เลือกอ่านตามหัวข้อที่สนใจ ได้ที่นี่เลยค่ะ
Coolsculpting คืออะไร?
CoolSculpting หรือ Cryolipolysis คือนวัตกรรมใหม่ในการกำจัดไขมัน ที่ใช้ความเย็นสลายไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนัง (กําจัดไขมันด้วยความเย็น) โดยการใช้อุณหภูมิความเย็นในระดับจุดเยือกแข็ง ทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัว ก่อนที่จะสลายตัวตายไป และเซลล์ไขมันนั้นจะถูกกำจัดออกไป ด้วยกระบวนการกำจัดของเสียตามธรรมชาติของร่างกาย
เครื่อง CoolSculpting เป็นเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก U.S. FDA สามารถลดปริมาณเซลล์ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง และบรรดาไขมันดื้อได้จริง ด้วยงานวิจัยกว่า 50 ฉบับเลยค่ะ ระหว่างทำค่อนข้างชิลมาก เพราะไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัดใด ๆ สามารถกำจัดไขมันจากภายนอกได้เลย
Coolsculpting สลายไขมันได้ยังไง?
หัวของอุปกรณ์สลายไขมันด้วยความเย็น (Applicator) จะเป็นหัวดูดแบบสุญญากาศ (Vacuum) เมื่อนำไปแนบสนิทกับผิวของเรา ตัวหัวดูดจะดูดชั้นไขมันและผิวหนังขึ้นมา และส่งความเย็นเข้าไปที่ชั้นไขมัน ด้วยอุณหภูมิความเย็นประมาณ -11°C ถึง -13°C ซึ่งเป็นความเย็นในระดับจุดเยือกแข็ง ที่เย็นมาก ๆ
พอเซลล์ไขมันได้รับความเย็นจัดแบบนี้ จึงทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัว หยุดการทำงาน หยุดการพัฒนาเซลล์ไขมัน และตายไป เปลี่ยนจากเซลล์ไขมันดี เป็นของเสียที่ไร้ประโยชน์กับร่างกาย เซลล์ไขมันที่ตายนี้ จึงถูกขับออกจากร่างกายทางระบบน้ำเหลืองนั่นเอง
ข้อดีของการทำ Coolsculpting
- ใช้เวลาในการทำเพียง 35 นาที – 1 ชั่วโมงเท่านั้น
- ไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัดใด ๆ ไม่ต้องเสียเลือด
- ไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้นหลังทำ
- ปริมาณเซลล์ไขมันลดลง ทำให้สัดส่วนเล็กลง
- ได้รับการรับรองจากอย. สหรัฐอเมริกา
สลายไขมันด้วยความเย็นทำตรงไหนได้บ้าง?
CoolSculpting สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินใตั้ชั้นผิวหนังได้ทุกบริเวณ ด้วยหัวอุปกรณ์ที่มีให้เลือกหลายขนาด หลายฟังก์ชั่น เนื่องจากแต่ละบริเวณจะมีลักษณะทางกายภาพ ความหนาของชั้นไขมัน ที่แตกต่างกันออกไปของคนไข้แต่ละคน จึงต้องเลือกใช้ตามความเหมาะสม บริเวณที่สามารถสลายไขมันด้วยความเย็นได้ คือ
- หน้าท้อง
- เอวเอส
- ปีกหลัง
- ต้นแขน
- ต้นขา
- สะโพก
- เหนียงใต้คาง
- หน้าอก (ผู้ชาย)
CoolSculpting เหมาะกับใคร?
- คนที่มีไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิวหนัง
- คนที่มีไขมันดื้อ ลดด้วยวิธีอื่นไม่เห็นผล
- คนที่ไม่อยากเปิดแผลผ่าตัด เพื่อดูดไขมัน
- คุณแม่หลังคลอดที่มีหน้าท้องหลังคลอด
- คนที่ไม่ได้เร่งรีบในการลดสัดส่วน หรือกำจัดไขมัน
- คนที่ต้องการลดขนาดหน้าอกให้เล็กลง เช่น ผู้ชายมีนม
- คนที่ไม่สะดวกออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก
อยากปรึกษาเรื่องไหน
แอดไลน์ได้เลย
ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
ขั้นตอนในการทำ Coolsculpting
ขั้นตอนในการสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting เริ่มจากการพูดคุยปรึกษาปัญหาไขมันส่วนเกินที่กังวลใจกับแพทย์ค่ะ พอเรารู้ตำแหน่งที่จะสลายไขมันด้วยความเย็นแล้ว แพทย์ก็จะทำการวางแผนจำนวนครั้งในการหนีบไขมัน และการใช้ขนาดของหัวสลายไขมัน (Applicator) ให้เหมาะสมกับแต่ละบริเวณ สำหรับคนไข้แต่ละเคสค่ะต่อไปเราก็จะเริ่มขั้นตอนการทำ CoolSculpting หรือสลายไขมันด้วยความเย็นกันเลยค่ะ!
- ประคบผิวในบริเวณที่จะทำด้วยแผ่นเจล
- นำหัวอุปกรณ์สลายไขมันวางในบริเวณที่ต้องการ
- หัวอุปกรณ์จะดูดชั้นไขมันขึ้นมา และส่งความเย็นลงไป
- ในระหว่างที่จะรู้สึกว่าผิวโดนดึงดูดและมีความตึง (5 นาที)
- จากนั้นจะรู้สึกชา ๆ ไปจนจบเวลาสลายไขมันด้วยความเย็น
- ใช้เวลาในการทำประมาณ 35 นาที – 1 ชั่วโมง (แล้วแต่บริเวณ)
- เมื่อหนีบไขมันเสร็จ ก็จะนวดบริเวณดังกล่าวต่ออีก 5 นาที
ตอนทำ Coolsculpting เจ็บไหม?
การสลายไขมันด้วยความเย็น (Cryolipolysis) ไม่ได้มีการเปิดแผลผ่าตัด ไม่ได้มีการฉีดยาชาใด ๆ จึงไม่รู้สึกเจ็บในระหว่างที่กำจัดไขมันด้วยความเย็น แต่จะรู้สึกได้ว่าผิวหนังของเราถูกดึงขึ้นไป มีความรู้สึกเหมือนถูกบีบรัด ทำให้ไม่สบายตัวและผิวเท่าไหร่ แต่อาการก็จะค่อย ๆ หายไป จนเหลือแต่อาการชาจากความเย็นค่ะ โดยหลังจากที่สลายไขมันด้วยความเย็นเสร็จ บริเวณดังกล่าวจะมีอาการบอบช้ำจากความเย็น และอาจทำให้รู้สึกถึงอาการเจ็บปวดบ้างเล็กน้อย
Coolsculpting ได้ผลไหม?
การทำ CoolSculpting ได้ผลไหม? เห็นผลจริงรึเปล่า? ไขมันหายไปหมดเลยไหม? จากคำถามที่หลายคนสงสัยมานี้ หมอขอบอกว่าการสลายไขมันด้วยความเย็น ช่วยลดปริมาณไขมันลงได้จริงค่ะ แต่อาจจะไม่ได้มากเท่าวิธีอื่น ๆ อย่างการดูดไขมันออกไป
การทำ CoolSculpting จะทำให้ไขมันหายไปประมาณ 20-30% ของบริเวณที่ทำการรักษา หากต้องการให้สัดส่วนมีขนาดเล็กลง เกิดการเปลี่ยนแปลงของไซซ์เสื้อผ้า ควรทำซ้ำกันหลาย ๆ ครั้ง และหมั่นออกกำลังกายร่วมด้วย ก็จะช่วยให้เห็นผลชัดมากขึ้นค่ะ
ข้อจำกัดของการทำ CoolSculpting
การทำ CoolSculpting ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้างนะคะ สำหรับคนที่มีชั้นไขมันที่หนามาก ๆ หรือเป็นคนตัวใหญ่มาก การกำจัดไขมันด้วยความเย็นอาจจะไม่ได้เห็นผลมากเท่าไหร่ค่ะ เพราะไขมันลดลงเพียง 30% อาจจะดูไม่แตกต่างจากเดิม สำหรับคนที่มีไขมันเยอะมาก ๆ แนะนำให้ดูดไขมันแทนค่ะ
คนที่ไม่เหมาะกับการทำ CoolSculpting
- คนที่เป็นโรคแพ้ความเย็น
- คนตัวใหญ่ ที่มีชั้นไขมันหนามาก
- ผู้หญิงที่กำลังเป็นประจำเดือนอยู่
- คนที่เป็นไส้เลื่อน หรือกำลังรักษาอยู่
- คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ หรือคุณแม่เพิ่งคลอด
- คุณแม่ที่กำลังอยู่ในช่วงให้นมลูกอยู่
- คนที่มีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของเลือด
- คนที่เพิ่งผ่าตัดบริเวณเดียวกัน มาไม่เกิน 6 เดือน
- คนที่ใช้อุปกรณ์ควบคุมการเต้นของหัวใจ
Coolsculpting VS การดูดไขมัน
มีคนสงสัยแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ? ว่าการทำสลายไขมันด้วยความเย็น หรือการทำ Coolsculpting นี้ ถ้าเทียบการดูดไขมันออกไป อะไรดีกว่ากัน เห็นผลมากกว่ากัน และอะไรมีความคุ้มค่ามากกว่า??
Coolsculpting
- กำจัดไขมันได้เพียง 30%
- ต้องทำซ้ำหลายครั้งถึงจะเห็นผลชัด
- ไม่เจ็บ ไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัด
- ไม่เสียเลือด ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น
- ราคาต่อครั้ง เบากว่าราคาดูดไขมัน
- อาจมีแผลขนาดใหญ่ ที่เกิดจากความเย็นได้
การดูดไขมัน
- กำจัดไขมันได้ทันที เท่าที่ต้องการ
- ทำครั้งเดียวเห็นผลชัด ลดไซซ์ลงทันที
- เปิดแผลผ่าตัด มีความเจ็บได้
- ทำได้โดยการใช้ยาชา หรือวางยาสลบ
- เสียเลือด มีความระบมช้ำ ต้องพักฟื้น
- ราคาเหมาบริเวณ ทำครั้งเดียวจบ (คุ้มค่า)
- แผลขนาดเล็กประมาณ 3-4 mm. สามารถเลเซอร์ลบได้
สรุป
สำหรับคนที่กำลังมองหาวิธีกำจัดไขมันอยู่นะคะ การทำ Coolsculpting ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งค่ะ สำหรับคนที่อยากลดไขมัน กำจัดส่วนเกิน ลองเข้ามาปรึกษาหมอมะปรางได้ที่ Amara Clinic ก่อนได้นะคะ ปรึกษาฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย เดี๋ยวหมอช่วยดูให้ว่าคนไข้มีปัญหาตรงไหน และเหมาะกับการสลายไขมันด้วยความเย็น หรือวิธีอื่นมากกว่าค่ะ