นิยาย y ทิ้ง ลูก เมีย จบ แล้ว

แนวท้องได้ พล็อตดราม่านอกใจ พระเอก ‘อี้ฟาน’ นักธุรกิจหนุ่มร่ำรวย แต่งงานกับนายเอก ‘เว่ยอิง’ มา 5 ปี ถ้านับตั้งแต่คบกันก็เข้าปีที่ 7 พระเอกรู้สึกเบื่อหน่ายเมียมากกกก เลยแอบไปกินเลขาไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง เมียคุยด้วยถามอะไรก็หงุดหงิดใส่ ทำอะไรก็ดูขวางหูขวางตาไปซะหมด นายเอกก็กอดตัวเองร้องไห้ทุกวัน ทำกับข้าวเอาไว้ตั้งใจจะให้ผัวกินก็เป็นหมันทุกวัน กระทั่งวันหนึ่งไปหาผัวที่ออฟฟิศกะจะเซอร์ไพรส์แต่ดันเจอซะเอง พระเอกกำลังนัวกับเลขาอยู่ในห้องทำงาน ขนาดเมียไปเจอจัง ๆ ยังทำไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร นายเอกร้องไห้เหมือนโลกจะแตก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจขอหย่าขาด พระเอกอึ้งไปนิดแต่ก็ตอบตกลง ไม่คิดว่าเมียที่ติ๋ม ๆ ว่าง่ายมาตลอดจะตัดสินใจได้เด็ดขาดขนาดนี้ ตอนนี้เริ่มรู้สึกสับสนแล้ว ใจหนึ่งก็ผูกพันเสียดายไม่อยากปล่อยคนดี ๆ แบบนี้ไป แต่อีกใจมันก็หมดแพสชัน พอเซ็นใบหย่ากันนายเอกก็เก็บข้าวของออกจากบ้านผัวมาอยู่เอง พร้อมกับลูกในท้องที่เพิ่งรู้ว่ามี ถึงจะเสียใจที่ต้องเลิกกับผัวแต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดแล้ว เพราะตอนนี้คนที่ตัวเองรักมากกว่าคือลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมา

.
นายเอกเริ่มต้นชีวิตใหม่ ทุกอย่างไปได้สวย ทำงานหาเงินเลี้ยงดูตัวเองได้ แถมสุขภาพจิตยังดีกว่าตอนมีผัวซะอีก ได้แต่เสียดายว่าเดินออกมาจากชีวิตเฮงซวยแบบนั้นช้าเกินไป เพราะจริง ๆ นายเอกรู้ตั้งนานแล้วว่าผัวนอกใจ ตัวนายเอกเองนี่แหละที่ตามไปดูตามไปถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน ตอนแรกมันยังพอหลอกตัวเองได้ แต่ความเย็นชาไม่แยแสที่ได้รับก็ทำให้ความอดทนมันหมดสิ้น ในขณะที่ชีวิตนายเอกดีวันดีคืน ตัดไปที่พระเอกเหมือนหมา อีกนิดจะลงไปคลานแล้วหอนได้ พอเลิกกันเข้าจริง ๆ อารมณ์เบื่อเมียก็หายวับ ส่วนนังเมียเลขาที่ได้มาเห็นแล้วก็ขวางหูขวางตาไปหมด ยั่วยังไงก็ไม่ขึ้น สุดท้ายโดนเฉดหัวทิ้งไป พระเอกอยากกลับไปคืนดีกับเมียแต่รู้ว่าตัวเองทำชั่วกับเค้าไว้มากเลยไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไร กระทั่งรู้ว่านายเอกกำลังท้องก็ดีใจมาก กลับไปง้ออยากจะได้ครอบครัวกลับคืนมา แต่นายเอกเข็ดฉิบหายไม่เอาแล้ว ปฏิเสธทุกทาง กับลูกคงไม่กีดกันยังไงก็เป็นพ่อลูกกัน แต่ถ้าจะให้กลับมาเป็นผัวเมียคงยาก พระเอกก็เลยซึมเศร้าหนัก ข้าวปลาไม่ยอมกิน จนแม่กลัวจะตายซะก่อนเลยไปช่วยพูดกับลูกสะใภ้ สุดท้ายนายเอกสงสารใจอ่อนยอมให้อภัย พระเอกได้ครอบครัวคืนมาก็จริง แต่ก็ต้องอยู่กับความแพนิคกลัวว่าเมียจะทิ้งไปตลอดชีวิต ตื่นมาถ้าไม่เจอเมียก็จะร้องไห้ลนลาน จบไปแบบแฮปปี้พอสมควร

.
เรื่องนี้พล็อตมีความละครน้ำเน่า พระเอกคือคนเหี้ยนี่แหละ เบื่อเมียแล้วไปแอบแซ่บกับคนอื่น แถมยังมาหงุดหงิดใส่เมียที่บ้านอีก นายเอกก็ใจแข็งแล้วนะ แต่พื้นฐานเป็นคนขี้สงสารไง พอเห็นอีกฝ่ายจะตายก็เลยให้โอกาส เพราะไหน ๆ ก็เป็นพ่อของลูก ลึก ๆ ความรักมันก็คงไม่ได้กลับไปเหมือนเดิม 100% หรอก เพราะคนที่รักสุดก็ไม่ใช่ผัวแต่เป็นลูก แล้วอ่าน ๆ ไปก็แอบงงเซตติ้ง ตัวละครชื่อจีนหมดเลย แต่บริบทไทยบ้านมาก ทำแกงเขียวหวาน ต้มยำกุ้ง ตอนนายเอกแพ้ท้องกินส้มตำ มะม่วงดอง มณฑลไท่กั๋วปะเนี่ย คำผิดเยอะอยู่นะ ดำเนินเรื่องแบบมาไวไปไวมาก รวม ๆ ก็อ่านได้นะ ย่อยง่าย ไม่ต้องตีความเยอะ ใครชอบแนวนี้ก็ไปหาตำกันจย้า

.
กดไปที่ 6/10

.
RAW : //bit.ly/3yXP5f9

ทิ้งลูก ทิ้งเมีย เพราะครอบครัวสั่ง

ครอบครัวที่สั่งนี้คือ พ่อ แม่ พี่ น้อง ของฝ่ายเขา
ซึ่งครอบครัวของเขาไม่ค่อยชอบตั้งแต่ตอนรักกันอยู่แล้ว แต่ไม่ได้สนใจมาก
พอตอนนี้ท้อง ครอบครัวเขาไม่ยอมรับ ไม่ให้แต่งงาน
เราก้อฝืนดึงดันกันไป จะแต่งกันเอง จัดทุกอย่างจนครบหมดแล้ว งานอีกไม่กี่วันถึง
พี่สาวเขาโทร แคนเซิลทุกอย่างหมด ยกเลิกโรงแรม เสื้อผ้า หน้าผม ยกเลิกหมด
ไม่ให้มีงานเกิดขึ้น บอกให้น้องชาย ทิ้งลูก ทิ้งเมีย ซะ แล้วเขาก้อยอมทำตาม

ไม่เข้าใจผู้ชายแบบนี้ เขาทำได้อย่างไรกัน ครอบครัวเขาสำคัญมากขนาดสั่งอะไรก้อได้แบบนี้เลยเหรอ

มือเล็กๆ ดันไหล่ชื้นเหงื่อของคนที่ทั้งซบและทิ้งน้ำหนักตัวลงบนตัวเธอจนเธอแทบจมไปกับโซฟาหลังจากทุกอย่างจบสงบลง

เธอสาบานได้ว่าต้องการแค่มาคุยกับเขา ไม่ได้ต้องการให้ความใกล้ชิดถึงขั้นนี้เกิดขึ้นแม้แต่สักนิดเดียว

แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว...

"หายใจไม่ออก" เธอพึมพำด้วยเสียงแหบพร่า จนไม่อยากเชื่อว่าเป็นเสียงตัวเอง ใบหน้าที่ซุกอยู่แถวแอ่งชีพจรและริมฝีปากที่แตะอยู่แถวนั้นค่อยๆ ขยับหายไปจากเธอพร้อมการขยับเขยื้อนของคนตัวโตกว่า แต่ทว่าเขาไม่ได้ถอยไปจากเธออย่างที่คิด แต่การขยับของเธอทำให้ตัวเธอหมุนเหวี่ยงตามแรงดึงไปนอนทาบทับโดยมีเขาอยู่ใต้ร่างแทน

อย่างนี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเก่า แย่กว่าเดิมเสียอีก

"ปล่อยก่อนค่ะ"

แขนที่ล็อกตัวเธอคลายออก หญิงสาวรีบลุกถอยออกมาลนลานคว้าเสื้อผ้ามาสวม ไม่ตวัดสายตาไปมองคนที่ขยับลุกขึ้นนั่ง เนื้อตัวเธอร้อนผ่าวไปหมด ใส่เสื้อผ้าไม่สะดวกเท่าปรกติแต่กระนั้นก็รีบสวมเนื้อตัวสั่นไปหมด

เธอหันกลับไปมองคนที่นั่งมองเธออยู่ ตวัดสายตาไม่พอใจมองไป ก่อนจะคว้าเสื้อผ้าเขาโยนไปบนโซฟาข้างตัวเขา

"เหมือนคราวที่แล้วไม่มีผิด ได้ผมแล้วก็หน้าเชิดใส่ เป็นใบโพล่ารึไงคุณ ตอนอยากได้ก็จะเอา พอได้แล้วก็ทำเหมือนผมไปข่มขืน"

คำพูดของชายหนุ่มทำให้เธอโกรธจนปากสั่น ที่ไม่ยอมสวมเสื้อผ้านั่นอีก หลายอย่างที่เป็นเขาตอนนี้กวนโมโหจนเธอพูดไม่ออก

"ฉันไม่เคยอยากได้คุณ" เธอแหวลั่น "ฉันมาเพราะว่ามีเรื่องจะคุย แต่คุณไม่ฟังฉันเลย ไม่ให้โอกาสได้พูด"

"ก็นี่ไง ให้พูดแล้ว พูดสิ"

"หึ" เธอมองค้อนคนฉวยโอกาส กับคนอื่นที่คบค้ากับเขาคงกินกันไม่ต้องพูดต้องจาแบบนี้ เพราะเขาคิวงานเยอะมีเวลาไม่มาก พอเธอมาหาก็ถูกเหมารวมทั้งที่บอกปาวๆ ว่าไม่ได้ต้องการเขาเลยต่อให้เขาจะติดโผหนุ่มหน้าหล่อชวนฝันแห่งปีมาหลายปีติดก็ตามทีเถอะ

"หัดเข้าใจความต้องการของตัวเองบ้าง คุณอยากเข้าหาผม แต่ไม่ต้องทำมาเป็นเหมือนไม่อยากได้ ไม่เต็มใจ ผมไม่ชอบ ถ้าอยากก็แค่บอก ผมไม่ได้หวงตัวคุณก็เห็น"

"คนบ้า" หญิงสาวยังไม่มีโอกาสพูดเขาก็พูดเข้าข้างตัวเองรัวๆ จนหาช่องไฟแทรกไม่ทัน เธอโกรธจนหาคำพูดมาเถียงเขาไม่ทันแล้ว

เธอทำท่าเหมือนไม่อยากมองเขาเลย และเชิดหน้าจนกลัวคอจะเคล็ด เลยหยิบบ็อกเซอร์ที่เธอโยนมาสวมเข้าอย่างเชื่องช้า แตกต่างจากเวลาถอดผ้าเธอยิ่งนัก

"สวมเสื้อด้วย ฉันจะรีบคุยธุระ จะได้ไม่เสียเวลา"

"ไม่สวมคุยไม่ได้รึไง"

"ไม่ได้!"

หญิงสาวหน้าตึง ก็ไม่อยากมองซิกแพกซ์ ไม่อยากมองแขนล่ำๆ ไม่อยากมอง!

..............

ห้องรับรองเงียบๆ ที่เต็มไปด้วยความอึดอัด ปทิตานั่งหน้าซีดเผือด จับมือตัวเองแน่น

เธอไม่คาดคิดว่าจะเจอเขา เธอแค่พาลูกกลับไทยมาเยี่ยมพ่อที่ป่วยเข้าโรงพยาบาล แต่การรักษาเหมือนจะยาวและมีเรื่องวุ่นหลายอย่างที่เธอต้องจัดการเธอกลัวไม่มีเวลาดูแลลูกเลยพาลูกมาเรียนเพื่อให้แกได้ฝึกภาษา และช่วงที่ลูกเรียนเธอจะได้ไปจัดการธุระได้โดยไม่ต้องพะวักพะวน

แต่เธอไม่นึกเลยว่าแค่มาเรียนวันแรกวิกกี้จะถูกเพื่อนแกล้งจนเจ็บตัว ลูกสาวเล่าอย่างออกรสว่ามีเพื่อนที่ออกตัวว่าเป็นฝาแฝดของเจ้าตัวมาช่วยจนเพื่อนอันธพาลเจ็บตัวเช่นกัน เธอเลยถูกเชิญมาเพื่อฟังสรุปเหตุการณ์และพูดคุยกับผู้ปกครองของคู่กรณี

เธอไม่นึกเลยว่าผู้ปกครองของน้องบี ฮีโร่ของยายวิกกี้จะเป็นเขา

ผู้ชายที่กำลังนั่งจ้องเธอเขม็งเหมือนจะกินเลือดกินเนื้ออยู่ตอนนี้

“ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรือ” วฤทธิ์ถาม เพราะตั้งแต่ที่เดินเข้ามา มีเพียงวิกกี้และน้องบีวิ่งมากอดกันและจูงมือกันไปเล่นอีกทาง ส่วนเขากับเธอนั่งคนละฝั่งของโซฟา

“ไม่เห็นต้องพูดอะไร ฉันรอพบผู้ปกครองของเด็กที่ผลักลูกให้เจ็บเพื่อมาขอโทษและทำความเข้าใจเท่านั้น” หญิงสาวพยายามควบคุมไม่ให้มือที่สั่นเพราะความหวาดหวั่นบางประการ

“ก็จะไม่พูดกับผู้ปกครองเด็กที่ช่วยลูกคุณเอาไว้บ้างเหรอ”

“...”

“น้องบีบอกว่าช่วยวิกกี้เพราะถูกชะตากับวิกกี้มาก บอกว่าหน้าเหมือนกันจนเรียกวิกกี้ว่าบีสอง น่าแปลก ลูกคนละพ่อคนละแม่กัน แต่ทำไมหน้าคล้ายกันนัก”

วฤทธิ์พูดเสียงเย็น แบบที่ใครได้ยินคงหนาว เขาพูดเหมือนหยันแต่อันที่จริงเขาโกรธจะแทบกระอัก ตอนเขาเดินเข้ามาเจอเธอและวิกกี้แวบแรก ดวงตาของเธอก็บอกหมดทุกอย่างว่าเธอมีสิ่งที่ปกปิดเอาไว้และสิ่งนั้นถูกเปิดเผยต่อคนที่ไม่ควรล่วงรู้ที่สุดแล้ว

แต่เธอก็ยังแสร้งทำเป็นไม่มีอะไร เขาเลยแกล้งพูดเรื่องที่วิกกี้กับน้องบีหน้าเหมือนกัน

ตุบ!

เสียงของหล่นจากมือของปทิตา เธอมืออ่อนและสั่นจนแทบเอามืออีกข้างจับไว้ คอแห้งผากไปหมด ไม่กล้าสบตาเขาในยามที่ก้มลงเก็บกระเป๋าคล้องไหล่ที่หล่นบนพื้น เธอมืออ่อนจนมันหลุดมือ วฤทธิ์เลยก้าวมานั่งชันเข่าที่พื้นแล้วหยิบมันขึ้นให้เธอ

สายตาคมกร้าวของเขาเงยหน้ามองเธอ

“อย่าได้คิดพาลูกหนีไปจากผมอีก ไม่อย่างนั้นเราเห็นดีกันแน่”

เสียงดุของเขาทำให้เธออยากจะวิ่งหนีออกไปจากความเยือกเย็นและน่ากลัวนี้ให้พ้นๆ เหลือเกิน แต่เขากลับเป็นคนไปเอง ร่างสูงที่ยังดูดีไม่เคยเปลี่ยนติดจะภูมิฐานขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำก้าวเดินไปยังมุมของเล่นที่เด็กหญิงสองคนกำลังเล่นกันอยู่

เด็กหญิงทั้งสองหน้าคล้ายกันราวฝาแฝดเพราะแต่งตัวเหมือนกัน เรียกได้ว่าคนที่รู้จักเผินๆ มีจำผิดแน่ ดีว่าแยกได้ที่คนหนึ่งผมสั้นคนหนึ่งผมยาว การที่เขาลุกจากเธอทำให้เธอโล่งใจได้ไม่นาน เพราะเขาเดินไปหาลูก เธอประหวั่นมากกว่าเก่าหลายเท่า

เธอไม่คิดว่าจะเจอเขา ไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้ คิดว่าจะกลับไทยเงียบๆ และรีบกลับตอนบิดาออกจากโรงพยาบาล

แต่เพียงแค่มาวันที่สองเท่านั้น ลูกที่เธอเก็บซ่อนไว้สุดความสามารถกลับต้องมาเจอพ่อของแกโดยบังเอิญ

ปัญหาใหญ่คงต้องตามมาอย่างไม่ต้องคาดเดา...

มีจัดจำหน่ายแล้วในรูปแบบอีบุ๊ค ติดตามที่เพจ ลิลลี่แห่งหุบเขานิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ค่ะ//www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTYxMTIwMyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEyNjMwOSI7fQ

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก