การสื่อความหมายจึงต้องให้แจ่มชัด และเลือกเรื่องที่จะสื่อสารให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงพื้นฐานของผู้รับข่าวสารและผลที่จะตามมาด้วย
การสื่อสารมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความเข้าใจ ความตระหนักให้เกิดขึ้นกับผู้ที่เราต้องการสื่อสาร แต่บางครั้งผู้ส่งสารและผู้รับสารมีคลื่นความถี่ไม่ตรงกันก็จะทำให้การสื่อสารผิดพลาดไป
ถ้าเป็นการสื่อสารในเรื่องที่ไม่สำคัญนักก็อาจถือเป็นเรื่องตลกขบขันได้ ดังเช่นเรื่องต่อไปนี้...
เมื่อประมาณ พ.ศ. 2546 เกิดโรคซารส์หรือหวัดมรณะระบาดหนัก(ตอนหลังกลายมาเป็นไข้หวัดนก) เริ่มจากประเทศจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และมีแนวโน้มว่าเชื้อไวรัสดังกล่าวจะแพร่ระบาดไปยังประเทศต่าง ๆ ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบด้วย
กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมการป้องกันอย่างเต็มที่
วันหนึ่งคุณยายบัวตอง ไปหาหมอที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ แพทย์ก็ถามคุณยายบัวตองว่า
“แม่อุ๊ย..เป็นโรคอะไร ถึงมาหาหมอ” คุณยายบัวตองก็บอกว่า “เป็นโรคซา”
เท่านั้นเอง คุณหมอและพยาบาลที่อยู่ใกล้ ๆ ก็พากันถอยกรูด วิ่งหาผ้าปิดจมูกกันจ้าละหวั่น พยาบาลตะโกนบอกกันต่อ ๆ ไปให้ระวังการแพร่ระบาด เจ้าหน้าที่พยาบาลต่างเตรียมพร้อมรับสถานการณ์
พอเริ่มได้สติ คุณหมอก็ถามอาการคุณยายต่อ
“ก่อนมาหาหมอ แม่อุ๊ย มีอาการอย่างไรมาก่อน”
คุณยายบัวตองก็บอกว่า
“มันซาตามแข้งตามขา วันละเตื้อสองเตื้อ”
หมอกับพยาบาลถอนใจอย่างโล่งอกและพูดพร้อมกัน
“โรคเหน็บชา”
การสื่อสารทำนองนี้แม้จะผิดพลาด แต่ก็ดูขบขันแบบน่ารักๆ แต่การสื่อสารที่ผิดพลาดดังเรื่องต่อไปนี้ อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ กล่าวคือ
ลุงบุญตา อายุ 65 ปี มีโรคประจำตัวคือความดันโลหิตสูง วันหนึ่งลุงบุญตาไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล ผลปรากฏว่าความดันโลหิตสูงยังไม่ลดลงคือ 160/90 (ค่าปกติประมาณไม่เกิน 145/60 แถมมีไขมันในเส้นเลือด (คลอเลสเตอรอล) เพิ่มขึ้นเป็น 230 Mg/dl (ค่าปกติคือ 150 – 220 Mg/dl) แพทย์จึงจัดยาลดความดันโลหิตสูงและยาลดไขมันในเส้นเลือดให้รับประทาน พร้อมทั้งกำชับเรื่องการรับประทานยา ว่าให้หลีกเลี่ยงอาหารพวกไขมัน โดยให้รับประทานปลาให้มาก พร้อมทั้งนัดหมายให้มาพบแพทย์อีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
ครบ 2 สัปดาห์ ลุงบุญตามาพบแพทย์ตามนัดและตรวจเลือดอีกครั้ง ปรากฏว่าความดันโลหิตกลับสูงขึ้นถึง 210/100 และไขมันในเส้นเลือดก็ขึ้นสูงถึง 270 Mg/dl แพทย์เห็นผลและดูอาการทั่วไปก็ตกใจ จึงถามว่า
“คุณลุงไปทำอะไรมา ทำไมผลตรวจจึงไม่ดีขึ้น ได้รับประทานยาและอาหารตามที่หมอสั่งหรือเปล่า” ลุงบุญตาก็ตอบว่า
“ผมทำตามที่คุณหมอสั่งโดยเคร่งครัดทุกเรื่องเลยครับ ทั้งรับประทานยาและปลาจำนวนมากทุกวัน” แพทย์รู้สึกแปลกใจ จึงซักรายละเอียดต่อ
“คุณลุงรับประทานปลาอะไรทุกวัน” ลุงบุญตาตอบโดยไม่ต้องคิด
“ปลาหมึกครับ”
การสื่อสารอีกประเภทหนึ่งที่ควรระวังเป็นพิเศษ คือการถ่ายทอดคำพูดของคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ถ้าเป็นเรื่องทั่วๆไปคงไม่เกิดผลเสียหายอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องที่กล่าวถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของบุคคลอื่นก็ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะผู้รับสารอาจขยายสารต่อไปอีก
โดยเติมพริก เติมขิง ปรุงรสให้เข้มข้นยิ่งขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นเรื่องบานปลายใหญ่โตขึ้นมาได้
ดังนั้น การสื่อสารจึงต้องให้แจ่มชัด และเลือกเรื่องที่จะสื่อสารให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงพื้นฐานของผู้รับข่าวสารและผลที่จะตามมาด้วย