ใครจะซื้อล่ะ แต่เรามักจะยิงโฆษณาขายของโต้ง ๆ ไปหาคนที่รู้จักเราแล้วเท่านั้น ดังนั้นใครที่เห็นแอดของนินจาการตลาด ก็แปลว่าเรารู้จักกันแล้วนะ

.

โดยการทำโฆษณาให้กลุ่มเป้าหมายไม่รู้ว่าเป็นโฆษณาเนี่ย เหมาะกับสินค้าที่ต้องการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง เพื่อกระตุ้นให้คนอยากรู้จัก สนใจ และอยากซื้อ เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าไม่ชอบการโดนขายของตรง ๆ ซึ่งมีเทคนิคง่าย ๆ อยู่ 4 ข้อ ที่จะทำให้โฆษณาของเราน่าสนใจมากขึ้น

อ่านต่อ

1. รูปภาพต้องกลืนกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย

.

เรื่องรูปภาพนี่ต้องบอกเลยว่ามีหลายประเด็นมาก ๆ ที่ต้องโฟกัส อย่างแรกคือรูปภาพต้องมีความเกี่ยวข้องกับสินค้าของเรา คือเราขายอะไรก็ต้องใช้รูปประกอบนั้น เพื่อให้ลูกค้าเห็นภาพชัดเจน ไม่ใช่ว่าขายกระบะ แต่ใช้รูปรถเก๋ง ลูกค้าสับสนแน่ ๆ หรือถ้าหากว่าต้องใช้ภาพที่มีคนเป็นส่วนประกอบ ก็ควรเลือกรูปที่มีรูปความใกล้เคียงกับเชื้อชาติหรือกลุ่มเป้าหมายของเรา เช่น ถ้ากลุ่มเป้าหมายเราคือคนไทย ก็แนะนำให้ใช้คนไทยหรือคนเอเชียดีกว่า เพราะจะทำให้ลูกค้ารู้สึกเข้าถึงสินค้า ได้มากกว่าการใช้รูปประกอบเป็นชาวยุโรป เป็นต้น

.

อย่างที่สองคือ บางครั้งรูปภาพที่ใช้ไม่จำเป็นต้องทางการมาก หรือสวยหรูเวอร์วังอลังการ ผ่าน Photoshop หรือ AI มามากมายก็ได้ เพราะสำหรับบางสินค้านั้น ความเรียลช่วยให้คนเข้าถึงและอยากซื้อมากกว่ารูปที่แต่งเยอะ ๆ อีก เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่ามันคือของจริง ไม่เฟค แต่บางสินค้าที่ต้องการความน่าเชื่อถือ ก็อาจจะยังมีความจำเป็นที่ต้องทำรูปสวย ๆ แบบทางการอยู่บ้าง

.

ซึ่งเราต้องรู้ก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร อยู่ระดับไหน จะได้เลือกสื่อสารผ่านรูปภาพได้อย่างเหมาะสม เช่น ลูกค้าระดับไฮ ๆ ก็อาจจะชื่นชอบรูปภาพที่มีความสวยหรู เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ แต่ลูกค้าระดับกลาง ๆ ก็อาจจะชอบภาพที่มีความสมจริงมากกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายของเรานั่นแหละ ว่าเขามีพฤติกรรมอย่างไร เราก็สื่อสารไปแบบนั้น และขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าเราด้วย

Photo: Ornament vector created by slidesgo – www.freepik.com

2. ใช้ภาษาสื่อสารมากกว่าภาษาทางการ

.

แคปชัน หรือ คำบรรยาย ควรใช้ภาษาที่เน้นการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย มากกว่าการใช้คำแบบทางการจ๋า ดูจริงจัง เพราะนั่นจะทำให้ดูโป๊ะได้ว่ามันคือโฆษณาแน่ ๆ แนะนำว่าให้ลองใช้ภาษาบ้าน ๆ บ้างก็ได้ เพื่อให้คนอ่านแล้วรู้สึกสบายตาสบายใจมากขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายของเราด้วยว่าเรากำลังสื่อสารกับใคร

.

เพราะบางครั้งลูกค้าไม่ได้ต้องการความเป็นทางการอะไรมากมาย เพราะมันรู้สึกเครียดเกินไป แต่ลูกค้าต้องการความสบายใจในการสื่อสารพูดคุย หรือเสพสื่อในโซเชียล ฟีลเหมือนได้นั่งคุยกับเพื่อน ลองสังเกตดูสิว่า หลายเพจดัง ๆ มักจะใช้คำที่เป็นกันเองมาก บางเพจก็ใช้คำแบบพ่อขุนรามเลยก็มี แต่อันนี้นินจาการตลาดก็ไม่ได้สนับสนุนให้ทุกคนต้องหยาบคายนะ ดูก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นใคร ก็จะพอมองออกว่าเราควรใช้ระดับภาษาประมาณไหน คล้าย ๆ กับศีลเสมอกันน่ะ เพื่อนเราเป็นแบบไหน เราก็เป็นแบบนั้น  

.

ถ้าไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าควรใช้ภาษายังไง ก็แนะนำแบบเซฟ ๆ ว่าใช้ภาษากลาง ๆ คือไม่ต้องดิบเถื่อนมาก หรือทางการเกินไป เน้นง่าย ๆ สบาย ๆ เข้าไว้ ไม่ให้คนอ่านรู้สึกเครียด

Photo: People vector created by rawpixel.com – www.freepik.com

3. ขายแบบไม่ขาย

.

เฮ้ย มันคือยังไงกันแน่ ไอการทำคอนเทนต์ขายแบบไม่ขายเนี่ย !

จากที่นินจาการตลาดเคยพูดไปบ้างแล้วเกี่ยวกับ Audience Insights บอกเลยว่ามันช่วยในการทำคอนเทนต์ได้นะ เพราะการที่เราจะขายได้ เราก็ต้องรู้ใจลูกค้าก่อน โดยการเอา Insights ของลูกค้าที่เรามี มาทำเป็นคอนเทนต์ เพราะ Insights เหล่านี้จะทำให้เรารู้ว่า ลูกค้าอยากรู้อะไร เราจะได้เล่าในสิ่งที่ลูกค้าอยากฟัง และเราควรพูดเรื่องลูกค้าก่อนขายของเสมอ เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกว่านี่ไม่ใช่โฆษณา แต่เป็นเรื่องของเขาเอง

.

และเราอาจจะต้องเปลี่ยนวิธีการทำคอนเทนต์ จากปกติที่เราคิดมาก่อนอย่างแรกว่า เราขายอะไร สินค้าคืออะไร แล้วก็คิดเองเออเองว่าต้องทำคอนเทนต์แบบนั้นแบบนี้ เพราะมั่นใจว่าดีแน่ หลังจากนั้นก็ไปยิงโฆษณาใส่กลุ่มเป้าหมาย ที่เราคิดไปเองอีกว่าพวกเขาน่าจะชอบคอนเทนต์ของเรา ซึ่งจริง ๆ แล้วส่วนใหญ่ไม่ค่อยเวิร์คครับ

.

ลองมาเปลี่ยนวิธีการทำคอนเทนต์โดยคิดแบบย้อนกลับดู แน่นอนว่าอย่างแรกเราก็ต้องรู้แหละว่าเราขายอะไร สินค้าคืออะไร แต่พักตรงนี้ไว้ก่อน สิ่งต่อไปที่เราควรทำก็คือ ไปหามาก่อนว่าลูกค้าของเราเป็นใคร คนที่เราจะยิงแอดไปหาพวกเขาน่ะ  เมื่อรู้แล้วก็ไปทำความรู้จักกับพวกเขาผ่าน Audience Insights ซึ่งใน Facebook มีบอกอยู่ครับ ที่นี้พอรู้แล้วว่าลูกค้าชอบอะไร ค่อยมาทำคอนเทนต์เพื่อสื่อสารกับพวกเขาได้อย่างตรงจุด พอเราทำแบบนี้ ลูกค้าก็จะไม่รู้สึกว่ากำลังโดนโฆษณาใส่ แต่กำลังเสพเรื่องที่เขาอยากรู้หรือสนใจอยู่นั่นเอง

Photo: Sale vector created by katemangostar – www.freepik.com

4. Test กันหน่อยว่าที่อ่อยไปโอเคหรือเปล่า

.

เมื่อทำการโพสต์คอนเทนต์ไปบ้างแล้ว ควรจะเช็กเรทติ้งกันหน่อยว่า คอนเทนต์ที่ผ่านส่งผลยังไงบ้าง หลัก ๆ ที่นินจาการตลาดจะดูก็คือ การเข้าถึง (Reach) รองลงมาจะดูที่ Like, Comment และ Share แต่อันนี้ไม่ได้มานั่งดูแบบจริงจังนะ ว่ายอดอะไรได้เท่าไหร่ แต่จะดูที่ % engagement เป็นหลัก คือเอาจำนวน Like, Comment และ Share เป็นตัวตั้ง หารด้วยการแสดงผลที่เกิดขึ้น แล้วดูว่าได้ผลยังไงบ้าง

.

จากนั้นเราก็นำจุดที่ได้ผลลัพธ์ไม่ค่อยดี ไปปรับปรุงแก้ไขการทำคอนเทนต์ของเราไปเรื่อย ๆ ไม่แนะนำให้ทำคอนเทนต์รูปแบบเดียวไปตลอด ถึงแม้ว่ารูปแบบนั้นมันจะได้ผลลัพธ์ที่ดีก็ตาม เพราะมันอาจจะทำให้ลูกค้ารู้สึกเบื่อได้ ค่อย ๆ ลอง ค่อย ๆ เปลี่ยนรูปแบบคอนเทนต์ไปเรื่อย ๆ เพื่อ test ดูว่าแต่ละแบบได้ผลยังไง แล้วคอยเช็กผลลัพธ์อยู่ตลอดเด้อ

Photo: Background vector created by rawpixel.com – www.freepik.com

สรุปกันอีกทีว่า ทำโฆษณาอย่างไร ไม่ให้กลุ่มเป้าหมายรู้ว่าเป็นโฆษณา ข้อแรกก็คือรูปภาพต้องกลืนกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย, ใช้ภาษาสื่อสารมากกว่าภาษาทางการในการเขียนแคปชัน, ทำคอนเทนต์ขายแบบไม่ขาย และ test และ ติดตามผลคอนเทนต์อยู่เสมอว่าส่งผลยังไงบ้าง

ข้อสำคัญก็คือ เราต้องรู้ก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นใคร แล้วค่อยทำความรู้จักกับพวกเขา ว่าพวกเขาชอบอะไร อยากรู้อะไร จะได้เสิร์ฟคอนเทนต์ได้อย่างแนบเนียน ไม่ดูยัดเยียดขายของจนเกินไป หากอยากรู้จักลูกค้าของตัวเองมากกว่านี้ นินจาการตลาดมีหนังสือดี ๆ มาแนะนำ นั่นก็คือหนังสือ “อ่อย Marketing” by อ.ออดี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ลิงก์นี้ได้เลย > //www.ninjakantalad.com/aoi-marketing-book

สามารถติดตามเนื้อหาสุด Exclusive ของนินจาการตลาดที่ไม่ได้ลงที่ไหนและคอร์สเรียนฟรี ให้พิเศษเฉพาะใน Facebook กลุ่มปิด “Digital Media Planning 2020” คลิกไปขอเข้าร่วมได้เลย มีอัปเดตเนื้อหาอยู่ตลอด

คลิกเพื่อเข้า Facebook Group

และหากมีคำถามอยากให้ช่วยเหลือด้านการสื่อสารการตลาดดิจิทัล ทั้งเรื่องเครื่องมือ (Media), เนื้อหา (Content) และ กลยุทธ์ (Strategy) สามารถเข้าไปทักสอบถาม อ.ออดี้ และผู้รู้มากมายใน “หมู่บ้านนินจา” LINE OpenChat 

คลิกเพื่อเข้ากลุ่ม LINE OpenChat

ติดตามอ่านความรู้ด้านกลยุทธ์การตลาดได้ในบทความครั้งต่อไป
กับ อ.ออดี้ – กิตติชัย ได้ใน Blog ของ นินจาการตลาด ที่นี่…

  • Facebook
  • Twitter
  • Line
  • WhatsApp
  • Facebook Messenger

audy

Leave a Replay

ติดตามความรู้ดีๆ ด้านการสื่อสารการตลาดดิจิทัลได้ที่ LINE OA นินจาการตลาด: @ninjakantalad

audy พฤศจิกายน 14, 2022 Content Strategy

audy ตุลาคม 15, 2022 Content Strategy

sathit kwanmuang กันยายน 30, 2022 Media

audy กันยายน 15, 2022 Content Media

audy กันยายน 13, 2022 Content Media

audy กันยายน 6, 2022 Content Media

audy สิงหาคม 30, 2022 Content Media

audy สิงหาคม 26, 2022 Content Media

audy สิงหาคม 24, 2022 Content Media

audy สิงหาคม 11, 2022 Content Strategy

audy กรกฎาคม 29, 2022 Content

audy กรกฎาคม 8, 2022 Content Strategy

โปรแกรมให้คำปรึกษารายธุรกิจ

สั่งซื้อหนังสือ “อ่อย Marketing”

คอร์สที่กำลังเปิด

อ.ออดี้ – กิตติชัย [นินจาการตลาด]

Tags

ads Advertiser Business Content Content Plan Content Strategy Customer Insight Customer Journey Digital Strategy E-Commerce facebook Facebook Ads Facebook Ads Manager Facebook Page Google Instagram LINE@ LINE MyShop LINE OA LINE Official Account Marketing new feature Online Advertisement Online Advertising Online Business Online Marketing Online Media SMEneedtoknow SMEต้องมีกลยุทธ์ Social Media Strategy tiktok Website กลยุทธ์ กลยุทธ์การขาย กลยุทธ์การตลาด การตลาดออนไลน์ การโฆษณา คอนเทนต์ ธุรกิจออนไลน์ นินจาการตลาด ยิงโฆษณา เทคนิคปิดการขาย เฟซบุ๊ก โฆษณาออนไลน์

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก