การบริการด้านโลจิสติกส์ มีอะไรบ้าง

ประโยชน์ของโลจิสติกส์

ต่อภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ช่วยลดต้นทุนเพื่อสร้างกำไรทางธุรกิจได้มากขึ้น เป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขันธุรกิจเปลี่ยนการทำงานจากหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกันเป็นขบวนการประสานงานให้บรรลุเป้าหมายและนโยบายองค์การทำให้งานที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายอื่นที่ต้นทุนสูง สามารถลดต้นทุนได้ ก่อให้เกิดการใช้ทรัพย์สินที่คุ้มค่าขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการบริการลูกค้า สร้างสัมพันธ์ลูกค้าภายในและภายนอกองค์การ เป็นพื้นฐานของการเจริญเติบโตของธุรกิจทำให้เกิดความรวดเร็วอันเนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศ

ประเภทของโลจิสติกส์

• โลจิสติกส์เพื่อการขนส่งผู้โดยสาร( Passenger Logistics)
• โลจิสติกส์เพื่อการผลิต (Manufacturing Logistics)
• โลจิสติกส์เพื่อการกระจายสินค้า (Distribution Logistics)
การบริหารสินค้าคงคลัง รักษาสมดุลย์ระหว่าความต้องการของลูกค้า และผู้ขายสินค้าให้อยู่ในระดับสต็อคที่ต่ำสุด จัดทำสต็อคกรณีเก็งกำไรให้อยู่ในระดับที่พอดีกับความต้องการที่วางแผนไว้ ลงทุนสต็อคเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน สร้างความคงที่ในการผลิต และ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิผล

ลักษณะธุรกิจแบบโลจิสติกส์ ในด้านการบริการ

1. แบบภายในประเทศ เป็นแบบขนส่งทั่ว ๆ ไปและแบบส่งร่วม

2. แบบสากลระหว่างประเทศ (การส่งออกและนำเข้าสินค้า) การขนส่งสินค้าออก และสินค้าเข้าคือเมื่อสินค้าพร้อมที่จะส่งออกจากโกดังโลจิสติกส์ หรือคลังสินค้าของโรงงานแล้ว หมายถึงว่ามีการแพคกิ้งเป็นมาตรฐานเพื่อการส่งออกและพร้อมด้วยใบอนุญาตต่าง ๆ ถ้าจำเป็นต้องใช้แล้วบริษัทขนส่งระบบโลจิสติกส์จะดำเนินการล่วงหน้าดังนี้
– การจองเรือเดินสมุทรหรือสายการบิน (Freight forwarder)
– การผ่านพิธีการทางศุลกากรและสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่จะได้รับชดเชยภาษี
– นำตู้คอนเทนเนอร์มาบรรจุที่โกดังโลจิสติกส์หรือคลังสินค้าของโรงงานแล้วบรรทุกไปที่ท่าเรือที่กำหนดไว้

3. งานโครงการขนาดใหญ่ งานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เครื่องกลหนักหรือโรงงานอุตสาหกรรมหนักที่ต้องมีเครื่องจักรน้ำหนักมาก อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับการขนส่งวัสดุก่อสร้างหรือวัตถุดิบสำหรับการผลิตจำนวนมาก การรับงานขนส่งเคลื่อนย้ายเครื่องกลและเครื่องจักรขนาดหนักและวัสดุนี้ต้องใช้วิศวกรคิดคำนวณ สำรวจเส้นทาง วางแผนการทำงานโดยละเอียด ซึ่งงานลักษณะนี้จะต้องเขียนรายงาน ขั้นตอนในการที่จะทำงานและความเป็นไปได้อย่างละเอียดเสนอต่อเจ้าของงาน โดยใช้ระบบโลจิสติกส์มาช่วยในการจัดการและบริหารวางแผนงานต่าง ๆ ทั้งนี้เพื่อช่วยให้งานนั้นมีความราบรื่นด้วยดี

4. การขนส่งพืชเกษตร-ผลไม้และสัตว์น้ำ การขนส่งลักษณะนี้จำเป็นต้องใช้รถบรรทุกแบบมิดชิด มีการควบคุมอุณหภูมิ การออกแบบภายในรถบรรทุกจะต้องมีชั้นและช่องวางสินค้าเพื่อป้องกันความเสียหายจากการซ้อนทับกัน หรือใส่ภาชนะบรรจุพลาสติกโดนสามารถซ้อนกันได้ ภาชนะบรรจุที่ได้มาตรฐานสามารถใช้ได้ทั้งการส่งภายในประเทศและการส่งออกไปต่างประเทศด้วย สำหรับการขนส่งสินค้าเกษตรกรรมในปริมาณมากที่ใช้การขนส่งทางน้ำ ถ้าเป็นการส่งออกก็จะใช้เรือฉลอมซึ่งสามารถเข้าไปเทียบกับเรือเดินสมุทรได้โดยตรง

Cr : //th.wikipedia.org/wiki/โลจิสติกส์

Logisticsคืออะไร

Logistics คืองานบริการขนส่งสินค้า มีเป้าหมายเพื่อขนส่งสินค้าไปยังจุดหมายปลายทางด้วยวิธีการขนส่งทางน้ำ ทางบกหรือทางอากาศ รวมไปถึงการบริหารสินค้าคงคลัง การจัดการบรรจุหีบห่อ เพื่อนำส่งไปถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัย โลจิสติกส์เป็นธุรกิจหนึ่งที่มีความสำคัญต่อ Supply Chain เป็นอย่างมาก อาจจะดูเหมือนเป็นงานที่ง่าย แต่ในความเป็นจริงกระบวนการจัดส่งสินค้านั้นต้องใช้เงินทุน จึงจำเป็นต้องใช้ความสามารถในการจัดการเพื่อขนส่งสินค้าในต้นทุนที่ต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ประกอบการจำนวนมากมักเลือกใช้บริการโลจิสติกส์เพื่อให้เป็นสื่อกลางในส่งสินค้าของตนไปยังลูกค้าแทนที่จะบริหารจัดการด้านการขนส่งเอง

Logistics Management

4 ปัจจัยหลักที่ทำให้การจัดการด้านโลจิสติกส์มีประสิทธิภาพ ได้แก่

1.       การเคลื่อนย้าย (Movement)

การเคลื่อนย้ายสินค้า เป็นกระบวนการสำคัญและจำเป็นต้องจัดการให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อให้พนักงานขนส่งทำงานได้ง่าย ใช้พื้นที่บนรถขนส่งอย่างคุ้มค่า ลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

2.       การจัดเก็บ (Storage)

การจัดเก็บคือการวางแผนการเก็บรักษาสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยรวบรวมสินค้าที่ได้จากการขนส่งจำนวนน้อยหลายๆ ครั้งเข้าด้วยกัน เพื่อรวมเป็นสินค้าขนาดใหญ่ หรือการแยกสินค้าให้มีจำนวนที่เล็กลง(break bulk) เป็นต้น การจัดเก็บสินค้าได้ดี จะช่วยลดต้นทุนขององค์กรด้านค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ(storage cost)

3.       การรวบรวม (Consolidation)

เป็นการขนส่งแบบรวมสินค้าหลายประเภท และหลายลูกค้าไว้ในรถขนส่งคันเดียวกัน เมื่อได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้า ผู้ให้บริการขนส่งจะไปรับสินค้าที่ต้นทางหลายๆ แห่ง แล้วนำมารวมไว้ที่ศูนย์กระจายสินค้า หลังจากนั้นจะจัดเส้นทางการขนส่ง และเติมสินค้าให้เต็มรถ เพื่อนำไปส่งตามลำดับเส้นทางที่วางแผนไว้

4.       การกระจาย (Distribution)

การกระจายสินค้าเป็นกิจกรรมที่ต้องวางแผนให้ดีเพื่อให้ส่งสินค้าได้ถูกต้อง (right product) ตรงตามจำนวน (right quantity) เวลา (right time) สถานที่ (right place) และเงื่อนไข (right condition) ที่ลูกค้ากำหนด

 ทำไมโลจิสติกส์จึงเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ

การเติบโตของธุรกิจ E-Commerce ทำให้มีผู้ประกอบการรายย่อยเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปสั่งสินค้าทางออนไลน์มีมากขึ้น จึงเริ่มมีผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์เข้ามาแข่งขันในตลาดกันมากขึ้น ทั้งนี้ ในปัจจุบันการแข่งขันทางธุรกิจไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของตัวสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการให้บริการ ความสวยงามของบรรจุภัณฑ์ และความรวดเร็วในการจัดส่งอีกด้วย การมีระบบโลจิสติกส์ที่ดีจึงช่วยสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้

เทคโนโลยีและบริการที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจโลจิสติกส์

Routing Management

เป็นระบบที่ช่วยวางแผนเพื่อคำนวณสินค้าที่จะนำขึ้นรถขนส่ง และคำนวณเส้นทางขนส่ง ทำให้ใช้พื้นที่บนรถขนส่งได้อย่างคุ้มค่า ประหยัดเวลาและลดค่าใช้จ่าย เช่น ลดจำนวนเที่ยวที่ไม่จำเป็นลง ช่วยให้สามารถส่งสินค้าจากต้นทางไปยังปลายทางได้อย่างรวดเร็ว

GPS Tracking / Monitoring

ใช้เทคโนโลยี GPS (Global Positioning System) ซึ่งเป็นระบบติดตามตำแหน่งด้วยดาวเทียม โดยติดตั้งอุปกรณ์ติดตาม (Tracker) ไว้ที่ยานพาหนะ สินค้า หรือตัวบุคคล แล้วใช้ระบบ GPS คำนวณหาตำแหน่งบนพื้นโลก โดยใช้ตำแหน่งของดาวเทียมในการอ้างอิง ซึ่งมีความแม่นยำสูง จึงช่วยระบุพิกัดของยานพาหนะ สินค้า หรือบุคคลได้ ทำให้สามารถวางแผนเพื่อกำหนดเส้นทาง และระยะเวลาในการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อ่านเพิ่มเติม “ระบบวางแผนและควบคุมการขนส่ง”

Fulfillment Service

Fulfillment คือบริการให้เช่าพื้นที่คลังสินค้า พร้อมทั้งแพ็คสินค้าและจัดส่งไปยังปลายทาง โดยใช้ระบบออนไลน์คำนวณและบันทึกสินค้า ช่วยให้ตรวจสอบสถานะสินค้าและติดตามการจัดส่งได้ตลอดเวลา เหมาะกับผู้ประกอบการที่ต้องการประหยัดเวลาในการบริหารคลังสินค้าและการขนส่ง และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานได้อีกด้วย

Ultrafast delivery

เป็นระบบการส่งสินค้าอย่างรวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมง หรือ 30 นาที ริเริ่มโดยบริษัท Amazon ซึ่งมีคลังสินค้าของตัวเองอยู่ในตึกกลางเมืองนิวยอร์ก สามารถให้บริการจัดส่งสินค้าอย่างรวดเร็วไปยังเมืองใกล้เคียงได้ พนักงานของ Amazon สามารถค้นหาและหยิบสินค้าในคลังมาบรรจุหีบห่อได้อย่างรวดเร็ว แล้วส่งต่อให้ผู้ให้บริการขนส่งเพื่อนำไปจัดส่งให้ลูกค้าด้วยช่องทางที่รวดเร็วที่สุด ซึ่งอาจจะเป็นการเดิน การส่งด้วยรถจักรยาน รถโดยสารสาธารณะ หรือรถยนต์ ลูกค้าที่สั่งสินค้าจึงได้รับสินค้าที่ถูกต้องและรวดเร็ว

เข้าสู่ระบบ

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก