คนใช้ iPhone ที่อยากจะอัดคลิปเสียงเวลาโทรศัพท์น่าจะอยากรู้แน่ ๆ ว่าทำได้หรือเปล่า แล้วทำยังไง ใช้แอปอะไร เพราะในตัวระบบ iOS เองไม่มีฟังก์ชันนี้ให้ใช้งาน
สาเหตุที่ Apple ไม่มีใส่มาให้นั้นเป็นเพราะว่าเรื่องของความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวนั่นเอง เพราะอาจเกิดการดักฟังเสียงโดยที่สายสนทนาฝั่งตรงข้ามไม่รู้ตัว
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้แอปจากผู้พัฒนายอื่นเข้ามาช่วย เราเอามาแนะนำให้เลือกใช้กันตามด้านล่างนี้เลย
ด้วยการออกแบบระบบ iOS ของ Apple ที่ไม่ยอมให้แอปตัวอื่นเข้าถึงไมโครโฟนของ iPhone ได้ระหว่างที่กำลังโทรศัพท์อยู่ จึงจำเป็นต้องใช้การประชุมสายพ่วงเข้าไปเพิ่มแทนผ่านแอปเสริม
TapeACall Pro เมื่อเรียกใช้งานแอปตัวนี้จะต้องพักสายคู่สนทนาฝั่งตรงข้ามสักครู่นึง แล้วมาเปิดแอปตัวนี้ให้เริ่มทำงาน หรือสามารถโทรออกจากตัวแอปได้เลย และเลือกตัวเลือกบันทึกเสียง
คิดค่าใช้จ่ายในรูปแบบของบริการสมัครสมาชิกรายเดือน Subscription ที่เดือนละ $9.99
ที่มา ibit.ly/1Suw
บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการอัดเสียงตอนคุยโทรศัพท์ใน iPhone ปกติ Apple จะไม่มีฟีเจอร์หรือแอพตั้งต้นสำหรับอัดเสียงสนทนาใน iPhone ด้วยเหตุผลด้านความเป็นส่วนตัว เพราะงั้นต้องดาวน์โหลดแอพนอก หรือหาอุปกรณ์มาใช้อัดเสียงแทน เช่น ไมโครโฟนของคอม หรือมือถือเครื่องอื่น
-
1
เปิด App Store. ที่ไอคอนเป็นเครื่องเขียนประกอบกันเป็นตัว "A" สีขาวบนพื้นฟ้า ปกติ App Store จะอยู่ที่หน้า Home
-
2
แตะ Search. ที่ด้านขวาล่างของหน้าจอ มีไอคอนรูปแว่นขยาย
-
3
แตะแถบค้นหา. ที่เป็นตัวเลือกทางด้านบนของหน้าจอ
-
4
ค้นหาแอพอัดเสียงสนทนา. ส่วนใหญ่ที่ใช้ได้ผลจะเป็นแอพอัดเสียงที่ต้องเสียเงิน แอพที่คนนิยมใช้กัน คะแนนรีวิวดีๆ ก็เช่น[1]
- TapeACall Pro - เป็นแอพราคา $9.99 (ประมาณ 300 กว่าบาท) โดยจะต่างจากแอพอัดเสียงสนทนาอื่นๆ ตรงที่ไม่ต้องจ่ายเพิ่มเป็นนาที
- Call Recorder - IntCall - เป็นแอพที่ดาวน์โหลดได้ฟรี แต่จะคิดค่าอัดเสียงนาทีละประมาณ $0.10 (3 บาทกว่า) และต้องต่อเน็ตผ่าน Wi-Fi ถึงจะใช้แอพนี้ได้
- Call Recording by NoNotes - เป็นแอพที่ดาวน์โหลดได้ฟรี โดยอัดเสียงสนทนาได้ฟรีไม่เกิน 20 นาทีต่อเดือน พอครบตามที่กำหนดแล้ว จะคิดประมาณนาทีละ $0.25 (ประมาณ 8 บาท)
-
5
แตะ Get ทางขวาของแอพที่เลือก. ถ้าเป็นแอพแบบเสียเงิน ปุ่มนี้จะเป็นราคาของแอพแทน
-
6
แตะ Install. จุดเดียวกับที่เคยเป็นปุ่ม Get
-
7
ใส่รหัสผ่าน Apple ID. แล้วแอพนั้นจะเริ่มดาวน์โหลดลงเครื่อง
- ถ้าล็อกอิน App Store ไว้แล้ว ก็ไม่ต้องทำขั้นตอนนี้
- ถ้า iPhone มี Touch ID ก็สแกนลายนิ้วมือได้เลย
-
8
เปิดแอพแล้วโทรออก. ถึงขั้นตอนเฉพาะจะต่างกันไปตามแอพที่ใช้ แต่ส่วนใหญ่จะใช้งานเหมือนๆ กัน ให้เชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ของแอพตอนโทรออก เพื่อ merge หรือรวมกับสายที่สนทนาอยู่
- ถ้ามี ก็ต้องยอมรับ Terms and Conditions หรือเงื่อนไขและข้อตกลงการใช้งานก่อน ค่อยใส่เบอร์โทร
- พอ merge สายแล้ว ก็เริ่มอัดเสียงสนทนาได้เลย
- พอคุยจบ หรืออัดเสียงเกินเวลาที่กำหนด สายก็จะตัดไป
-
9
เปิดฟังเสียงที่อัดไว้. เสียงสนทนาจะเก็บอยู่ในระบบคลาวด์ หรือในเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ และจะรวมกันไว้ในรายการ
- ถ้าใช้ Call Recorder - IntCall ให้แตะ "Recording" ทางด้านล่างของหน้าจอ เพื่อเปิดรายการเสียงที่อัดไว้ แล้วแตะปุ่ม "Play" เพื่อเปิดฟังได้เลย
- บางแอพจะมีพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ให้ คุณก็จัดการและกู้คืนไฟล์ได้เลย
- คุณแก้ไขเสียงที่อัดไว้ได้ตลอด โดยตัดให้เหลือแต่ส่วนที่อยากเก็บไว้ จากนั้นก็ส่งอีเมลหรือจัดการไฟล์ตามต้องการได้เลย เหมือนไฟล์ในคอมตามปกติ
โฆษณา
-
1
เปิดแอพอัดเสียงในอุปกรณ์อื่นที่ไม่ใช่ iPhone. ถ้ามีอุปกรณ์อื่นที่ใช้อัดเสียงได้ เช่น iPad หรือคอมที่มีไมโครโฟน ก็ใช้อัดเสียงสนทนาได้เลย หรือดาวน์โหลดโปรแกรมที่ใช้กับ Windows และ Mac มาใช้
- ถ้าใช้ Mac ก็มี "QuickTime Player" ที่เป็นโปรแกรมพื้นฐานสำหรับอัดเสียงและเปิดฟัง
- ส่วน PC ก็มี "Sound Recorder" ที่ฟังก์ชั่นใช้งานเดียวกัน
- Audacity ก็เป็นอีกโปรแกรมฟรีของทุกแพลตฟอร์ม รวมถึง Linux ด้วย
- ถ้ามี iPad หรือ iPhone อีกเครื่อง ก็ใช้อัดเสียงได้เลย ใช้แอพ "Voice Memos" ก็ได้ สะดวกดี
-
2
เอา iPhone จ่อตรงหน้าคุณ. จะได้ผลดีก็ต่อเมื่ออยู่ในห้องเงียบๆ โดยโทรคุยแล้วเปิด speaker ให้เสียงออกมา
-
3
จ่อไมโครโฟน. ถ้าใช้แล็ปท็อปหรือแท็บเล็ต ต้องจ่อไมโครโฟนให้ใกล้มือถือที่สุด แต่ถ้าใช้ไมโครโฟนแบบเอามาเสียบต่อ ก็ต้องเอาไปจ่อที่ด้านล่างของ iPhone
-
4
เปิดแอพอัดเสียง. ขั้นตอนจะต่างกันไปตามอุปกรณ์ที่ใช้ แต่ส่วนใหญ่จะต้องเปิดโปรแกรมอัดเสียง แล้วเลือก "New Recording"
-
5
เริ่มอัดเสียง. ให้ทำก่อนโทรหาใคร จะได้อัดทันตั้งแต่เริ่มคุยกัน
-
6
โทรออก. โดยแตะแอพ Phone ที่ไอคอนเป็นรูปโทรศัพท์สีขาวบนพื้นเขียว แตะตัวเลือก Keypad ทางด้านล่างของหน้าจอ พิมพ์เบอร์โทรของคนที่จะคุยด้วย แล้วแตะปุ่ม "Call" สีเขียว ทางด้านล่างของหน้าจอ
- หรือเลือกคนใน contact ไม่ก็เบอร์ที่โทรหาล่าสุด จากใน Contacts หรือ Recents ทางด้านล่างของหน้าจอ
-
7
แตะ Speaker. ที่เป็นตัวเลือกมุมขวาบนของตัวเลือกโทรออก ใต้เบอร์ที่โทรอยู่ เพื่อเปิดลำโพงหรือ speaker ให้เสียงออกมาข้างนอก จนอัดเสียงได้ชัดเจน
- พออีกฝ่ายรับสาย ก็อย่าลืมบอกด้วย ว่ากำลังอัดเสียงที่พูดคุยกัน
โฆษณา
เคล็ดลับ
- อย่าใช้เฮดโฟนตอนโทรออก เพราะจะอัดได้เฉพาะเสียงสนทนาฝั่งคุณ
โฆษณา
คำเตือน
- การอัดเสียงสนทนาโดยไม่แจ้งอีกฝ่าย ถือเป็น "การดักฟัง" ระวังผิดกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยต้องแจ้งอีกฝ่ายก่อนว่าคุณกำลังจะอัดเสียงสนทนา แต่กฎหมายนี้ก็แตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ประเทศไหน และคู่สนทนาอยู่ประเทศไหน[2]
โฆษณา
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 415,699 ครั้ง
บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
Should you install iOS 15 on your iPhone?
Should You Install iOS 15 on Your iPhone?
- Focus Mode. With dozens of apps running on our iPhones, it’s pretty easy to get distracted by the endless notifications.
- iCloud Private Relay. iOS 15 bring several privacy features to the table. ...
- Apple Notes Improvements. Apple Notes gets a couple of organization add-ons to manage your notes like a pro. ...
- Revamped Safari. ...
- Better FaceTime Experience. ...
When will iOS 15 release?
Which phones support iOS 15?
Which iPhones Will Get iOS 15?
- iPhone 12 Series (includes 12 Mini, 12 Pro, and 12 Pro Max)
- iPhone SE (2020 Model)
- iPhone 11 Series (Includes 11 Pro and 11 Pro Max)
- iPhone X Series (Includes XR, XS, and XS Max)
- iPhone 8 and 8 Plus
- iPhone 7 and 7 Plus
- iPhone SE (2016 Model)
- iPhone 6s and 6s Plus
- iPod Touch 7th Gen (2019 Model)