เที่ยว กาญจนบุรี ไม่มี รถส่วนตัว

5,879

กว่าจะเข้าถึงหมู่บ้านแห่งสายหมอกท่ามกลางหุบเขาแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย 399 โค้งช่างเป็นอุปสรรคกับเรามาก ถ้าถามว่าระหว่างทางอากาศดีไหม  สวยไหม ตอบได้เลยว่า ไม่รู้เหมือนกัน พอยาแก้เมารถออกฤทธิ์ก็หลับสนิท ตื่นมาอีกทีก็ถึงพอดีพร้อมกับผมสีใหม่ (คือช่วงที่เราไปมีการซ่อมถนน บางช่วงเป็นเป็นดินแดง ฝุ่นตลบเลยทีเดียว)

ไปเที่ยวปิล็อกครั้งนี้ ไม่มีรถส่วนตัว ใช้เงินไม่เยอะเลย 3 วัน 2 คืน มีเงินไม่ถึง 2 พันก็เที่ยวได้ สามารถลอกทริปไปได้เลยจ้า

เริ่มจากนั่งรถตู้ไปลงที่สถานีขนส่งกาญจนบุรี จากนั้นรอต่อรถเมล์เส้นสังขละบุรี ไปลงที่ทองผาภูมินะ

แล้วต่อรถคันสีเหลืองแบบนี้ไปลงที่บ้านอีต่องได้เลย แต่ว่ารถมีแค่รอบเช้ากับเที่ยงเลย กะเวลาให้ดีนะ ระวังพลาด

แม้หนทางจะไกลและลำบาก ใช้เวลาพอๆกับการขับรถไปเชียงใหม่ แต่ความพยายามของคนชอบเที่ยวนั้นหามีน้อยไม่ พอๆกับนักท่องเที่ยวที่เยอะมาก เพราะเราไปตรงกับวันหยุดพอดี เนื่องจากเป็นสถานที่ชิวๆ ครั้งนี้เราอยากไปเที่ยวแบบชิวๆ ไม่คิดอะไร เลยไม่ได้วางแผนไม่จองอะไรล่วงหน้า ปรากฏว่าที่พักเต็มเกือบหมดจ้าาาา~ เกือบได้ไปนอนวัดแล้วไหมล่ะ โชคดีมีที่พักหนึ่งว่างพอดี จริงๆ ที่นี่ก็มีเต็นท์ให้เช่านะ ลานกางเต็นท์วิวดีมากล้อมไปด้วยภูเขา

เราไปถึงสักพักยังไม่ทันได้เดินเล่น ฝนก็ตกแบบเหมือนไม่เคยตกมาก่อน แต่มันก็ดีนะเพราะทำให้มีหมอก แต่บางทีก็ลงหนักเกินไป๊!!!

เราจัดอยู่ในโซนคนโชคร้ายก็ว่าได้ ไปที่ไหนไม่ค่อยได้เจอหมอกสวยๆ พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าแบบในซีนหนังรัก ท้องฟ้าก็ไม่ค่อยเป็นใจ ทริปนี้ก็เป็นอีกทริปที่ไม่ได้ทะเลหมอก เพราะหมอกมาลงอยู่ที่เราแทน ภาพที่ได้ก็จะดูเบลอๆ เหงาๆ หน่อยนะคะ

รอบๆ หมู่บ้านมีที่ให้เดินเล่นถ่ายรูปอยู่หลายจุด ปิล๊อกเคยเป็นเหมืองแร่เก่าที่ทั้งใหญ่และรุ่งเรืองมากในอดีต ถึงจะปิดตัวลงไปแล้วแต่ก็ยังทิ้งร่องรอยเอาไว้อยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศ ทางเข้าเหมือง และอุปกรณ์การทำเหมืองที่ปกคลุมไปด้วยสนิม

ไฮไลต์ที่สุดก็คงเป็นสะพานหน้าหมู่บ้าน ที่ผู้คนมากมายเขียนข้อความลงแผ่นไม้แล้วนำไปแขวนที่สะพาน คล้ายเป็นการบอกกล่าวว่า ‘เรามาเยี่ยมเธอแล้วนะ’

วันที่เราไปเป็นวันพระใหญ่พอดี ทางวัดปิล๊อกก็มีจัดเวียนเทียนเหมือนกันนะ จากจำนวนคนที่มาเที่ยวเยอะ ทำให้ไฟฟ้าไม่พอ ไฟจึงดับตั้งแต่เย็นเลย การเวียนเทียนครั้งนี้จึดมืดสนิท เหลือเพียงแค่แสงสว่างจากเทียนเท่านั้น เรารู้สึกว่า ได้ซึมซับพระธรรมและธรรมชาติอย่างแท้จริง

ถ้าใครตื่นเช้าหน่อย ก็ออกมาตักบาตรได้นะ มีพระ เณร เดินบิณฑบาตรตรั้งแต่เช้าเลย ถือว่าเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดีเลยล่ะ

ที่นี่อากาศค่อนข้างเย็น จิ้มจุ่มและหมูกระทะจึงเป็นอาหารยอดฮิตของที่นี่เลยก็ว่าได้ คนเต็มร้านตลอด ขนมของว่างที่นี่ก็เยอะนะ ทั้งโรตีหน้าตลาด

ขนมทองโยะ เป็นขนมพื้นบ้านที่ทำจากงาดำตำกับข้าวเหนียวทอดกรอบจิ้มกับนมข้นหวาน, เด็ดสุดหม่าล่า เรากินไปเยอะมาก ยังติดใจอยู่ทุกวันนี้ อยากกินอีก!!!!

นอกจากที่เที่ยวในหมู่บ้าน รอบๆ ยังมีสถานที่เที่ยวอีกมากมาย เราตัดสินใจเช่ารถจักรยานยนต์ ซึ่งให้เช่าแค่รถวิบากเพราะด้วยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาจะทำให้ง่ายต่อการขับขี่ ราคาประมาณ 450 บาทต่อวัน

จุดแรกที่เราไปเที่ยว คือ เนินเสาธง เป็นเนินเขาที่มีธงประจำชาติไทยและพม่าตั้งคู่กัน

จุดที่สอง ช่องทางมิตรภาพ เป็นเขตชายแดนไทยพม่า เราสามารถเดินข้ามไปถ่ายรูปได้นะ ทางชันหน่อย เดินเหนื่อยแต่วิวสวยให้อภัยค่ะ

จุดที่สาม จุดชมวิวเนินช้างศึก จุดนี้เราไปตั้งแต่ตี 5 ด้วยความที่คิดว่าเดี๋ยวหมอกก็จาง เห็นพระอาทิตย์ขึ้นแน่นอน เหมือนสวรรค์แกล้งจะ 8 โมงแล้วหมอกยังลงหนักเหมือนเดิม เราจึงมาแก้ตัวใหม่ในตอนเย็น ก็ยังดีกว่าตอนเช้าถึงไม่เห็นพระอาทิตย์ตก แต่เห็นทิวเขาไกลจนถึงพม่า และยังเห็นหมู่บ้านอีต่องอีกด้วย

จุดที่สี่ น้ำตกกลางหุบเขา ‘จ๊อกกระดิ่น’ ชื่อค่อนข้างแปลเพราะว่าเป็นภาษาพม่าที่เพี้ยนมาจากคำว่า ‘ก๊อกกระด่าน’ มีความหมายว่าน้ำตกที่ไหลผ่านซอกหิน ที่นี่น้ำใสและเย็นมาก เรานั่งชิวๆเอาเท้าแช่น้ำจนลืมเวลาไปเลย อ่อ! ที่นี่เสียค่าเข้า 40 บาทต่อคนนะ ถ้านำรถยนต์มาจะเสียค่าจอดเพิ่มอีก 30 บาทต่อคัน

จุดสุดท้ายที่เราไปคือ เหมืองลุงสมศักดิ์ จุดนี้ควรไปกับรถนำเที่ยวหรือมีรถส่วนตัวที่เป็นแบบโฟวิล เนื่องจากทางชันมากและยังเป็นดินแดง ทางลื่นถ้าไม่เชี่ยวชาญในการขับรถอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ด้วยความไม่รู้และไม่ได้ศึกษาก่อนไปเราไปด้วยมอเตอร์ไซค์ที่เช่ามาจ้า ทางไกลและชัน รถกินน้ำมัน น้ำมันหมด ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ขี่กันมาเกินครึ่งทาง ก็ต้องเข็นกันไปให้ถึง

เหมืองสมศักดิ์ได้เปลี่ยนเป็นที่พัก และร้านอาหารของป้าเกล็น ภรรยาของลุงสมศักดิ์ การที่จะไปกินอาหารของร้านป้านั้นต้องติดต่อไปก่อน เพราะทางร้านไม่มีวัสดุเตรียมไว้ตลอด เราก็พลาดตรงนี้เหมือนกัน

สรุปการเดินทาง (อีกรอบ)

การเดินทางจากกรุงเทพไม่ยากเลย สามารถซื้อตั๋วที่หมอชิตไปลง บขส กาญจนบุรีในรอบตี 5 เพื่อจะให้ทันรถเมล์ที่บขส กาญจนบุรีในรอบ 8 โมงเช้า จุดที่ลงคือตลาดทองผาภูมิ ค่ารถขาไปเป็นรถแอร์ราคา 110 บาทต่อคน จากนั้นไปต่อรถสองแถวในเวลาเที่ยงซึ่งเป็นรอบสุดท้าย ถ้ารถเลทก็จบเลยนะทริปนี้ จากตลาดทองผาภูมิไปสู่บ้านอีต่องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ค่ารถ 70 บาทต่อคน (รถสองแถวขากลับ จากบ้านอีต่องไปตลาดทองผาภูมิมีรอบ 6 โมง 7 โมงและ 8 โมงเช้านะ)

สรุปค่าใช้จ่าย ไปเที่ยวบ้านอีต๋อง ปิล็อก
  • ค่ารถตู้ไป-กลับหมอชิต-กาญจนบุรี 240 บาท
  • ค่ารถเมล์ไป-กลับ บขส.กาญจนบุรี-ตลาดทองผาภูมิ 180 บาท
  • ค่ารถสองแถวตลาดทองผาภูมิ-บ้านอีต่อง 140 บาท
  • ค่าเช่ารถจักรยานยนต์ 450 บาท(ไป 2 คน หาร2) = 225 บาท
  • ค่าที่พักคืนละ 600 บาท x 2 คืน = 1,200 บาท (ไป 2 คน หาร2 ) เหลือ 600 บาท
  • ค่าอาหาร 5 มื้อ ตกมื้อละประมาณ 100 บาท = คน500 บาท
  • รวมๆ แล้วค่าใช้จ่ายประมาณคนละ 1,885 บาท

แล้วเจอกันใหม่นะ ปิล็อก

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก