หา งาน ทํา เสริม หลัง เลิก งาน

Tag Archives: อาชีพเสริม หลังเลิกงาน

อาชีพเสริม หลังเลิกงาน “กล้วยปิ้งมะพร้าวอ่อน” งาน part time รายได้ดี

admin งาน Part time, อาชีพเสริม ปิดความเห็น บน อาชีพเสริม หลังเลิกงาน “กล้วยปิ้งมะพร้าวอ่อน” งาน part time รายได้ดี

  อาชีพเสริม หลังเลิกงาน “กล้วยปิ้งมะพร้าวอ่อน ... Read More »

อาชีพเดียวคงไม่พอ!! สำหรับมนุษย์เงินเดือนในยุค 2021 ด้วยภาระค่าใช้้จ่ายที่สูงขึ้นสวนกระแสกับเงินเดือนที่ต้องลดลงเพราะภาวะโควิด 19 วันนี้เรามีไอเดีย 10 อาชีพเสริมหลังเลิกงาน เพิ่มรายได้สู้โควิด มาฝากทุกท่านเพื่อเป็นไอเดียหารายได้เสริม และสามารถทำที่บ้านได้ โดยที่ไม่กระทบต่องานประจำ

1. รับจ้างรีดผ้า 

     หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบ และสนุกกับการรีดผ้า การรับจ้างรีดผ้า ซึ่งเป็นงานที่สามารถรับมาทำที่บ้านได้ ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและถนัดแล้ว ยังได้ใช้เวลาว่างทำให้มีอาชีพเสริมหลังจากเลิกงานทำเงินได้อีกด้วยโดยขั้นตอนการรับงานนั้น เริ่มต้นจาก

  • ปิดป้ายประกาศไว้หหน้าบ้าน หรือหากว่าคุณอยู่หอพัก อพาร์ทเม้นต์ หรือคอนโด เพียงแค่ทำใบปลิวแผ่นเล็กๆ ไปสอดไว้ในตู้จดหมาย 
  • ทำแพคเกจในการรับรีด และบริการรับส่งเสื้อผ้า พร้อมเบอร์ติดต่อกลับ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถหาลูกค้าได้ไม่ยาก  

ส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการรีดผ้านั้น ประกอบไปด้วย

  • เตารีด จะเป็นเตารีดแบบธรรมดา หรือเตารีดไอน้ำ หรือเป็นเครื่องรีดระบบไอน้ำ ก็สามารถรับผ้ามารีดที่บ้านได้ ซึ่งราคาขอเตารีดในปัจจุบันนั้นไม่ได้มีราคาที่สูงมากนัก ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 300 บาทจนถึง 600 บาท สำหรับเตารีดแบบธรรมดา  และราคาตั้งแต่ 1,000 – 2,000 สำหรับเตารีดไอน้ำแบบธรรมดา และเตารีดไอน้ำแรงดัน ราคาเริ่มต้นตั้ง 5,000 – 30,000 บาท
  • โต๊ะรีดผ้า ราคาตั้งแต่ 800 – 2,000 บาท (แบบมีแผ่นสะท้อนความร้อน) หรือจะเป็นแบบทั่วไปราคาประมาณ 400 – 800 บาท
  • น้ำยารีดผ้า ราคาเริ่มต้นที่ 30 บาทต่อขวด

     จะเห็นได้ว่าอุปกรณ์ต่างๆ นั้นแทบจะไม่ต้องลงทุนใดๆ เพิ่มเลยเพียงแค่ใช้สิ่งที่มีอยู่ในบ้านก็สามารถนำมาสร้างรายได้หลังเลิกงานทำที่บ้านได้ง่าย หรือหากต้องการมีลูกค้าเพิ่มเติมนอกเหนือจากในหมู่บ้านหรืออพาร์ทเม้นต์ คอนโด คุณสามารถหาลูกค้าเพิ่มจากช่องทางอื่นโดยการสมัครเป็นแม่บ้านออนไลน์ได้ ซึ่งปัจจุบันนี้ได้มีแอพแม่บ้านให้สมัครสมาชิกเพื่อรับงานด้วยตนเอง หากมีคนต้องการใช้บริการ เช่น แอพพลิเคชั่น บีนีท (BeNeat) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ช่วยหาคนที่ต้องการคนช่วยงานบ้านไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาด หรือรีดผ้า ให้ได้มาพบกับคนที่มีใจรักงานบริการทำความสะอาดและรีดผ้า โดยทางแอพจะให้เราเป็นคนกดรับงานด้วยตนเอง ซึ่งสามารถเลือกรับงานที่ตรงกับเวลาว่างของเราเอง ส่วนทางลูกค้าจะทำการชำระเงินผ่านเข้าสู่ระบบ และทางแอพจะทำการหักเปอร์เซนต์แล้วจึงโอนส่วนที่เหลือเข้าบัญชีสัปดาห์ละ 1 ครั้ง 

ขั้นตอนการสมัคร

     คุณสามารถเข้าไปสมัครผ่านทางเว็บไซต์ //www.beneat.co/apply หรือสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น BeNeaat ได้ทั้งระบบ iOS และระบบแอนดรอย์ จากนั้นทำการสมัครตามขั้นตอน โดยคุณสมบัติในการสมัครนั้นจะต้อง

  • มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป 
  • ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมใดๆ
  • มีใจรักการทำงานด้านบริการ
  • มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา
  • มีโทรศัพท์มือถือระบบแอนดรอยด์ หรือไอโอเอส และมีอินเทอร์เน็ตพร้อมใช้งาน

จากนั้นจึงทำการลงทะเบียนตามเงื่อนไข และรอการติดต่อกลับจากทางบีนีทภายใน 24 ชั่วและสามารถเริ่มรับงานได้ทันที

     ในส่วนของรายได้จากการรับจ้างรีดผ้านั้นจะเริ่มต้น 350 บาทต่อ 40 ชิ้น โดยเฉลี่ยภายในหนึ่งสัปดาห์สามารถทำเงินได้ถึงสัปดาห์ละ  2,450 บาทเลยทีเดียว ซึ่งถือได้ว่าเป็นรายได้ที่ถือว่าคุ้มค่า และเหมาะกับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการมีรายได้เสริมหลังเลิกงาน และสามารถทำที่บ้านได้อีกด้วย

เฉลี่ยรายได้จากการรับรัดผ้า

350 บาทต่อ 40 ชิ้น หรือ 2,450 บาท ต่อสัปดาห์

     อาชีพรับจ้างรีดผ้านั้นถือได้ว่าไม่ต้องยุ่งยากเตรียมอุปกรณ์มากมายนัก เพราะส่วนใหญ่เสื้อผ้าต่างๆ จะถูกซัก และอบหรือตากแห้งมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่คุณต้องมีความรู้ในเรื่องของเนื้อผ้า และเทคนิคการรีดผ้าแต่ละชนิด เพียงเท่านี้คุณก็สามารถที่จะสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าได้

ข้อมูลจาก www.beneat.co

2. รับออกแบบกราฟฟิกดีไซน์  

     เป็นอีกหนึ่งอาชีพเสริมที่สามารถทำที่บ้านได้ โดยไม่กระทบงานประจำของมนุษย์เงินเดือน และงานนี้ยังเป็นงานที่กำลังมาแรงในปี 2564 อีกด้วย เพราะการตลาดในปัจจุบันต้องอาศัยการทำการตลาดออนไลน์เป็นหลัก ดังนั้นหากคุณมีคอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งมีฝีมือในการออกแบบ และวาดรูปเก่ง รวมไปถึงสามารถใช้โปรแกรม  Photoshop illustrator,  และ InDesign ต่างๆเหล่านี้ได้อย่างคล่องแคล่ว และมีไอเดียในการออกแบบงานศิลปะ หรืองานกราฟฟิกต่างๆ เหล่านี้้ได้สบายๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับออกแบบโลโก้ ออกแบบฉลากผลิตภัณฑ์ หรือแม้แต่ออกแบบตกแต่งเว็บไซต์ ไอจี (Instagram) หรือเพจเฟสบุ๊คต่างๆ โดยวิธีการดังนี้

ขั้นตอนการรับงานนั้นมีหลากหลายวิธีเช่น

  • สร้างเพจ หรือเว็บไซต์เพื่อทำการโปรโมทผลงาน และภาพกราฟฟิกต่างๆ ที่ได้ทำไว้ให้คนได้เข้ามาชมและติดตามผลงาน
  • จากเว็บไซต์สมัครงาน ซึ่งในปัจจุๆบันนี้หลายๆ บริษัทไม่นิยมจ้างพนักงานทำกราฟฟิกดีไซน์เป็นพนักงานประจำ แต่จะใช้วิธีเลือกใช้ฟรีแลนซ์ โดยการลงประกาศรับสมัครแบบพาร์ทไทม์ หรือรับเป็นจ๊อบต่อชิ้นงาน โดยสามารถเสิร์ชหาได้จากเว็บไซต์สมัครงาน หรือในกลุ่มเพจเฟสบุ๊คที่เกี่ยวกับงานกราฟฟิกดีไซน์ 
  • ลงทะเบียนเป็นฟรีแลนซ์กับทางแพลตฟอร์ม Fastwork ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รวมผู้ว่าจ้างและฟรีแลนซ์ทุกประเภท โดยสามารถสมัครผ่านเว็บไซต์ www.fastwork.co ง่ายๆ ดังนี้

ขั้นตอนสมัครและการขายงาน

  • เข้าหน้าเว็บไซต์ฟาสเวิร์ค และทำการสมัครโดยล๊อคอินผ่านเฟสบุ๊ค หรืออีเมล์ส่วนตัว หรือหมายเลขโทรศัพท์ จากนั้นทำการยืนยันตัวตนกับทางฟาสเวิร์ค (เอกสารประกอบสามารถดูรายละเอียดได้ในเว็บไซต์)
  • เมื่อผ่านขั้นตอนการลงทะเบียนแล้วทำการเตรียมผลงานเพื่อลงประกาศขาย พร้อมกับคำอธิบายงานเพื่อให้ผู้ว่าจ้างเห็นถึงความสามารถ จากนั้นรอทางทีมงานตรวจสอบ และอนุมัติภายใน 48 ชั่วโมง
  • เริ่มประกาศขายงาน และรับงาน โดยทางฟาสเวิร์คจะเป็นผู้ที่ดูแลเรื่องการจ่ายเงินของลูกค้าหรือผู้ว่าจ้าง
  • หลังจากผู้ว่าจ้างอนุมัติรับงาน หากผลงานที่ทำนั้นเป็นผลงานที่ดีและได้รับการรีวิวจากผู้ว่าจ้างก็ถือได้ว่าเป็นผลงานที่สามารถเพิ่มโอกาสให้ขายงานได้มากยิ่งขึ้น
  • ต่อมาเป็นขั้นตอนการรับเงิน โดยทางฟาสเวิร์คจะทำการโอนเงินเข้าบัญชีของคุณ โดยจะมีการหักเปอร์เซนต์ตามตามเงื่อนไข (รายละเอียดภายในเว็บไซต์)

     ในส่วนของรายได้จากการรับทำกราฟฟิกดีไซน์นั้น ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างผู้ว่าจ้าง และผู้รับจ้าง โดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่ 500 บาทขึ้นไปต่อชิ้นงาน ซึ่งหากคุณมีความสามารถในการทำผลงานได้มากและเร็วรวมทั้งมีความละเอียดสวยงาม ก็สามารถสร้างรายได้ถึง 10,000 – 15,000 บาทต่อเดือนได้โดยที่ไม่กระทบงานประจำและสามารถทำที่บ้านหลังเลิกงานได้

รายได้จากการรับทำกราฟฟิกดีไซน์

เริ่มต้นที่ 500 บาท ต่อชิ้นงาน หรือ 10,000 – 15,000 บาท ต่อเดือน

ข้อมูลจาก www.fastwork.co, Jeeb.me

3. ทำเบเกอรี่ขายตามออเดอร์

     เบเกอรี่ยังคงเป็นที่ต้องการของผู้ที่ชื่นชอบของหวาน หากคุณมีฝีมือในการทำขนม การทำเบเกอรี่ตามออเดอร์เป็นอีกหนึ่งอาชีพเสริมที่น่าสนใจ ซึ่งคุณสามารบถทำที่บ้านหลังจากเลิกงานได้ โดยทำขนมง่ายๆ เช่นเค้ก คุ้กกี้ ขนมปังเนยสด และอีกหลากหลายเมนูสำหรับเพื่อนๆ ในออฟฟิศไว้รับประทานกับกาแฟทั้งเช้าและบ่าย หรือจะเปิดพรีออเดอร์ผ่านเพจเฟสบุ๊ค หรือ IG ก็สามารถทำได้ โดยอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำเบเกอรี่นั้นเราสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์สำหรับทำเบเกอรี่

อุปกรณ์ในการทำเบเกอรี่

  • เตาอบ มีหลากหลายขนาดโดยสามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าในแผนกเครื่องครัว หรือสั่งออนไลน์จากเว็บไซต์ต่างๆ หรือ shopee , Lazada ซึ่งเตาอบนั้นมีหลากหลายราคาและขนาด โดยขนาดที่เหมาะสมสำหรับมือใหม่ในการทำขายนั้นควรใช้ขนาดตั้งแต่  60 ลิตร ราคาประมาณ 5,000-7,000 บาท
  • เครื่องผสมแป้ง มีหลากหลายขนาดและราคา ควรใช้ขนาด 3 ลิตรขึ้นไปเพื่อให้พอดีต่อการทำขนม 1 สูตร ราคาประมาณ 1,500 – 2,000 บาท สามารถหาซื้อได้ในแผนกเครื่องครัว หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น shopee หรือ Lazada 
  • ถาดสำหรับอบขนม และพิมพ์สำหรับอบขนม อุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์และวัตถุดิบสำหรับทำเบเกอรี่ หรือสามารถสั่งซื้อออนไลน์จาก shopee, Lazada หรือตามเพจเฟสบุ๊คราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 100 – 500 บาท แล้วแต่ขนาดและวัสดุที่เลือกใช้
  • อุปกรณ์อื่นๆ เช่น ไม้พาย อ่างผสม ตะกร้อมือ กระดาษรองอบ รวมไปถึงวัตถุดิบในการทำเบเกอรี่ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 50 – 200 บาท สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์และวัตถุดิบเบเกอรี่ หรือสั่งออนไลน์จาก shopee Lazada หรือตามเพจเฟสบุ๊ค

     ขั้นตอนในการหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายนั้น คุณสามารถเริ่มได้จากในที่ทำงาน หรือภายในหมู่บ้าน กลุ่มคอนโด หรืออพาร์ทเม้นต์ที่พักอาศัยอยู่

ขั้นตอนการหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

  • ทำใบปลิว พร้อมรูปประกอบ อาจจะเป็นภาพวาด หรือถ่ายภาพสีแล้วปริ้นออกมา พร้อมกับลงราคา และเบอร์ติดต่อ  แล้วนำไปใส่ไว้ในตุ้จดหมาย ฝากวางตามร้านค้า ร้านกาแฟ และเพื่อนร่วมงาน
  • สร้างเพจเฟสบุ๊ค หรือ IG รวมถึงเข้าร่วมกลุ่มต่างๆ ในเฟสบุ๊ค เช่น กลุ่มเบเกอรี่โซไซตี้ กลุ่มแลกเปลียนความรู้ในการทำขนม กลุ่มซื้อขายต่างๆ รวมไปถึงเข้าร่วมกลุ่มไลน์หมู่บ้าน หรือคอนโด 
  • ฝากขายตามร้านกาแฟ ระแวกบ้าน หรือที่ทำงาน 

     รายได้จากการทำขนมขายตามออเดอร์นั้น ขึ้นอยู่กับตัวผู้ขายว่าสามารถรับออเดอร์ได้มากน้อยเพียงใดต่อสัปดาห์ ซึ่งหากเป็นกลุ่มของขนมเค้ก ราคาเริ่มต้นที่ชิ้นละ 35-80 บาทโดยราคานั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้ หากใช้วัตถุดิบที่คุณภาพดีราคาขายย่อมต้องสูงตามคุณภาพ ซึ่งในจุดนี้ตัวของผู้ซื้อนั้นสามารถทราบได้

วิธีคำนวนต้นทุน 

ตัวอย่างเช่น เนยสดจีด ขนาด 1,000 กรัม ราคา 170 บาท ในสูตรใช้ 150 กรัม  ต้นทุนเนยต่อสูตร 

วิธีคำนวนกำไร

ตัวอย่างเช่น ต้องการกำไร 30% และต้นทุนของการผลิตอยู่ที่ 100 บาท จะสามารถคำนวนกำไรได้ดังนี้

วิธีคำนวนราคาขาย

ดังนั้นหากต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 100 บาท ต้องการกำไร 30 บาท สามารถคำนวนราคาขายได้ดังนี้

     จากสูตรในการคำนวนนี้เมื่อทำการคำนวนต้นทุนและกำไรที่ได้แล้ว ควรต้องคำนวนค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ ด้วยเช่น กล่อง แพคเกจ แล้วจึงกำหนดราคาขายที่แท้จริง เมื่อกำหนดราคาขายได้แล้วหากตามตัวอย่างนี้กำไรอยู่ที่ 30% หรือ 30 บาทต่อชิ้น เมื่อขายได้ครั้งละ 20 – 50 ชิ้นต่อ 1 ออเดอร์ คุณจะได้กำไร 600 – 1,500 ต่อ 1 ออเดอร์ การทำเบเกอรี่เป็นอาชีพเสริมหลังเลิกงานและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค 2021 แบบนี้ เบเกอรี่โฮมเมดเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคเนื่องจากมีการทำสดใหม่ทุกออเดอร์ และยังสามารถทำที่บ้านได้โดยไม่ต้องเสียค่าเช่าร้านและไม่รบกวนงานประจำ เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการมีรายได้เสริม

รายได้จากการทำเบเกอรี่ขายกำไร

600 – 1,500 บาท/ออเดอร์

ข้อมูลจาก .www.falconforprofessional.com

4. ครูสอนออนไลน์

     หากคุณมีความสามารถที่โดดเด่นด้านใดด้านหนึ่ง อย่าเก็บความสามารถของคุณเอาไว้ นำออกมาสอนออนไลน์ก็สามารถสร้างรายได้เสริมให้คุณได้เช่นกัน อุปกรณ์ที่ใช้เพียงแค่โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ที่คุณมีก็สามารถเปิดสอนได้แล้ว ที่สำคัญคุณสามารถทำที่บ้านได้หลังจากเลิกงาน เช่น

  • สอนทำอาหาร หรือเบเกอรี่ เพียงแค่อัดคลิป หรือไลฟ์สดสำหรับกรุ๊ปที่สร้างขึ้นมาสำหรับคนที่ลงทะเบียนเรียนก็สามารถทำได้ นอกจากไม่ต้องออกจากบ้านแล้วยังได้ทำในสิ่งที่ถนัดอีกด้วย โดยรายได้จากการเปิดคอร์สสอนทำอาหารหรือเบเกอรี่ออนไลน์นั้นคุณสามารถคิดค่าเรียนเริ่มต้นที่สูตรละ 500 – 2,000 บาทได้เลยทีเดียว เช่นหากเปิดสอนสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 10 คนต่อกรุ๊ปคุณจะมีรายได้ 5,000 – 20,000 บาทต่อครั้งเลยทีเดียว

รายได้จากการสอนทำอาหารหรือเบเกอรี่ออนไลน์ 5,000 – 20,000 บาทต่อกรุ๊ป

สำหรับวิธีการหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการเรียนออนไลน์นั้นเริ่มจาก

  • การสร้างกลุ่มเพจเฟสบุ๊ค สอนวิธีทำอาหารหรือเบเกอรี่ พร้อมทั้งบอกเทคนิคในการทำเพื่อให้คนได้เข้ามาชมและทดลองทำตามสูตร และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน รวมไปถึงการโพสต์ภาพอาหาร หรือเบเกอรี่บ่อยๆ เพื่อให้กลุ่มมีการเคลื่อนไหวอยูเสมอ จากนั้นจึงทำการโพสต์แจ้งสูตรที่เปิดสอนแบบพิเศษให้กับคนที่สนใจเรียน 
  • ทำคลิปวีดีโอลงยูทูป หรือเรียกอีกอย่างก็คือเป็นยูทูปเบอร์ด้านการสอนทำอาหารนั่นเอง 
  • เขียนบล๊อก เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างตัวตนให้คนได้รู้จักคุณ โดยการเขียนบล๊อคให้ความรู้เกี่ยวกับการทำอาหาร และเบเกอรี่ 
  • เป็นเทรนเนอร์ออนไลน์ เพียงแค่คุณอัดวีดีโอ และเขียนหลักสูตรในการควบคุมอาหารประกอบ และคอยติดตามผลจากผู้ที่ลงเรียนอย่างสม่ำเสมอก็สามารถที่จะทำให้กลายเป็นอาชีพที่สามารถทำเงินได้เช่นกัน โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ที่โควิด 19 กำลังระบาด ทำให้ฟิตเนสต้องหยุดให้บริการ การสอนแบบออนไลน์นี้สามารถตอบโจทย์ให้กับกลุ่มคนที่ต้องการเข้าฟิตเนสเพื่อออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงแน่นอน 

ขั้นตอนการเป็นเทรนเนอร์ออนไลน์

  • ต้องมีความเชี่ยวชาญในกีฬาด้านนั้นๆ เช่น มีความเชี่ยวชาญในกีฬาที่เสริมสุขภาพ กีฬาที่ช่วยเสริมสร้างสรีระ หรือเป็นกีฬาเฉพาะประเภท
  • สร้างจุดเด่นให้ตัวเอง โดยการดูแลสุขภาพและร่างกายให้แข็งแรง เพราะอาชีพเทรนเนอร์นั้นต้องอาศัยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูแข็งแรง และสุขภาพดีเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจใหั้ผู้ที่ต้องการเรียน
  • ทำคลิปวีดีโอลงยูทูป และเปิดเพจเฟสบุ๊ค เป็นการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ให้คนได้รู้จัก สอนวิธีการดูแลสุขภาพการออกกำลังกายเบื้องต้น พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับหลักสูตรการควบคุมอาหาร 
  • อัพเดทคลิปและข้อมูลบ่อยๆ เพื่อให้การติดตามเป็นไปอย่างต่อเนื่องเช่น การอัพโหลดคลิป และข้อมูล หรือไลฟ์สด สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อให้เพจและช่องยูทูปมีการเคลื่อนไหวและมีผู้ที่ติดตามสม่ำเสมอ

เมื่อมีคนเริ่มรู้จักและติดตามเพิ่มมากขึ้น คุณสามารถเปิดคอร์สสอนแบบส่วนตัวทางออนไลน์ได้ โดยการเปิดสอนนั้นสามารถสอนได้ครั้งหลายคนโดยใช้โปรแกรม zoom หรือเปิดกลุ่มไลฟ์สด ครั้งละ 10 คน โดยคิดค่าสอนเป็นรายชั่วโมง เฉลี่ยชั่วโมงละ 800 – 2,000 บาท คุณจะสามารถสร้างรายได้เสริมได้ถึง 8,000 – 20,000 บาทต่อกลุ่มเลยทีเดียว

รายได้เฉลี่ยในการเป็นเทรนเนอร์สอนฟิตเนส 8,000 – 20,000 บาท ต่อกลุ่ม

ข้อมูลจาก www.krusri.com

5. ทำอาหารคลีนขายตามออเดอร์

     เทรนอาหารสุขภาพยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดคนรักสุขภาพ ยิ่งช่วงนี้หลายๆ คนต้องดูแลตัวเองให้แข็งแรง จึงออกกำลังกายกันมากขึ้นโดยเฉพาะการออกกำลังกายที่บ้าน จะดีแค่ไหนหากได้ออกกำลังกายอยู่ที่บ้านและมีอาหารคลีนที่ดีต่อสุขภาพรับประทาน 

     หากคุณเป็นคนชอบทำอาหาร และมีความรู้เรื่องโภชนาการ นั่นถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับอาชีพเสริมนี้ คุณสามารถทำที่บ้านหลังจากเลิกงาน เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับคุณและยังส่งสุขภาพที่ดีให้กับคนอื่นได้อีกด้วย

ขั้นตอนและแนวทางในการเริ่มต้น

1. มีเมนูหลากหลายให้เลือก 

ความหลากหลายของเมนูเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าสนใจ เพราะคงไม่มีใครที่จะชอบทานเพียงเมนูเดียวในทุกครั้งที่สั่ง ควรมีเมนูไก่ ปลา หมู เนื้อ และซีฟู้ด หรือแม้แต่เมนูสำหรับคนที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ รวมไปถึงเมนูที่ทำจากขนมปังต่างๆ ก็ควรจะมีให้ดูหลากหลาย เช่น

  • เมนูไก่อบเกลือเหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อและควบคุมไขมัน นอกจากจะเหมาะสำหรับคนที่ออกกำลังกายเพื่อการสร้างกล้ามเนื้อแล้ว ยังเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักโดยการควบคุมอาหาร
  • เห็ดผัดน้ำมันหอย ที่ปรุงเพียงแค่ น้ำมันหอย และน้ำปลา สูตรลดโซเดียม ผัดใส่พริกเล็กน้อยหรือไม่ใส่ก็อร่อยเสริมสุขภาพไม่แพ้เมนูที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ทานเนื้อสัตว์แต่ต้องการโปรตีนเพื่อทดแทน
  • ลาบหรือยำเพิ่มรสชาติ เมนูลาบหรือยำแคลอรี่ต่ำสามารถรับประทานได้บ่อยมื้อไหนๆ ก็ได้ เมนูไหนที่ใช้วุ้นเส้น ก็เปลี่ยนเป็นเส้นแก้ว หรือเส้นบุกเพื่อเพิ่มไยอาหาร รับประทานได้ทั้งกับข้าวกล้องเพื่อสุขภาพ หรือทานกับผักสลัดก็อร่อยได้ไม่เบื่อเช่นกัน
  • เมนูแซนวิซขนมปังโฮลวีต ทำคล้ายคลับแซนด์วิช วัตถุดิบหลักๆ ควรต้องเป็นแบบโลว์แฟต เช่น ชีสเลสแฟต (lessfat) ไส้กรอกโลว์แฟต ไข่ดาวน้ำ ผักสด ซอสมะเขื่อเทศสูตรลดโซเดียม หรือน้ำสลัดสูตรโลว์แฟต และใช้ขนมปังโฮลวีต เมนูนีี้เหมาะสำหรับทานตอนเช้าสะดวก และรวดเร็วสำหรับลูกค้าที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

เมนูสำหรับอาหารคลีนนั้นมีให้คุณเลือกดูได้จากในเว็บไซต์ มากมายหลายสูตร หรือหากคุณมีเมนูสูตรเด็ดใดๆ ที่เป็นเคล็ดลับส่วนตัว เพียงแค่นำขึ้นมาเป็นเมนูแนะนำ หรือเมนูเด่นประจำให้ลูกค้าที่ไม่รู้ว่าจะทานอะไรได้ลิ้มลองได้เช่นกัน

2. รสชาตต้องถูกปากและถูกใจ

อาหารคลีนนั้นถึงแม้จะเป็นอาหารควบคุม หรือลดน้ำหนักก็ตาม รสชาตที่รับประทานก็ไม่ควรที่จะจืดชืดจนเกินไป ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ปรุงรสสำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารคลีนหาซื้อได้ไม่ยาก สามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาเก็ต หรือแม้แต่สั่งทางออนไลน์ก็ได้เช่นกัน ที่สำคัญควรต้องปรุงออกมาให้รสชาตพอดี ทานแล้วไม่เลี่ยน หรือรสจัดจนเกินไป

3. วัตถุดิบที่สดใหม่

ความสดใหม่ของวัตถุดิบนั้นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นผักสด หรือเนื้อสัตว์ควรที่จะต้องมีความสดใหม่อยู่เสมอ ปัจจุบันการหาซื้อวัตถุดิบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่ทั้งสดหรือฟรีสแช่แข็งไว้นั้นหาซื้อได้ง่ายตามแมคโคร ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ หรือจะสั่งออนไลน์จากทางแมคโครก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่แอบกระซิบนิดนึงค่ะว่าต้องสั่งขั้นต่ำ 3,000 บาทขึ้นไปและมีรอบในการจัดส่ง (ไม่รวมค่าจัดส่ง) นอกจากนี้ยังมีเดลิเวอรี่ของทางโลตัสก็ทำให้คุณสะดวกยิ่งขึ้น ไม่ต้องรีบวิ่งออกจากออฟฟิศเพื่อไปซื้อของมาทำก็สะดวกสำหรับมนุษย์เงินเดือน ที่ต้องการหารายได้เสริมหลังเลิกงานเช่นกัน

4. บรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัย

ในการทำอาหารคลีนขายนั้น บรรจุภัณฑ์ก็มีส่วนที่สำคัญเช่นกัน ควรต้องดูดีและปลอดภัยต่อผู้ที่สั่งซื้อ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่รักษาสิ่งแวดล้อมด้วยแล้ว จะยิ่งดึงดูดให้ลูกค้าสนใจมากยิ่งขึ้น ผู้ที่รักสุขภาพโดยส่วนใหญ่จะมองในเรื่องของบรรจุภัณฑ์เป็นหลัก เพราะไม่ต้องการให้มีสารปนเปื้อนมากับอาหารที่รับประทาน และส่วนหนึ่งต้องการที่จะรักษาสิ่งแวดล้อม โดยบรรจุภัณฑ์ต่างๆ เหล่านี้ สามารถหาซื้อได้ที่แมคโคร หรือร้านขายบรรจุภัณฑ์สำหรับบรรจุอาหาร หรือตามร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ และที่ยิ่งสะดวกไปกว่านั้นคุณสามารถซื้อผ่านเว็บไซต์มาร์เก็ตเพลส เช่น Shopee หรือ Lazada ก็มีขายเช่นกัน

5. รูปถ่ายที่ชัดเจน

ความสวยงามของภาพถ่ายนั้นเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจให้คนอยากจะรับประทาน โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มต้นรับประทานอาหารคลีน และกลัวว่ารสชาติจะไม่ถูกปาก ดังนั้นการถ่ายภาพให้ชัดเจนและจัดวางให้ดูน่ารับประทาน เรียกได้ว่าเพียงแค่เห็นภาพก็ชวนหิว จะเป็นการช่วยส่งเสริมให้การขายของคุณลื่นไหลได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

6. มีบริการแบบเดลิเวอรี่

แน่นอนว่าปัจจุบันนี้บริการแบบเดลิเวอรี่นั้นกำลังเป็นที่ต้องการจากสถานะการณ์ไวรัสโควิด 19 ทำให้หลายต่อหลายคนต้องปรับเปลี่ยนวิธีการในการรับประทานอาหาร เมื่อไม่สามารถเดินทางไปฟิตเนสได้ ก็ต้องออกกำลังกายอยู่ที่บ้าน ผู้ที่ต้องการอาหารคลีนสำหรับเสริมกล้ามเนื้อ หรือควบคุมน้ำหนักมักจะมองหาร้านอาหารคลีนออนไลน์ที่มีบริการส่งถึงบ้านด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับการส่งอาหารนั้นขึ้นอยู่กับทางคุณและลูกค้าทำการตกลงในเรื่องของค่าส่ง เช่นหากซื้อครบ 1,500 บาท มีบริการส่งฟรีในพื้นที่ใกล้เคียง หรือหากเป็นพื้นที่ๆ ไกลจากบ้านของคุณ อาจจัดโปรโมชั่นออกค่าส่งครึ่งนึงก็ได้เช่นกัน 

7. ใช้สื่อออนไลน์ให้เป็นประโยชน์

แน่นอนว่าสื่อที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันก็คือเฟสบุ๊คนั่นเอง หลายๆ คนตื่นเช้ามาก็หยิบโทรศัพท์เปิดเฟสบุ๊คเป็นอันดับแรก บางคนเช็คความเคลื่อนไหวของเพื่อน แต่หลายๆคนเข้าดูเพจเพื่อสั่งซื้อสินค้า หรืออาหาร 

การสร้างตัวตนให้ลูกค้าได้รุ้จักคุณบนโลกออนไลน์จึงเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้นการสร้างเพจเฟสบุ๊ค หรือร้านค้าในไอจี (instagram) จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรต้องมีโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำเป็นอาชีพเสริมที่ไม่มีหน้าร้าน และทำที่บ้าน 

ขั้นตอนการใช้สื่อออนไลน์เพื่อทำการตลาด

  • เมื่อทำการสร้างเพจเฟสบุ๊ค หรือร้านค้าในไอจี (instagram) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำการยิงแอด อาจจะยิงแอดเพียงแค่1สัปดาห์ ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ เช่น กลุ่มอายุ เพศ ชายหรือหญิง และพื้นที่ๆต้องการยิงแอด
  • เข้าร่วมกลุ่มคนที่รักการออกกำลังกายโดยการเข้าร่วมเพจ ซึ่งจะมีเพจกลุ่มตรออกกำลังกายพูดคุยแลกเปลี่ยนเทคนิคการออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร เป้นต้น
  • สร้างคอนเท้นต์ และให้ข้อมูลที่สำคัญและมีประโยชน์แก่คนที่เข้ามาชมเพจของคุณ อย่าลงเพียงแค่รูปอาหารและราคา แต่ควรหาสาระความรู้เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพมาให้ลูกเพจหรือผู้ี่เข้ามาติดตามได้อ่าน เพื่อเป็นการสร้างความไว้วางใจและเชื่อมั่นในคุณภาพอาหารของคุณ
  • ทำบล๊อคเกี่ยวกับอาหารคลีน และสุขภาพ เพื่อเป็นการสร้างช่องทางการติดตามคุณ การสร้างบล๊อคเหมาะสำหรับคนที่อยากอ่านเพื่อเพิ่มความรู้และความเข้าใจ เพียงคุณนำลิ้งค์มาแปะไว้ที่เฟสบุ๊คส่วนตัว และเพจก็สามารถสร้างช่องทางการโปรโมทร้านของคุณได้เพิ่มแล้ว
  • ทำวีดีโอสูตรอาหารคลีน ลงยูทูป หรือไลฟ์สดวิธีการทำอาหารคลีน เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่ต้องการสั่งอาหารของคุณได้ว่าอาหารที่คุณปรุงส่งไปนั้นผ่านทุกขั้นตอนโดยคุณเป็นคนทำหรือควบคุมแน่นอน

แหล่งซื้อวัตถุดิบ และบรรจุภัณฑ์

  • แมคโคร สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานทุกวัน เข้างานแต่เช้า เลิกงานก็ค่ำ จะให้ไปตลาดก็คงจะไม่ทัน แหล่งขายวัตถุดิบขนาดใหญ่ในราคาส่งที่สะดวกที่สุดก็คือแมคโครสาขาใกล้บ้านหรือใกล้ที่ทำงาน ซึ่งนอกจากของสดแล้ว ยังมีบรรจุภัณฑ์ให้เลือกหลากหลายด้วยเช่นกัน
  • โลตัส หรือบิ๊กซี เป็นอีกไฮเปอร์มาเก็ตที่สินค้าอาหารสดมีราคาไม่สูง และยังมีบริการสั่งออนไลน์ได้อีกด้วยเช่นกัน
  • สำหรับบรรจุภัณฑ์ นอกจากแมคโครแล้ว สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์และวัตถุดิบเบเกอรี่ หรือจะสั่งออนไลน์ก็มีเช่นกัน

การคำนวนต้นทุน กำหนดราคาขาย

     การคำนวนต้นทุุนของอาหารแต่ละเมนู หรือแต่ละเซ็ตนั้นควรตั้งไว้ที่ 100% ซึ่งในที่นี้จะยกตัวอย่าง เริ่มจากยอดขาย 100% สามารถแบ่งสัดส่วนออกเป็นดังนี้

  1. ต้นทุนของอาหาร ควรตั้งไว้ที่ 35%

คำนวนจากสูตรของอาหารแต่ละจาน เช่น เมนูข้าวไก่อบเกลือ ใช้วัตถุดิบอะไรบ้างมีทั้งหมดกี่ชนิด แล้วจึงนำออกมาคิดเป็นต้นทุนต่อ 1 จาน โดยใน 1 จานต้นทุนต้องไม่ควรเกิน 35% ของราคาขาย

ตัวอย่างการคำนวน

ซึ่งหมายความว่าเราขายอาหารคลีนเมนู ข้าวไก่อบเกลือได้ 9,000 บาท (100 กล่อง)  ต้นทุนจะอยู่ที่ 3,300 บาท 

  1. ต้นทุนแรงงาน ควรตั้งไว้ที่ 15%

เช่นหากเราขายได้วันละ 9,000 บาท x 20 วัน   รวมแล้วเป็นเงิน 180,000 บาท จะได้ต้นทุนค่าแรงอยู่ที่ 27,000 บาท ต่อสัปดาห์ ซึ่งถือว่าต้นทุนนี้จะเป็นค่าแรงในส่วนของเราเอง ลูกจ้าง ค่าส่ง

  1. ต้นทุนค่าเช่า (ถ้ามี) 15%
  2. ค่าน้ำ ค่าไฟ ควรตั้งไว้ 5%
  3. ค่าใช้จ่ายอืนๆ 10% ในส่วนของบรรจุภัณฑ์ หรือบริการส่งฟรี 

สรุปต้นทุนในการขายอาหารคลีน 

เมนูข้าวไก่อบเกลือ กล่องละ 90 บาท 

ขายได้วันละ 100 กล่อง 

90 x 100 = 9,000 บาท/วัน 

ขาย 20 วัน 9,000 x 20 = 180,000 บาท

ต้นทุนทั้งหมด

รายได้จากการทำอาหารคลีนจากตัวอย่าง เหลือกำไรสุทธิ 44,000 บาท/ 20 วัน

   จากสูตรการคำนวนนี้เราสามารถปรับลดลงได้ หากใช้ไม่ถึงที่ตั้งไว้เพื่อให้เป็นการช่วยสร้างกำไรเพิ่มขึ้น การทำร้านอาหารนั้น ไม่ว่าจะมีขนาดเท่าใดก็ตามควรที่จะต้องมีการคำนวนต้นทุนเสมอ เพื่อจะได้มองเห็นกรอบของต้นทุน และกำไรที่ชัดเจน

ข้อมูลจาก //cheechongruay.smartsme.co.th/

6. รับซ่อม ดัดแปลง และตัดเย็บเสื้อผ้า 

     หากคุณเป็นคนที่ชอบงานฝีมือ และมีฝีมือในการตัดเย็บเสื้อผ้าการรับซ่อมแซม และดัดแปลงเสื้อผ้าถือได้ว่าเป็นงานอดิเรกที่สามารถสร้างรายได้เสริมให้กับมนุษย์เงินเดือนได้ไม่มากก็น้อย และยังสามารถทำที่บ้านได้หลังจากเลิกงานโดยไม่รบกวนเวลาทำงานประจำ ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่คุณควรมีนั้นประกอบไปด้วย

อุปกรณ์ที่จำเป็น

  • จักรเย็บผ้า จะเป็นจักรถีบ จักรตั้งโต๊ะ หรือแม้แต่จักรอุตสาหกรรม ก็สามารถทำได้ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่มีงบจำกัด การใช้จักร์ตั้งโต๊ะในการเริ่มรับงานซ่อมแซมเสื้อผ้าดูจะเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ต้องลงทุนมากนัก โดยคุณสามารถหาซื้อจักรเย็บผ้าแบบตั้งโต๊ะได้ตามห้างสรรพสินค้า แผนก DIY ได้ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายแบรนด์ ราคาเริ่มต้น 5,000 – 20,000 บาทขึ้นอยู่กับฟังค์ชั่นของรุ่นที่คุณเลือก โดยทางร้านจะมีบริการสอนวิธีการใช้เบื้องต้นสำหรับคนที่เริ่มต้นการเย็บผ้าอีกด้วย
  • เข็มเย็บผ้าสำหรับจักร และเข็มสอย รวมไปถึงเข็มหมุด
  • ช้อคเขียนผ้า และกระดาษสำหรับสร้างขอบ กระดาษสร้างแบบ
  • สายวัดตัว ใช้สำหรับวัดตัว
  • ไม้บรรทัดโค้ง / ตรง ใช้สำหรับสร้างแบบ
  • ด้ายเย็บผ้า
    • ด้ายโพ้ง ใช้เย็บเก็บริม
    • ด้ายเย็บเป็นด้ายที่เราคุ้นเคยกันทั่วไป ควรมีหลากหลายสี
    • ด้ายยีนส์ จะมีความเหนียวกว่าด้ายธรรมดาทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่จะมีสีดำ สีทอง และสีทองอ่อน
  • ที่เลาะด้าย ใช้สำหรับเลาะด้ายที่ไม่ต้องการ
  • กรรไกรสำหรับตัดผ้า และกรรไกรสำหรับตัดด้าย
  • ฆ้อนเล็กสำหรับทุบเวลาตัดต่อขากางเกงยีนส์
  • และอุปกรณ์เบ็ดเตล็ด เช่น กระดุมแบบต่างๆ ยางยืด ซิป 

โดยอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้สามาถหาซื้อได้ที่ร้านขายอุปกรณ์เย็บผ้าในห้างสรรพสินค้า หรือร้านขายจักรเย็บผ้า รวมไปถึงสำเพ็ง และพาหุรัด 

ขั้นตอนการรับงาน และการสร้างตัวตน

     สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มรับงานซ่อมแซม หรือดัดแปลงเสื้อผ้านั้น แน่นอนว่ายังไม่มีคนรู้จักในวงกว้าง ดังนั้นจึงควรเริ่มต้นจากคนใกล้ตัวเช่น

  • ติดป้ายไว้ที่หน้าบ้าน หรือทำใบปลิวเล็กๆ สอดไว้ในตู้จดหมายแต่ละบ้านในหมู่บ้าน หรือที่พักอาศัย
  • เริ่มจากคนใกล้ตัว เช่นเพื่อนในที่ทำงาน เพื่อนบ้าน หรือญาติสนิท
  • โพสต์ลงในเฟสบุ๊ค หรือไอจี (instagram) ส่วนตัวเพื่อเริ่มทำการโปรโมทตัวเองให้เพื่อนๆ และคนรอบข้างได้รู้
  • สร้างเพจเฟสบุ๊ค รวมไปถึงไอจี (instagram) เพื่อเปิดสาธารณะและให้คนใกล้ตัวช่วยแชร์
  • สร้างคอนเท้นต์ความรู้เกี่ยวกับงานตัดเย็บเสื้อผ้า และให้ความรู้เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้ที่เข้ามาชมรู้สึกไว้วางใจและเข้ามาใช้บริการ
  • เข้าร่วมกลุ่มเพจเฟสบุ๊คตัดเย็บและซ่อมแซมเสื้อผ้า ซึ่งคุณสามารถเสิร์ชหาได้ในเพจที่เปิดสาธารณะ หรือกลุ่มเฉพาะ 

ขั้นตอนการกำหนดราคา

     สำหรับมือใหม่นั้น อาจเริ่มจากการรับงานง่ายๆ และราคาที่ไม่สูงมากนัก เช่น รับเปลี่ยนซิป ตัดขากางเกง หรือปรับระดับความยาวของขอบกระโปรง อาจเริ่มต้นที่ 50 บาทต่่อ 1 รายการ ซึ่งงานเหล่านี้ใช้เวลาในการทำประมาณครึ่งชั่วโมงสำหรับผู้ที่ยังไม่มีความชำนาญ แต่หากเมื่อคุณมีความชำนาญแล้วใช้เวลาเพียงแค่ 20 นาทีต่อ 1 รายการเท่านั้น  และเมื่อคุณมีความชำนาญรวมไปถึงมั่นใจว่าสามารถปรับเปลี่ยนทรงได้สวยงามสามารถกำหนดราคาได้ตั้งแต่ 200 – 500 บาทขึ้นไปซึ่งขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเสื้อผ้าของลูกค้าที่นำมาให้ปรับเปลี่ยนทรง โดยระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนทรงนั้นใช้ประมาณ 1-2 วัน 

     รายได้ที่คุณจะได้รับจากการรับซ่อม ดัดแปลง และตัดเย็บเสื้อผ้านั้นขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างคุณและลูกค้า ซึ่งเสื้อผ้าที่ลูกค้าต้องการนำมาให้คุณซ่อมแซม หรือปรับแบบนั้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้าที่มีคุณค่าต่อตัวลูกค้า หรือมีราคาแพง แต่เมื่อซื้อมาแล้วใส่ไม่ได้หรือไม่พอดีตัวจึงต้องการให้ปรับเปลี่ยนเพื่อนำมาใส่ ดังนั้นในการรับงานจึงควรมีการสอบถามความต้องการ และวัดตัวให้ละเอียดเพื่อให้ผลงานที่คุณทำนั้นออกมาแล้วลูกค้าสามารถใส่ได้ โดยสามารถกำหนดราคาได้ตั้งแต่ 200 – 1,000 บาท หากเป็นงานปรับเปลี่ยนทรงและแก้แบบ และราคา 50 – 80 บาทหากเป็นงานซ่อมแซมทั่วไป ซึ่งหากคุณมีความชำนาญและทำได้เร็วก็สามารถสร้างรายได้เสริมเริ่มต้น 500 – 1,000 บาทต่อวันเลยทีเดียว

รายได้จากการรับซ่อมแซม เปลี่ยนทรงเสื้อผ้า

เริ่มต้นที่ 500 – 1,000 บาท/วัน

ข้อมูลจาก youtube.com, ดัดแปลงเสื้อผ้า DIY by an

7. เป็น influencer  

      ในยุค 2021 ที่โลกออนไลน์กลายเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลกับทุกธุรกิจไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ทำให้เกิดอาชีพใหม่ๆ มากมายไม่เว้นแม้แต่อาชีพ แนะนำสินค้า หรือที่เราเรียกกันว่า influencer และอาชีพนี้เองที่กำลังเริ่มเป็นที่นิยมสำหรับคนที่ต้องการสร้างรายได้เสริม หรือมนุษย์เงินเดือนที่มีเพื่อนในโลกออนไลน์มากมาย หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มักจะมีเพื่อนๆ มากดไลค์ เวลาโพสต์ หรือเพื่อนๆ มักจะซื้อของตามที่คุณโพสต์ในเฟสบุ๊คส่วนตัวแล้วล่ะก็… คุณก็สามารถเป็น influencer ได้เช่นกัน

ขั้นตอนการเป็น influencer

  1. สร้างตัวตนของคุณให้โดดเด่น โดยการสร้างบัญชีอย่างเป็นทางการหรือการสร้างเพจเฟสบุ๊ค ไอจี (instagram),  Tiktok, หรือทวิตเตอร์
  2. ให้ข้อมูลความรู้ในสิ่งที่คุณถนัด เช่น
  • มีความรู้เกี่ยวกับไอทีและแกดเจ็ท (Gadget) ใหม่ๆ  โดยบอกเล่าไลฟ์สไตล์ของคุณให้เป็นที่น่าสนใจและติดตามเทคนิคและวิธีใช้พร้อมถึงประโยชน์ของสิ่งที่คุณรีวิว
  • มีความรู้ความถนัดเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์แต่งหน้า ดูแลผิว โดยการเขียนรีวิวการใช้ทั้งก่อนและหลัง และผลที่ได้รับ
  • มีความรู้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง และวิธีการดูแล

โดยสิ่งที่คุณถนัดต่างๆ เหล่านี้ คุณสามารถนำมาเขียนเป็นคอนเท้นต์ในเพจ หรือบล๊อคของคุณรวมไปถึงการทำคลิปให้สนุกน่าสนใจ และชวนติดตาม

  1. มีความสม่ำเสมอในการโพสต์เพื่อให้ค้นเจอได้ง่าย การโพสต์อย่างสม่ำเสมอทำให้อัลกอริทึ่มของแพลตฟอร์มในโลกโซเชียลซึ่งให้ความสำคัญในการจัดอันดับกับโพสต์ที่มีความเคลื่อนไหวและมีความสม่ำเสมอในการโพสต์ ดังนั้นจึงควรมีการกำหนดตารางการโพสต์คอนเท้นต์ต่างๆ 
  2. รับฟังพูดคุยพร้อมทั้งมีส่วนร่วมกับผู้ที่ติดตามคุณ  การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่ติดตามคุณอยู่เสมอจะช่วยให้คุณกลายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลกับกลุ่มเป้าหมาย เช่นการตอบคำถามหรือ สร้างคำถามเพื่อให้คนที่เข้ามากดไลค์เพียงอย่างเดียวตอบคำถามหรือแสดงความคิดเห็น รวมไปถึงการมีกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ผู้ติดตามได้ร่วมสนุกกับคุณ ก็เป็นอีกช่องทางที่ทำให้คุณมีผู้ที่ติดตามเพิ่มมากขึ้น
  3. บอกให้แบรนด์ต่างๆ รู้ว่าคุณพร้อมที่จะโปรโมทสินค้าให้  เมื่อคุณมีผู้ที่เข้ามาติดตามมากขึ้นและเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น คุณสามารถที่จะบอกให้แบรนด์ต่างๆ ได้รู้ว่าคุณคือ influencer ที่พร้อมจะช่วยโปรโมทสินค้าจากยอดของผู้ที่ติดตามคุณ โดยการเขียนประวัติและช่องทางการติดต่อในการเป็นลูกค้าในอนาคต รวมไปถึงติดแฮชแทกสินค้า หรือบริการที่เกี่ยวข้อง
  4. สมัครเป็น influencer  เมื่อคุณมีผู้ติดตามที่มากพอและมีการสร้างคอนเท้นต์อย่างสม่ำเสมอ การสมัครเป็น influencer ในแพลตฟอร์มใหญ่ๆ ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเปิดโอกาสให้คุณได้เป็นที่รู้จักกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น fastwork, tellscore โดยการรับงานผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เหล่านี้ทางแพลตฟอร์มจะทำการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าและเมื่อมีการส่งงานเป็นที่เรียบร้อยจะทำการหักเปอร์เซนต์ (ตามข้อตกลงของแพลตฟอร์ม) แล้วจึงทำการโอนเงินส่วนที่เหลือเข้าบัญชีของคุณ  โดยคุณสามารถเข้าไปสมัครได้ที่th.tellscore.com และ fastwork.co

รายได้จากการเป็น influencer

     รายได้ของการเป็น influencer นั้นขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดตาม และความมีชื่อเสียงหรือการเป็นที่รู้จักในวงกว้างโดยผู้ที่สนใจว่าจ้างหรือร่วมงานกับ influencer นั้นจะทำการเลือกพิจารณาว่าต้องการใช้ influencer ในแพลตฟอร์มใดซึ่งค่าใช้จ่ายในแต่ละแพลตฟอร์มนั้นจะแตกต่างกันไป ซึ่งในปี 2020 ได้มีการสำรวจแล้วว่า ไอจี (instagram) เป็นแพลตฟอร์มที่นิยมสูงสุดในการทำ influencer marketing’ ถึง 82%

  • รายได้ของ Influencer ในกลุ่ม ไอจี (Instagram)
    • Nano – Influencer ผู้ติดตาม 1,000 – 10,000 คน รายได้ต่อโพสต์ 314 – 3,100 บาท
    • Micro – Influencer ผู้ติดตาม 10,000 – 50,000 คน รายได้ต่อโพสต์ 3,100 – 15,700 บาท
    • Mid – tier Influence ผู้ติดตาม 50,000 – 500,000 คน รายได้ต่อโพสต์ 15,700 – 157,300 บาท
    • Macro – Influence ผู้ติดตาม 500,000 – 1,000,000 คน รายได้ต่อโพสต์ 157,300 – 314,600 บาท
    • Mega Influencer ผู้ติดตาม 1,000,000 คนขึ้นไป รายได้ต่อโพสต์ 314,600
  • รายได้ของ Influencer ในกลุ่ม เพจเฟสบุ๊ค (Facebook)
    • Nano – Influencer ผู้ติดตาม 1,000 – 10,000 คน รายได้ต่อโพสต์ 786 – 7,864 บาท
    • Micro – Influencer ผู้ติดตาม 10,000 – 50,000 คน รายได้ต่อโพสต์ 7,864 – 39,324 บาท
    • Mid – tier Influence ผู้ติดตาม 50,000 – 500,000 คน รายได้ต่อโพสต์ 39,324 – 393,249 บาท
    • Macro – Influence ผู้ติดตาม 500,000 – 1,000,000 คน รายได้ต่อโพสต์ 393,249 – 786,499 บาท
    • Mega Influencer ผู้ติดตาม 1,000,000 คนขึ้นไป รายได้ต่อโพสต์ 786,499 บาท
  • รายได้ของ Influencer ในกลุ่ม youtube
    • Nano – Influencer ผู้ติดตาม 1,000 – 10,000 คน รายได้ต่อโพสต์ 630 – 6,200บาท
    • Micro – Influencer ผู้ติดตาม 10,000 – 50,000 คน รายได้ต่อโพสต์ 6,200 – 31,460 บาท
    • Mid – tier Influencer ผู้ติดตาม 50,000 – 500,000 คน รายได้ต่อโพสต์ 31,460 – 314,600 บาท
    • Macro – Influencer ผู้ติดตาม 500,000 – 1,000,000 คน รายได้ต่อโพสต์ 314,600 – 629,200 บาท
    • Mega Influencer ผู้ติดตาม 1,000,000 คนขึ้นไป รายได้ต่อโพสต์ 629,200 บาท
  • รายได้ของ Influencer ในกลุ่ม Tiktok
    • Nano – Influencer ผู้ติดตาม 1,000 – 10,000 คน รายได้ต่อโพสต์ 157 – 786 บาท
    • Micro – Influencer ผู้ติดตาม 10,000 – 50,000 คน รายได้ต่อโพสต์ 786 – 3,932 บาท
    • Mid – tier Influencer ผู้ติดตาม 50,000 – 500,000 คน รายได้ต่อโพสต์ 3,932 – 39,324 บาท
    • Macro – Influencer ผู้ติดตาม 500,000 – 1,000,000 คน รายได้ต่อโพสต์ 39,324 – 78,650 บาท
    • Mega Influencer ผู้ติดตาม 1,000,000 คนขึ้นไป รายได้ต่อโพสต์ 78,650 บาท

จากข้อมูลรายได้นี้เป็นข้อมูลทางฝั่งยุโรป ซึ่งรายได้อาจไม่ตรงกับทางฝั่งไทยแต่เป็นการเฉลี่ยรายได้คร่าวๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสินค้าที่รีวิว และข้อตกลงระหว่าง Influencer กับลูกค้า

รายได้ของ Influencer ในกลุ่ม ไอจี Instagram 314 – 314,600 บาท

รายได้ของ Influencer ในกลุ่ม เฟสบุ๊ค Facebook 786 – 786,499 บาท

รายได้ของ Influencer ในกลุ่ม Youtube 630 – 629,200 บาท

รายได้ของ Influencer ในกลุ่ม Tiktok 157 – 78,650 บาท

ขอบคุณข้อมูลจาก www.motiveinfluence.com

8. เป็นตัวแทนขาย หรือ Affiliate

     อาชีพนายหน้าขายสินค้าหรือ Affiliate ในปี 2564 นั้น กำลังกลายเป็นอาชีพใหม่ที่สามารถสร้างเงินได้ง่ายและไม่กระทบงานประจำโดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการสร้างรายได้เสริม และไม่ถนัดงานฝีมือ แต่มีความรู้ความสามารถในการใช้โซเชียล หรือเทคโนโลยี 

การเป็นนายหน้าออนไลน์ หรือ Affiliate คืออะไร

     Affiliate คือการเป็นตัวแทนขายสินค้าโดยที่ไม่ต้องนั่งรับออเดอร์ ไม่ต้องแพคของ และไม่ต้องส่งของ แต่เป็นการนำลิ้งค์โฆษณาสินค้ามาแปะไว้ที่บทความในบล๊อค หรือคอนเท้นต์ในเพจเฟสบุ๊ค โดยหลักการทำงานของ Affiliate นั้นจะจ่ายเงินให้กับเจ้าของบทความ หรือเรียกว่าค่าคอมมิชชั่น เมื่อมีผู้กดเข้าไปชมในลิ้งคนั้นและซื้อสินค้า 

ขั้นตอนและช่องทางการทำ Affiliate

  • สร้างบล๊อค ด้วยการเขียนเรื่องราวที่คนกำลังให้ความสนใจและใช้คีย์เวิร์ดเพื่อการค้นหาที่ง่าย 
  • จดโดเมนหรือเช่าโฮสต์ ซึ่งมีหลากหลายราคาตั้งแต่ 350 ถึงหลักพันต่อปี หรือบล๊อคฟรีซึ่งคุณสามารถสมัครได้ผ่านทาง Blockdit (บล๊อคที่คนไทยสร้าง) word press, blogger (ของกูเกิ้ล), wix, Facebook 
  • เขียนบทความ ที่มีคำที่คนมักจะค้นหาในกูเกิ้ล เพื่อให้บทความนั้นๆ ติดในกูเกิ้ล หรือเรียกว่าบทความ SEO เพื่อให้มีคนเห็นเราในกูเกิ้ล
  • ติดโฆษณา google adsense รวมไปถึง propeller และ Push Notification เรียกได้ว่าทำเงินได้ถึง 3 ทางเลยทีเดียว
  • สร้างเพจเฟสบุ๊ค (Facebook) เพื่อเป็นการรวบรวมคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกันเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแชร์ลิ้งค์บทความ พร้อมกับแชร์ลิ้งค์ Affiliate 
  • ทำช่องยูทูป (youtube) ซึ่งการทำช่องยูทูปนั้นเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบอ่าน แต่ชอบที่จะฟังหรือดูภาพตัวอย่างประกอบไปด้วย เราสามารถทำคลิปวีดีโอเพื่อโปรโมท Affilitate พร้อมกับแนบลิ้งค์ไว้ใต้คลิปวีดีโอได้เช่นกัน และจุดสำคัญคือต้องทำให้น่าสนใจและดูจนจบ

Affiliate หลักๆ ในเมืองไทย

  • Lazada ซึ่งเป็นเว็บอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ และมียอดการสั่งซื้อที่สูงโดยการสมัคร Affiliate หรือนายหน้าออนไลน์กับทาง Lazada แล้วนำสินค้าที่สั่งซื้อผ่านทาง Lazada มาทำรีวิว จากนั้นนำลิ้งค์ Affiliate มาวางไว้ให้คนที่เข้ามาดูรีวิวที่มีความสนใจกดลิ้งค์เข้าไปแล้วสั่งซื้อสินค้า การสม้ครเป็น Affiliate กับทาง Lazada สามารถเข้าไปสมัครได้ในเว็บ www.lazada.co.th จากนั้นกรอกรายระเอียดตามขั้นตอน
  • เริ่มจากการกรอกอีเมล์ ตั้งค่าพาสเวิร์ด และทำการยืนยันพาสเวิร์ด จากนั้นกดดำเนินการต่อ
  • ทำการกรอกช้อมูลส่วนตัว และคลิกดำเนินการต่อ
  • กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซต์หรือบล๊อคที่ต้องการให้ส่งลิงค์
  • ทำการคลิกยอมรับ และดำเนินการต่อ

เมื่อทำการกรอกข้อมูลและยอมรับเงื่อนไขสำเร็จทาเว็บจะแสดงข้อความยินดีต้อนรับ และขอบคุณที่ลงทะเบียนแสดงขึ้นมาก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นการสมัคร

  • Youpick ถือได้ว่าเป็นเว็บน้องใหม่ที่มาแรง และมีสินค้าประเภท Gadget มาขายค่อนข้างเยอะ การสมัคร Youpick นั้นคุณสามารถโหลดแอพลงในโทรศัพท์มือถือพร้อมทั้งกรอกรหัสแนะนำในการสมัครเป็น Youpikker โดยการสมัครเป็น Youpikker นั้นเริ่มจากการซื้อสินค้าในเว็บ ตามยอดที่กำหนดเริ่มต้น 999 บาทก็สามารถเป็น Youpikker ได้แล้ว จากนั้นจึงชวนเพื่อนเข้าร่วมสมัครและซื้อสินค้า คุณก็จะได้ค่าคอมมิชชัน และเมื่อเราซื้อสินค้าผ่านแอพ ก็จะมีส่วนลดและแคชแบค กลับคืนมาให้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ สามารถศึกษาขั้นตอนการสมัครได้ที่ pages.youpik.in.th สำหรับผู้ที่สนใจสมัครเพื่อสร้างรายได้กับ Youpikker แต่ยังไม่มีรหัสแนะนำ อาจลองถามคนใกล้ตัวที่มีรหัสแนะนำอยู่แล้วส่งรหัสเชิญให้คุณร่วมเป็น Youpikker หรือหากยังไม่มีสามารถกรอกรหัสแนะนำ 142505 ได้เช่นกันค่ะ 

เมื่อโหลดแอพแล้วและต้องการรหัสเพื่อแนะนำเพื่อนมาสมัครต่อให้เลือกที่ Youpikker ในหน้าแรกด้านล่างสุด จากนั้นทำการซื้อสินค้า Youpik chioce 1 ชิ้น เมื่อทำการกดสั่งซื้อและชำระเงินเป็นที่เรียบร้อยก็จะได้รหัสสำหรับแนะนำเป็นของตนเองได้เลยทันที

  • Fingo เป็นแอพพลิเคชั่น Affiliate Marketing ทีช่วยสร้างระบบร้านค้าออนไลน์และนำสินค้าไปโปรโมท และได้รับค่าคอมมิชชั่น มีสินค้าหลากหลายแนวคล้าย shopee และ Lazada ขั้นตอนการสมัครก็ไม่ยุ่งยากเพียงแค่สมัครผ่านแอพ Fingo สามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง iOS และ Andriod โดยหากคุณต้องการอยากจะมีร้านค้าเป้นของตนเองก็สามารถอัพเกรดด้วยการเป็น PS (Preferred Shoper) ด้วยการซื้อสินค้าตามที่กำหนดไว้ในราคาพิเศษจากนั้นจะได้รับลิ้งค์คำเชิญเพื่อนำไปเชิญเพื่อนมาเป็นสมาชิก โดยลิ้งค์คำเชิญเป็นลิ้งค์การตลาดแบบพันธมิตรทำให้คุณสามารถสร้างรายได้ต่อได้สบายๆ 
  • Accesstrade เป้นเว็บไซต์รวม Affiliate เพียงแค่สมัครก็สามารถเป็นนานหน้าขายสินค้าหลากหลายได้ในที่เดียว ซึ่ง Accesstrade เป็นบริษัทที่ได้รับความเชื่อถือมายาวนาน รวมไปถึงมีสินค้าให้เลือกโปรโมทมากมายตามที่เราถนัด เช่น ประกัน สินค้าด้านการบริการ โรงแรม สินเชื่อ และอื่นๆ โดยคุณสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดและสมัครได้ที่ //accesstrade.in.th/service/publisher/  

รายได้จากการเป้นนายหน้าออนไลน์  หรือการทำ Affiliat

     รายได้จากการทำอาชีพนายหน้าออนไลน์นั้นคุณจะได้เป็นเปอร์เซนต์ หรือคอมมิชชั่นซึ่งค่าคลิ้กก็จะมีความแตกต่างกันไปตามข้อตกลงโดยแต่ละบริษัทจะมีวิธีจ่ายเงินหลักๆ อยู่ 2 แบบ คือ

  1. แบบ CPC หรือ Cost Per Click นั่นคือ เมื่อมีคนคลิกที่แบรนด์เนอร์ หรือลิ้งค์ที่เราวางไว้หน้าบทความของเรา ทางบริษัทจึงจะทำการจ่ายเงินให้
  2. แบบ CPA  Cost Per Action แตกต่างตรงที่ไม่ได้นับจำนวนคลิก แต่นับจำนวนการกดสั่งซื้อสินค้า และบริการโดยเมื่อลูกค้าจ่ายเงิน เราจึงจะได้รับเงินจากบริษัท

     การทำนายหน้าออนไลน์ หรือ Affiliate นั้นค่อนข้างที่จะต้องใช้เวลาและความอดทดพอสมควรแต่หากทำได้สำเร็จแล้วจะทำให้มีรายได้เข้ามาเรื่อยแบบ Passive income โดยคุณะสามารถทำรายได้ตั้งแต่ 1000 – 15,000 บาท ต่อวัน

รายได้จากการเป็นนายหน้าออนไลน์ หรือ Affiliate

เริ่มต้นที่ 1,000 – 15,000 บาท/วัน

ข้อมูลจาก www.affiliatepassiveincom.co

 9. ทำหน้ากากผ้าขาย

    ปัจจุบันกระแสแฟชั่นหน้ากากผ้า และสายคล้องกำลังเป็นที่นิยมเพราะเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องใช้ในทุกๆ วัน หากคุณมีฝีมือในการตัดเย็บ และชอบทำงานแฮนด์ ประดิษฐ์ของใช้การทำหน้ากากผ้าและสายคล้องคงไม่ใช่เรื่องยาก และยังสามารถทำที่บ้านได้โดยไม่รบกวนเวลาทำงานประจำ และยังเป็นรายได้เสริมสำหรับมนุษย์เงินเดือนได้อีกด้วย 

     สำหรับการทำหน้ากากผ้านั้นคุณสามารถหาแบบหรือแพทเทิร์น และศึกษาวิธีทำได้จากในเว็บไซต์ต่างๆ ในช่องยูทูป หรือในเว็บ pinterest ซึ่งมีแบบพร้อมทั้งวิธีทำให้โหลดฟรีมากมาย  ซึ่งหน้ากากผ้าโดยทั่วไปหน้ากากผ้าจะมีหลากหลายแบบให้เลือก ดังนี้

  1. แบบ 3 จีบ ซึ่งเป็นแบบที่เราใช้กันทัวไป คือมีคือแบบ 3 จีบด้านหน้าช่วยให้หายใจสะดวกและไม่อึดอัด
  2. แบบเรียบแนบสนิทกับใบหน้าไม่มีจีบ
  3. แบบเรียบแนบสนิทกับใบหน้ามีช่องสำหรับใส่แผ่นกรอง
  4. แบบปิดถึงคาง มีช่องใส่แผ่นกรอง ซึ่งในแบบที่ 4 นี้ สามารถใช้แทนหน้ากากอนามัยแบบจีบได้ เพราะไม่แนบสนิทกับใบหน้า และช่วยให้หายใจสะดวก 

     ในการเลือกซื้อผ้าและอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำหน้ากากผ้านั้นสามารถหาซื้อได้ที่ย่านสำเพ็ง และพาหุรัดซึ่งเป็นแหล่งขายวัสดุ อุปกรณ์งานผ้างานฝีมือมากมาย หรือหากไม่สะดวกเดินทางคุณสามารถสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ก็สะดวกเช่นกัน

อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำหน้ากากผ้า 

  1. ผ้าที่จะใช้ทำหน้ากากผ้า เช่นผ้าฝ้าย ผ้าสำลี ผ้าสาลู ผ้าป่านมัสลิน หรือผ้าใยสังเคราะห์ 
  2. ยางยืดไส้ไก่สำหรับทำหู
  3. แบบหรือแพทเทิร์นหน้ากากผ้า สามารถเสริชหาได้จากเว็บไซต์ เช่น pinterest
  4. กรรไกร ไม้บรรทัด
  5. ช้อล์ค หรือปากกาเขียนผ้า
  6. จักรเย็บผ้า 
  7. อุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ ตามชอบ

ช่องทางและวิธีการจำหน่าย

  • สร้างเพจเฟสบุ๊ค เพื่อเป็นการโปรโมทให้คนได้รู้จักผลงานของคุณ การใช้สื่อออนไลน์ในยุคปัจจุบันสามารถสร้างยอดขายให้คุณได้ในวงกว้าง โดยเฉพาะในยุค 2021 ที่ทุกคนนั้นเมื่อต้องการหาข้อมูลหรือซื้อสินค้าก็มักจะเซริชหาจากในเฟสบุ๊ค หรือไอจีก่อนเป็นอันดับแรก
  • ลงขายในมาร์เก็ตเพลส ใหญ่ๆ เช่น Etsy ซึ่งเป็นเว็บที่ขายงานฝีมือ งานแฮนด์เมดทั่วโลก โดยทาง Etsy จะหักเปอร์เซนต์จากการขายงานแต่ละชิ้นตามเงื่อนไข และหากเป็นสมาชิกฟรี การโพสต์งานแต่ละชิ้นจะโพสต์ได้ 4 เดือน 
  • สร้างไอจี (Instagram) ช่องทางการขายในไอจีสำหรับงานฝีมือ หรืองานแฮนด์เมดในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นช่องทางที่น่าสนใจโดยเฉพาะในยุค 2021 สำหรับคนใน GenZ ส่วนใหญ่นิยมใช้ไอจี 

     สำหรับรายได้จากการทำหน้ากากผ้าขายนั้นขึ้นอยู่กับชิ้นงานที่ทำ หากเป็นแบบเรียบง่าย ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 50 – 60 บาท แต่หากมีการตกแต่งและมีดีไซน์ที่สวยงาม วัสดุที่นำมาใช้เป็นเกรดพรีเมี่ยม รวมถึงการตกแต่งที่ดูดี ก็สามารถขายได้ตั้งแต่ 99 – 199 บาท ต่อชิ้น

รายได้จากการทำหน้ากากผ้าขาย

เริ่มต้นที่ 50 – 199 บาท/ชิ้น

ข้อมูลจาก women.trueid.net  

     ช่วงเวลาหลังเลิกงานคือเวลาแห่งการปลดปล่อยตัวเองจากความเครียดของมนุษย์เงินเดือน เป็นช่วงเวลาแห่งการส่องเพจ และซื้อของ เรียกได้ว่าเป็นเวลาทองแห่งการช้อปปิ้งออนไลน์กันเลยก็ว่าได้ 

     หากคุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มรายได้โดยไม่กระทบงานประจำและสามารถทำที่บ้านได้ การขายเสื้อผ้ามือสองออนไลน์ น่าจะเป็นคำตอบที่ดีให้กับคุณได้ 

เริ่มต้นขายเสื้อผ้ามือสอง

  • สำรวจความถนัดของตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจขายของมือสอง  ต้องสำรวจตัวเองสักนิดว่าอยากจะขายเสื้อผ้ามือสองระเภทไหน และกลุ่มลูกค้าเป็นแบบใด 
  • คัดเลือกสินค้า เมื่อรู้ว่าตัวเองต้องการขายเสื้อผ้ามือสองประเภทไหนแล้ว จึงทำการคัดเลือกและเฟ้นหาสินค้าเพื่อมาลงขาย
  • ภาพถ่ายที่ชัดเจน ปัจจัยแรกในการตัดสินใจคลิกเข้ามาดูรายละเอียดก็คือรูปภาพ ดังนั้นควรถ่ายรูปให้ชัดเจน สวยงาม และควรเห็นในทุกมุม หากเป็นเสื้อผ้ามีตำหนิ ควรถ่ายรูปไว้เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบ
  • มีการตั้งราคาที่เหมาะสม เสื้อผ้ามือสองนั้นมีหลากหลายเกรดและคุณภาพ และเป็นทีแน่นอนว่าลูกค้าเองก็ต้องการของที่ราคาไม่สูง ดังนั้นจึงควรศึกษาราคาตลาด และตั้งราคาให้เหมาะสมโดยเฉพาะสินค้าราคาแพงและเป็นสินค้าแบรนด์เนม
  • ใช้กลยุทธ์ในการขาย ปัจจุบันคนนิยมหันมาใช้สินค้ามือสองคุณภาพดีกันมากขึ้น จึงทำให้มีร้านที่ขายสินค้ามือสองมากขึ้นตามความต้องการของลูกค้า ดังนั้นจึงควรศึกษาเทคนิคและวิธีการขายที่ดึงดูดลูกค้า 
  • ใช้โซเชียลให้เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะปัจจุบันนี้การไลฟ์สดเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นสินค้าจริงว่าเมื่อสวมใส่แล้วจะออกมาเป็นแบบไหน ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจซื้อ
  • ตอบคำถามชัดเจน รวดเร็ว สามารถทำให้ปิดการขายได้เร็ว การตัดสินใจซื้อของลูกค้าขึ้นอยู่กับความใส่ใจของผู้ขาย หากลูกค้าคอมเม้นต์ หรือ inbox เข้ามาถามนั่นหมายถึงลูกค้ามีความสนใจและต้องการสินค้าชิ้นนั้น การตอบคำถามที่รวดเร็วเป็นตัวช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อและปิดการขายได้เร็วขึ้น

แหล่งรับเสื้อผ้ามือสอง

     ปัจจุบันแหล่งขายส่งเสื้อผ้ามือสองนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องเดินทางไกล แต่สามารถไปเลือกซื้อได้ที่

  • ตลาดปัฐวิกรณ์ 
  • ตลาดโรงเกลือบางบอน  
  • ชินจูกุ เอ้าท์เลท
  • ตลาดนกฮุก นนทบุรี
  • ตลาดนัดจตุจักร

     หรือคุณสามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ในราคาส่ง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ที่นำเข้าสินค้ามือสองจากประเทศต่างๆ ทั้ง เกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกา โดยมีการคัดเกรดแบบยกกระสอบ 100 ชิ้น ราคากระสอบละ 2,900 – 5,000 บาท หรือคัดเกรดเลือกแบบได้ ราคาส่งคิดที่ตัวละ 100 – 150 บาท จำนวนการรับ 100 ตัวขึ้นไป แต่หากเป็นเสื้อผ้ามือสองแบรนด์เนม ราคาคาส่งจะเพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับแบรนด์และคุณภาพของสินค้า

ขายเสื้อผ้ามือสองออนไลน์ที่ไหนดี

     ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มสำหรับขายของออนไลน์ให้เลือกเปิดร้านเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มนั้นสามารถสมัครเป้นร้านค้าได้ไม่ยาก เช่น

  • Facebook ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่ทุกคนรู้จักกันดี โดยในเฟสบุ๊คนั้นจะมี Market Place ซึ่งทางเฟสบุ๊คได้ทำการพัฒนาแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมาเพื่อเปิดโอกาสให้ร้านค้าและผู้ซื้อพบกันง่ายขึ้นและตัดสินใจซื้อขายกันเอง รวมไปถึง กลุ่มซื้อขายในเฟสบุ๊คที่สร้างขึ้นมาเพื่อแลกเปลี่ยน ซื้อขายเสื้อผ้ามือสอง ทั้งนี้การขายแบบอิสระนี้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายก็ต้องระวังบรรดามิจฉาชีพด้วยตนเอง เช่นกัน
  • สร้างบัญชี instagram สำหรับร้านค้า การขายในไอจี หรือ instagram ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่คนนิยม และสามารถติดแฮชแทคเพื่อจัดหมวดหมู่สินค้าให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
  • Kaidee เป็นอีกเว็บไซต์ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และขายสินค้ามือสองได้ทุกประเภทและไม่ยุ่งยาก การลงประประกาศขายสินค้าในแต่ละครั้งมีระยะเวลา 30 วัน และหากต้องการให้ประกาศของคุณอยู่ในลำดับต้นๆ  และสามารถขยายเวลาได้ก็สามารถซื้อ Kaidee eeg เพื่อทำการขยายเวลา 
  • Shopee เป็นอีกหนึ่ง Market place ที่คนนิยมซึ่งการซื้อขายผ่าน shopee มีความปลอดภัยด้วยระบบการโอนเงินผ่านทาง shopee และยังมีโปรโมชั่นส่งฟรี และสะสมคะแนนหรือคูปองส่วนลดเพื่อส่งเสริมการขาย และดึงดูดลูกค้ารวมไปถึงเป็นการส่งเสริมให้ร้านค้ามีส่วนร่วมในกิจกรรม
  • Pantip Market อีกหนึ่งเว็บขายของมือสองที่หลายๆ คนรู้จักกันมานาน ถือได้ว่าเป็นตลาดใหญ่ทีมีการให้ตั้งกระทู้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและขายสินค้าและบริการพร้อมทั้งมีการแยกจังหวัดเพื่อความสะดวกให้กับทั้งผู้ซื้อและผู้ขายในการส่งสินค้า 

     นอกจากช่องทางการขายเสื้อผ้ามือสองออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วนั้น คุณสามารถสร้างเว็บไซด์เป็นของตัวเองซึ่งเปรียบเสมือนเป็นหน้าร้านที่สร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าได้อีกช่องทาง นอกเหนือจากการขายตามแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งเปรียบเสมือนการออกไปแนะนำตัวเองให้ลูกค้าได้รู้จัก และเมื่อเกิดการซื้อขายกันผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ จนเกิดความไว้วางใจต่อร้านค้าแล้วลูกค้าก็จะสามารถตามมาที่เว็บไซด์ของคุณได้

     รายได้จาการขายเสื้อผ้ามือสองออนไลน์นั้นสามารถสร้างกำไรให้คุณได้เป็นกอบเป็นกำ หากมีการจัดการที่ดี และมีเทคนิคการขายที่ดึงดูดใจลูกค้า การตรงต่อเวลาทั้งการไลฟ์สด การโพสต์ รวมไปถึงการส่งสินค้า และเสื้อผ้าที่มีคุณภาพพร้อมทั้งความใส่ใจในรายละเอียดของสินค้าก่อนนำเสนอขายทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ คุณก็สามารถสร้างรายได้วันละ 1,000 – 10,000 บาทได้เลยทีเดียว

รายได้จากการขายเสื้อผ้ามือสองออนไลน์

เริ่มต้นที่ 1,000 – 10,000 บาท/วัน

ข้อมูลจาก www.page365.net

     จาก 10 อาชีพเสริมหลังเลิกงาน เพิ่มรายได้สู้โควิด ที่นำมาให้ทุกท่านได้อ่านในบทความนี้ เป็นอาชีพเสริมที่มนุษย์เงินเดือน สามารถทำได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย เพราะทุกอาชีพต้องใช้ความอดทนและระยะเวลาในการเริ่มต้น ขอเพียงมีใจที่มุ่งมั่นและตั้งใจจริงก็จะสามารถสำเร็จและเห็นผลได้อย่างแน่นอน 

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก