ใบขับขี่หมดอายุ จำเป็นต้องไปต่อใบขับขี่ จะต้องทำอะไรบ้าง เตรียมอะไรบ้าง สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ไหม ปฏิบัติอย่างไร สามารถอ่านได้จากที่นี่ ต่อใบขับขี่ 2565
ต่อใบขับขี่ 2565 ต้องทำยังไง เตรียมอะไรบ้าง
ต่อใบขับขี่จาก 5 ปี เป็น 5 ปี
การต่อใบอนุญาตจาก 5 ปี เป็น 5 ปี
หลักฐานที่ต้องใช้
- บัตรประชาชนตัวจริง
- ใบอนุญาตฉบับเดิม
- ใบรับรองแพทย์ อายุไม่เกิน 1 เดือน
ขั้นตอนการทดสอบ
- ให้อบรมผ่านระบบ e-Learning ได้ทาง www.dlt-elearning.com
- จองคิวผ่าน DLT Smart Queue / iOS Link: //apple.co/2GIHARd แอนดรอยด์ Link: //bit.ly/2IkLpyO เพื่อเข้ามาสมรรถภาพและออกใบอนุญาตขับรถ
- ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
- ออกใบอนุญาตขับรถ
ค่าธรรมเนียม
- รถยนต์ 505 บาท
- รถจักรยานยนต์ 255 บาท
*สามารถต่อก่อนล่วงหน้าได้ 90 วัน
*หากขาดเกิน 1 ปี ต้องอบรม 2 ชั่วโมง และทดสอบข้อเขียนใหม่
*หากขาดเกิน 3 ปี ต้องอบรม 2 ชั่วโมง ทดสอบข้อเขียน และทดสอบขับรถใหม่
เปลี่ยนใบขับขี่จาก 2 ปี (ชั่วคราว) เป็น 5 ปี
หลักฐานที่ต้องใช้
- บัตรประชาชนตัวจริง
- ใบอนุญาตฉบับเดิมตัวจริง
- ใบรับรองแพทย์ อายุไม่เกิน 1 เดือน
ขั้นตอนการทดสอบ
- จองคิวผ่าน DLT Smart Queue / iOS Link: //apple.co/2GIHARd แอนดรอยด์ Link: //bit.ly/2IkLpyO เพื่อเข้ามาสมรรถภาพและออกใบอนุญาตขับรถ
- ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
- ออกใบอนุญาตขับรถ
ค่าธรรมเนียม
- รถยนต์ 505 บาท
- รถจักรยานยนต์ 255 บาท
*สามารถต่อก่อนล่วงหน้าได้ ทันทีที่ถือใบอนุญาตขับรถครบ 1 ปี
*หากขาดเกิน
1 ปี ต้องอบรม 5 ชั่วโมง และทดสอบข้อเขียนใหม่
*หากขาดเกิน 3 ปี ต้องอบรม 5 ชั่วโมง
ทดสอบข้อเขียน และทดสอบขับรถใหม่
**หมายเหตุ ใบรับรองแพทย์ **(ตามประกาศกฎกระทรวงคมนาคม เรื่องการขอและการออกใบอนุญาตขับรถและการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ.2563 ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลใช้บังคับวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้ที่ต้องการขอรับและขอต่ออายุใบขับขี่รถทุกชนิด ทุกประเภทต้องมีใบรับรองแพทย์ยื่นประกอบการดำเนินการด้วย)
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
วิธีต่อใบขับขี่ ขั้นตอนการต่อใบขับขี่ อัปเดตล่าสุดปี 2565 สอบใบขับขี่ต้องทำยังไง ต่อใบขับขี่ใช้เอกสารอะไรบ้าง ทั้งใบขับขี่รถยนต์และใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ ขั้นตอนการจองคิวทำใบขับขี่ ต่อใบขับขี่ล่วงหน้า หรือใบขับขี่หมดอายุไปแล้วต้องทำอย่างไรบ้าง
ใบขับขี่ หรือ ใบอนุญาตขับรถ คือเอกสารสำคัญสำหรับผู้ขับขี่รถทุกประเภทที่ต้องดำเนินการเพื่อให้ได้มาอย่างถูกต้อง หรือกล่าวอย่างง่าย ๆ ก็คือ ใครที่จะขับขี่รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ออกมาบนท้องถนน ก็ต้องไปสอบใบขับขี่ให้เรียบร้อยเสียก่อนนั่นเอง
ขณะที่ใบขับขี่นั้นมีกำหนดอายุการใช้งาน นั่นเท่ากับว่าผู้ขับขี่ทุกคนก็มีหน้าที่ต้องไปต่อใบขับขี่เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ฉะนั้นมาดูกันว่า การต่อใบขับขี่ต้องทำอย่างไร มีขั้นตอนอะไรบ้าง ตั้งแต่การจองคิวใบขับขี่ จนถึงการเดินทางไปทำใบขับขี่ที่สำนักงานขนส่ง เรื่องค่าใช้จ่ายในการทำใบขับขี่ รวมถึงข้อมูลในเรื่องอื่น ๆ ต้องมีข้อปฏิบัติอย่างไร โดยแบ่งรายละเอียดตามกรณีต่อไปนี้
- การจองคิวต่อใบขับขี่
- การต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี (เปลี่ยนจากชนิดชั่วคราว เป็นชนิด 5 ปี)
- การต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี (ต่อชนิด 5 ปี เป็นชนิด 5 ปี)
จองคิวต่อใบขับขี่
กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดให้ผู้ที่จะดำเนินการเกี่ยวกับใบขับขี่ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ ต้องทำการ จองคิวทำใบขับขี่ เพื่อเข้ารับการอบรมล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นการขอใบอนุญาตขับขี่ชนิดชั่วคราวหรือทำใบขับขี่ใหม่ของผู้ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน หรือการต่อใบขับขี่ประเภทต่าง ๆ โดยสามารถทำการจองผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
1. จองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ ปัจจุบันน่าจะถือว่าเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด โดยสามารถทำการจองผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือทำการจองทางเว็บไซต์ gecc.dlt.go.thของกรมการขนส่งทางบก ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
2. จองคิวต่อใบขับขี่ทางโทรศัพท์ โดยติดต่อไปยังหมายเลขของสำนักงานขนส่งพื้นที่ต่าง ๆ
3. จองคิวต่อใบขับขี่ด้วยตนเอง โดยเดินทางไปยังสำนักงานขนส่งพื้นที่ต่าง ๆ
ภาพจาก gecc.dlt.go.th
ต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี
การขอรับใบขับขี่รถส่วนบุคคล เปลี่ยนจากชนิดชั่วคราว เป็นชนิด 5 ปี หรือที่เรียกว่าต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี คือขั้นตอนหลังจากที่ทำใบขับขี่ครั้งแรกและได้รับใบขับขี่ชั่วคราวมาแล้ว 1 ปี โดยการต่อใบขับขี่ครั้งต่อไปก็จะเป็นการขอรับใบขับขี่ชนิด 5 ปีนั่นเอง ซึ่งมีหลักเกณฑ์ดังนี้
คุณสมบัติของผู้ขอรับใบขับขี่ชนิด 5 ปี
1. ได้รับใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว ใบขับขี่รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลชั่วคราว หรือใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว มาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
2. มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 46 เช่น อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์, ไม่มีใบขับขี่รถชนิดเดียวกันอยู่แล้ว หรือไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างถูกยึดหรือเพิกถอนใบขับขี่
3. ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ หรือถูกลงโทษปรับตั้งแต่สองครั้งขึ้นไปในความผิดเกี่ยวกับการขับรถอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ เว้นแต่จะพ้นโทษครั้งสุดท้ายไม่น้อยกว่า 6 เดือนแล้ว
• ฝ่าฝืนสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมาย
• ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น
• ในลักษณะกีดขวางการจราจร
• ใช้ความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
• โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน
• โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือนร้อนของผู้อื่น
4. ใบขับขี่ชั่วคราวต้องไม่หมดอายุมาเกินกว่า 1 ปี หากหมดอายุเกิน 1 ปี ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติม
ต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี ใช้เอกสารอะไรบ้าง
1. ใบขับขี่ชั่วคราวที่ได้รับมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
2. บัตรประชาชนตัวจริง
3. ใบรับรองแพทย์ ออกก่อนวันยื่นคำขอต่อใบขับขี่ไม่เกิน 1 เดือน
ขั้นตอนต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี ต้องสอบอะไรบ้าง
1. ตรวจสอบเอกสาร และออกคำขอ
2. ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
• ทดสอบการมองเห็นสี ที่จำเป็นในการขับรถ
• ทดสอบสายตาทางลึก
• ทดสอบสายตาทางกว้าง
• ทดสอบปฏิกิริยาเท้า (ความสามารถในการใช้เบรกเท้า)
3. ชำระค่าธรรมเนียม ถ่ายรูปติดใบขับขี่ และรับใบขับขี่ โดยค่าใช้จ่ายแบ่งเป็น ค่าคำร้อง 5 บาท และค่าธรรมเนียมใบขับขี่ตามแต่ละประเภท หากเป็นใบขับขี่รถยนต์ 500 บาท (รวม 505 บาท) ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ 250 บาท (รวม 255บาท)
หมายเหตุ หากใบขับขี่ชั่วคราวหมดอายุแล้วเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องสอบข้อเขียนใหม่ และหากหมดอายุเกิน 3 ปี ต้องเข้าอบรม, ทดสอบข้อเขียน และทดสอบขับรถใหม่ทั้งหมด
ต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี
สำหรับใบอนุญาตขับขี่ส่วนบุคคล ทั้งใบขับขี่รถยนต์ ใบขับขี่รถยนต์สามล้อ และใบขับขี่รถจักรยานยนต์ มีอายุ 5 ปี ซึ่งการต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี มีหลักเกณฑ์ดังนี้
คุณสมบัติของผู้ขอต่อใบขับขี่
1. เป็นผู้ที่ได้รับใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล ใบขับขี่รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ใบขับขี่รถบดถนน ใบขับขี่รถแทรกเตอร์ หรือใบขับขี่รถชนิดอื่นอยู่เดิมแล้ว
2. ผู้ขอยังคงมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามสำหรับผู้ถือใบขับขี่ชนิดนั้น ๆ
3. ใบขับขี่ฉบับเดิมต้องไม่หมดอายุมาเกินกว่า 1 ปี หากหมดอายุเกิน 1 ปี ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติม
ต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี ใช้เอกสารอะไรบ้าง
1. ใบขับขี่เดิม หรือใบแทน
2. บัตรประชาชนฉบับจริง
3. ใบรับรองแพทย์ ออกก่อนวันยื่นคำขอต่อใบขับขี่ไม่เกิน 1 เดือน
ขั้นตอนต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี ต้องสอบอะไรบ้าง
1. ตรวจสอบเอกสาร และออกคำขอ
2. ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
- ทดสอบการมองเห็นสี ที่จำเป็นในการขับรถ
- ทดสอบสายตาทางลึก
- ทดสอบสายตาทางกว้าง
- ทดสอบปฏิกิริยาเท้า (ความสามารถในการใช้เบรกเท้า)
3. ชำระค่าธรรมเนียม ถ่ายรูปติดใบขับขี่ และรับใบขับขี่ โดยค่าใช้จ่ายแบ่งเป็น ค่าคำร้อง 5 บาท และค่าธรรมเนียมใบขับขี่ตามแต่ละประเภท หากเป็นใบขับขี่รถยนต์ 500 บาท (รวม 505 บาท) ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ 250 บาท (รวม 255 บาท)
ใบขับขี่หมดอายุต้องต่อภายในกี่วัน
กรณีที่ ใบขับขี่หมดอายุ ในส่วนของใบอนุญาตขับขี่ส่วนบุคคล ซึ่งได้แก่ ใบขับขี่รถยนต์ ใบขับขี่รถยนต์สามล้อ และใบขับขี่รถจักรยานยนต์ สามารถยื่นคำขอใบอนุญาตใหม่ หรือทำการต่อใบขับขี่ โดยมีเงื่อนไขคือ
- หากใบขับขี่หมดอายุมาแล้วไม่เกิน 1 ปี สามารถยื่นคำขอต่อใบขับขี่ได้เลย
- หากใบขับขี่หมดอายุมาแล้วเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องสอบข้อเขียนใหม่
- หากใบขับขี่หมดอายุมาแล้วเกิน 3 ปี ต้องเข้ารับการอบรม สอบข้อเขียนใหม่ และทดสอบขับรถใหม่ทั้งหมด รวมทั้งต้องยื่นเอกสารใบรับรองแพทย์เพิ่มเติมด้วย
ทําใบขับขี่ต้องอายุเท่าไหร่
กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ขอทำใบขับขี่ประเภทต่าง ๆ ต้องมีอายุตามเกณฑ์ ดังนี้
- ใบขับขี่ส่วนบุคคล ได้แค่ ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ และใบขับขี่รถยนต์ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี
- แต่หากเป็นการขอใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ชั่วคราว สำหรับมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดกระบอกสูบไม่เกิน 110 ซี.ซี. ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี
- ใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี
- ใบขับขี่รถยนต์สาธารณะ และใบขับขี่รถยนต์สามล้อสาธารณะ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี
- ใบขับขี่รถบดถนน รถแทรกเตอร์ และใบขับขี่รถประเภทอื่น ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี
เอกสารต่อใบขับขี่ ใช้อะไรบ้าง
- บัตรประชาชน
- ใบขับขี่เดิมที่หมดอายุ
- ใบรับรองแพทย์ใบขับขี่
หมายเหตุ - กรมการขนส่งทางบกได้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการต่อใบขับขี่ และทำใบขับขี่ ทุกประเภท ต้องใช้ใบรับรองแพทย์เป็นเอกสารประกอบด้วย รวมถึงการต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป
ภาพจาก dlt.go.th
ใบรับรองแพทย์ (สำหรับใบอนุญาตขับรถ)
การต่อใบขับขี่กรณีใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี หรือเกิน 3 ปี
สำหรับการต่อใบขับขี่ในกรณีที่ใบขับขี่หมดอายุมาแล้วเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องสอบข้อเขียนใหม่ แต่หากหมดอายุมาแล้วเกิน 3 ปี ต้องเข้ารับการอบรม สอบข้อเขียนใหม่ และทดสอบขับรถใหม่ทั้งหมด ซึ่งตามหลักเกณฑ์ใหม่ ทั้ง 2 กรณีต้องยื่นเอกสารใบรับรองแพทย์ประกอบด้วย สามารถจองคิวอบรมล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เพื่อระบุวัน เวลา และสถานที่ที่ต้องการ
หลักฐานสำหรับการต่อใบขับขี่กรณีขาดต่อเกิน 1-3 ปี
บัตรประชาชนฉบับจริง
ใบขับขี่เก่า (ถ้ามี)
ใบรับรองแพทย์ ที่ออกในช่วงเวลาไม่เกิน 1 เดือน
อบรมใบขับขี่ออนไลน์ มีขั้นตอนอย่างไร ใครต้องอบรมบ้าง
กรมการขนส่งทางบกได้เปิดระบบการอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถ หรือ ใบขับขี่ ผ่านทางเว็บไซต์ออนไลน์ผ่านระบบ e-Learning ซึ่งสามารถดำเนินการเข้ารับการอบรมได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ จากที่บ้าน แทนการเข้ามาอบรมที่สำนักงานเพื่อเป็นการลดขั้นตอนในการดำเนินการที่สำนักงานฯ รวมไปถึงช่วยลดจำนวนคิวรอเข้ารับบริการเพิ่มขึ้น แต่คนที่จะสามารถเข้าอบรมได้ต้องเป็นผู้ที่ต่อใบขับขี่ หรือใบอนุญาตขับรถหมดอายุเท่านั้น ใครที่ทำใบขับขี่ใหม่หรือยังไม่เคยมีใบขับขี่มาก่อนต้องจองคิวเข้าไปดำเนินการอบรมที่สำนักงานขนส่งฯ เท่านั้น โดยสามารถดูขั้นตอนและวิธีการเพิ่มเติมได้ที่ : อบรมใบขับขี่ออนไลน์ 2565 มีขั้นตอนและวิธีการอบรมอย่างไร ใครต้องอบรมบ้าง
กรมการขนส่งทางบกประกาศเปิดทำใบขับขี่ที่สำนักงาน
ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกได้ประกาศพร้อมให้บริการด้านใบอนุญาตขับรถและผู้ประจำรถ ในส่วนที่ไม่ต้องมีการอบรมในสำนักงาน ซึ่งผู้เข้ารับบริการต้องจองคิวต่อใบขับขี่ล่วงหน้าผ่านทางแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue รวมถึงการให้บริการด้านทะเบียนและภาษีรถที่สำนักงานขนส่งที่กลับมาเปิดให้บริการตามปกติเช่นกัน
หมายเหตุ - ใบขับขี่ จะหมดอายุตามวันที่ระบุ ซึ่งจะตรงกับวันที่ทำ โดยสามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ 6 เดือน ก่อนถึงวันหมดอายุ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : กรมการขนส่งทางบก