Galaxy Watch4 คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกก้าวของ Samsung สำหรับสินค้าในกลุ่มสมาร์ทวอทช์เพราะรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่ค่ายทำงานกับ Google และยังมีการนำเสนอฟีเจอร์อัจฉริยะเพื่อการดูแลสุขภาพส่วนจะดีเยี่ยมแค่ไหนมาอ่านรีวิวกัน
- SAMSUNG เตรียมวางจำหน่าย GALAXY WATCH4 SERIES และ GALAXY BUDS2 ในไทย 10 ก.ย.นี้
- มาไวทันใจ! เผยราคาไทย SAMSUNG GALAXY Z FOLD3 5G, Z FLIP3 5G และสินค้าอื่นๆ จากงาน UNPACKED
สารบัญ
- ดีไซน์
- ฟีเจอร์ด้านสุขภาพ
- การใช้งานทั่วไป
- สรุปสเปค
ดีไซน์คลาสสิค หน้าปัดทรงกลม
Samsung Galaxy Watch4 ที่เราได้มาเป็นรุ่นพื้นฐานที่หน้าปัดแบบมาเป็นทรงกลม รูปทรงคลาสสิก และมีความเป็นมินิมอล โดยตัวขนาดหน้าปัดที่เข้ามาขายในไทยมี 2 ขนาด พร้อมตัวเลือกสีดังนี้
- หน้าปัด 44mm. : Black / Green
- หน้าปัด 40mm. : Black / Pink Gold
หน้าจอแน่นอนว่าเป็นจอสีสัมผัสพาแนล Super AMOLED รุ่นหน้าปัด 44mm. มีจอขนาด 1.36 นิ้ว ความละเอียด 450×450 พิกเซล ส่วนรุ่นหน้าปัด 40mm. มีจอ 1.19 นิ้ว ความละเอียด 396×396 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซลเท่ากันที่ 330ppi และมีฟีเจอร์ Always On Display ให้ใช้งาน
วัสดุด้านหน้าของตัวเรือนคลุมด้วยกระจก Corning Gorilla Glass DX+ ขณะที่วัสดุบอดี้เป็นอะลูมิเนียม มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น 5ATM+IP68 และรองรับแรงกระแทกระดับมาตรฐานทางการทหาร MIL-STD-810G
เรื่องสัดส่วนของนาฬิการุ่นนี้มีความบาง และเบากว่ารุ่นก่อน บริเวณตัวเรือนฝั่งขวาจะมีปุ่มกด 2 ปุ่ม ซึ่งปุ่มบนจะเป็นปุ่ม “หน้าหลัก” ส่วนปุ่มล่างเป็นปุ่ม “ย้อนกลับ” ที่เราสามารถตั้งค่าการทำงานของแต่ละปุ่มให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ และถ้าสังเกตดีๆ ที่บริเวณกึ่งกลางถัดลงมาจากพื้นที่ปุ่มเล็กน้อยจะเป็นไมโครโฟนที่ Samsung ติดตั้งมาให้
ทางด้านฝั่งซ้ายของตัวเรือนจะไม่มีปุ่มอะไร แต่จะมีส่วนที่เป็นลำโพง ขณะที่ด้านหลังนาฬิกาก็เป็นพื้นที่ของเซ็นเซอร์ BiOActive Sensor
ขณะที่วัสดุสายที่ติดกับนาฬิกามาจะเป็นสายยางซิลิโคน แข็งแรง ขนาดสาย 20มม. สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายๆ ส่วนขนาดสายที่มีขายคือ S/M ความยาว 130-190มม. กับ M/L ความยาว 145-205มม. สำหรับการลักษณะการสวมใส่ของตัวสายที่เราได้มาจะไม่มีห่วงรัดสาย แต่ใช้การสอดเก็บปลายสายเข้าด้านในแทนเหมาะสำหรับการใส่ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวเยอะๆ
ฟีลการสวมใส่โดยรวมของ Galaxy Watch4 ถือว่าดีมากๆ ทั้งตัวนาฬิกามีความเบา สายที่ติดกับนาฬิกามาก็จัดว่าดีใช้วัสดุที่ระบายอากาศไม่อับ ไม่ระคายสามารถใส่ติดข้อมือได้ตลอดทั้งวันโดยไม่รู้สึกรำคาญ แต่ก็มีจุดสังเกตเล็กน้อยตรงดีไซน์หน้าปัดของรุ่นพื้นฐานจะไม่มีส่วนนูนของขอบหน้าปัดมาช่วยเป็นตัวรับแรงกระแทกที่เข้ามาตรงหน้าจอแบบรุ่น Classic ซึ่งคนใส่ก็อาจจะต้องระวังเวลาเหวี่ยงแขน เหวี่ยงมือกันสักหน่อย
ครบเครื่องเรื่องการดูแลสุขภาพด้วย BiOActive Sensor
Galaxy Watch4 Series ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่โฟกัสเรื่องการดูแลสุขภาพ โดยที่มาพร้อมนวัตกรรมเซ็นเซอร์ BioActive ซึ่งเป็นการรวมเอาเซ็นเซอร์ 3 ตัวให้เป็นหนึ่งเดียว ประกอบด้วย
- Photoplethysmography (PPG) : เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และระดับออกซิเจนในเลือด
- Electrocardiogram (ECG) : เซ็นเซอร์ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
- Bioelectrical impedance analysis (BIA) : เซ็นเซอร์สำหรับวัดองค์ประกอบของร่างกาย
สมาร์ทวอทช์รุ่นนี้มาพร้อมฟีเจอร์วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และความดันโลหิต แต่น่าเสียดายที่ตอนที่เราเขียนรีวิวเป็นช่วงที่ Samsung เพิ่งยื่นเรื่องเพื่อขอการรับรองฟีเจอร์ดังกล่าวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทยทำให้ยังไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งถ้าผ่านการรับรองเมื่อไรทางแบรนด์จะอัพเดตซอฟต์แวร์ปลดล็อคให้ใช้งานกันได้ทันที
แต่สำหรับฟีเจอร์อีกหนึ่งตัวที่ใช้ได้ทันทีตั้งแต่วันที่ได้เครื่องมาคือการวัดองค์ประกอบร่างกายด้วยระบบ BIA ซึ่งใช้หลักการปล่อยกระแสไฟฟ้าระดับต่ำที่ไม่เป็นอันตรายเข้าสู่ร่างกายจากตำแหน่งเซ็นเซอร์ที่อยู่ใต้นาฬิกา และตรงปุ่มกดทั้งสองปุ่ม เพื่อวัดองค์ประกอบในร่างกายทั้ง
- Body Fat เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย
- Skeletal Muscie วัดค่ากล้ามเนื้อในโครงร่าง
- Fat mass มวลไขมัน ส่วนชั้นไขมัน
- Body Water ค่าน้ำในร่างกาย
- Body Mass index (BMI) ดัชนีมวลกาย
- Basal Metabolic Rate (BMR) อัตราการเผาผลาญพลังงานของร่ายกายในขณะพัก
วิธีวัดก็ง่ายๆ หลังจากข้อมูลส่วนตัวเข้าไป ตัวระบบก็จะแนะนำให้เราขยับนาฬิกาให้อยู่เหนือข้อมือขึ้นมือนิดหนึง แล้วให้ใช้นิ้วนางและนิ้วกลางของมืออีกข้างแตะที่ปุ่มทั้งสองปุ่ม ซึ่งขณะวัดจะต้องยกแขนให้อยู่ห่างจากลำตัว จากนั้นนาฬิกาก็จะทำการปล่อยคลื่นไฟฟ้าระดับต่ำเข้าสู่ร่างกายจำนวน 2,400 รอบและใช้เวลาในการวัดเพียงแค่ 15 วินาทีเท่านั้น
ฟีเจอร์ตัวนี้มีประโยชน์มากๆ สำหรับการดูแลสุขภาพโดยเฉพาะกับคนที่อยากลดน้ำหนักเพราะตัวข้อมูลดังกล่าวสามารถใช้ประกอบกับการค้นหาวิธีการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับตัวเองได้ แต่ไม่ถึงขั้นใช้อ้างอิงทางการแพทย์นะ
เรื่องการวัดระดับออกซิเจนในเลือด SpO2 ในสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้ก็มีมาให้แถมยังมีการประยุกต์ใช้ร่วมกับระบบตรวจวัดการนอนหลับแบบ Advanced
ในระบบตรวจจับการนอนหลับของ Galaxy Watch4 นอกจากจะมีเรื่องประเมินคะแนนการนอนหลับโดยวัดจาก Sleep Stage แล้ว ตัวนาฬิกาก็ยังเพิ่มการประเมินให้ละเอียดมากขึ้นโดยใช้การวัดระดับออกซิเจนในเลือดขณะนอนหลับเข้ามาคำนวนด้วย
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ “Snoring Detection” หรือการตรวจจับว่าเรานอนกรนหรือไม่ โดยหลักการทำงานคือเมื่อเราเข้านอนจะต้องวางมือถือไว้ข้างเตียงในระบบที่แนวราบ และสวมใส่นาฬิกาเอาไว้บนข้อมือ ซึ่งเมื่อเรานอนแล้วมีการกรนตัวนาฬิกาก็จะบันทึกเสียงใส่ไว้ในแอป Samsung Health แล้วนำมาคำนวนว่าเรากรนเป็นกี่เปอร์เซนต์ของเวลานอนทั้งหมด
ด้วยการทำงานของฟีเจอร์นี้จะทำให้เราสามารถสังเกตตัวเองได้ว่ามีอาการหยุดหายใจระหว่างนอนหรือไม่ ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการภาวะหายใจผิดปกติที่มีผลต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก
สำหรับสายออกกำลังกายตัวนาฬิการุ่นนี้รองรับการตรวจจับได้มากกว่า 95 รูปแบบ พร้อมโหมดตรวจจับการออกกำลังกายโดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังติดตั้ง GPS เพื่อแสดงเส้นทางของเราเมื่อมีการออกกำลังกายกลางแจ้งอย่าง วิ่ง, เดิน หรือ ปั่นจักรยาน
นอกจากนี้ตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ยังมีระบบ Group Challenge หรือกิจกรรมการท้าทายแบบกลุ่ม ทั้งแบบที่เราสร้างชาเลนจ์เล่นการออกกำลังกายกับกลุ่มเพื่อน หรือจะทำชาเลนจ์กลุ่มที่ Samsung มีมาให้
ส่วนใครที่เป็นสายออกกำลังกายอยู่กับบ้านในนาฬิการุ่นนี้ก็มีฟีเจอร์เชื่อมต่อกับ Samsung Smart TV โดยที่เวลาเราเข้าคอร์สออกกำลังกายผ่านหน้าจอ ตัวนาฬิกาเองก็จะส่งผลการตรวจวัดต่างๆ ไปแสดงที่หน้าจอทีวีด้วย
ครอบคลุมทุกการใช้งานด้วย WearOS
Samsung Galaxy Watch4 ใช้ชิปประมวลผลชิป Exynos W920 ประมวลผลแบบ Dual Core 1.18GHz ซึ่งครั้งแรกของวงการนาฬิกาอัจฉริยะที่ใช้ชิปขนาด 5nm ให้ประสิทธิภาพการประมวลผล CPU เพิ่มขึ้น 20% สำหรับ RAM มีมาให้ 1.5GB พร้อมความจำเครื่อง 16GB
ความพิเศษของสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้คือการรุ่นที่ Samsung ทำงานกับ Google เพื่อเอาระบบปฏิบัติการ WearOS มาใช้กับนาฬิกาของตัวเองโดยที่ยังคงคลุมไว้ด้วย One UI Watch
เรื่องการใช้งานก็ยังเหมือนรุ่นก่อนๆ ตั้งแต่
- ปัดบนลงล่างดูหน้าตั้งค่า
- ปัดซ้ายไปขวาดูหน้าแจ้งเตือน
- ปัดขวาไปซ้ายดูหน้าวิดเจ็ต
- ปัดล่างขึ้นบนดูแอปพลิเคชั่นที่ติดตั้งบนนาฬิกา
นาฬิการุ่นนี้ถึงแม้ว่าจะไม่มี Rotating Bezel หรือการหมุนขอบหน้าปัดนาฬิกาเพื่อสั่งงานแบบโมเดล Classic แต่ Samsung ก็ไม่ได้ใจร้ายเพราะใส่ฟีเจอร์การควบคุมโดยการสัมผัสที่ขอบหน้าปัดมาให้ แถมยังมี Gesture Controls ที่เป็นการขยับมือข้างที่ใส่นาฬิกาเป็นท่าทางต่างๆ เพื่อสั่งงาน อย่างรับสาย และวางสาย
ข้อดูของการเปลี่ยนมาเป็น WearOS ทำให้ Galaxy Watch4 สามารถโหลดแอปเพิ่มเติมได้ทั้งจาก Google Play Store และ Samsung Galaxy Apps Store ช่วยให้ขอบเขตการใช้งานกว้างมากขึ้นผ่านแอปที่ติดตั้งเสริมได้ทั้ง Adidas Running, Nike Run Club, Spotify, Google Maps, Google Play และอื่นๆ
อีกสิ่งหนึ่งที่ Samsung ภูมิใจนำเสนอในนาฬิการุ่นนี้มากๆ คือการออกแบบการทำงานให้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้อย่างไร้รอยต่อไม่ว่าจะเป็นการซิงค์ข้อมูลการตั้งค่า หรือจะเป็นตอนติดตั้งแอปที่เมื่อเราโหลดแอปบนสมาร์ทโฟน ตัวแอปดังกล่าวก็จะติดตั้งลงที่นาฬิกาด้วย
สำหรับคนที่ใช้หูฟัง Galaxy Buds2 ก็สามารถควบคุมหูฟังจากตัวนาฬิกาได้เลย หรือใครที่ใช้ Samsung Galaxy Z Flip3 5G ก็สามารถซิงค์ภาพ Watch Face ของนาฬิกาให้เป็นภาพบนหน้าจอรอง (Cover Screen) ของสมาร์ทโฟนได้
สำหรับตัวแบตเตอรี่ รุ่นปกติ 44mm. มี 361mAh รุ่น 40mm. มี 247mAh จากที่ลองใช้งานตามปกติจะอยู่ได้ราวๆ 1-2 วัน ซึ่งอาจจะน้อยไปนิดเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในตลาด สำหรับการชาร์จไฟรุ่นนี้เป็นแบบ Wireless Charging ซึ่งจากที่ทดสอบมาชาร์จแบตจาก 12% เป็นเวลา 30 นาที ได้ 39% ก็ถือว่าพอรับได้
สรุปสเปค Samsung Galaxy Watch4
- หน้าจอ Super AMOLED
- รุ่น 44mm. : 1.36” (450×450)
- รุ่น 40mm. : 1.19” (396×396)
- ตัวเรือนวัสดุอลูมิเนียม+กระจก Corning Gorilla Glass with DX+
- ขนาดตัวเรือน
- รุ่น 44mm. : 44.4 x 43.3 x 9.8 มม. น้ำหนัก 30.3 กรัม
- รุ่น 40mm. : 40.4 x 39.3 x 9.8 มม. น้ำหนัก 25.9 กรัม
- มาตรฐานกันน้ำ ความทนทาน 5ATM+IP68 / MIL-STD-810G
- ชิป Exynos W920 Dual Core 1.18GHz
- RAM 1.5GB + Storage 16GB
- แบตเตอรี่
- รุ่น 44mm. : 361mAh
- รุ่น 40mm. : 247mAh
- ระบบ Wear OS ใช้ One UI Watch3
- เซ็นเซอร์ Samsung BioActive Sensor (Optical Heart Rate + Electrical Heart + Bioelectrical Impedance Analysis) / Accelerometer / Barometer / Gyro Sensor / Geomagnetic Sensor / Light Sensor
- รองรับการเชื่อมต่อ LTE (eSIM) / Bluetooth 5.0/ Wi-Fi (802.11 a/b/g/n 2.4+5GHz) / NFC / GPS (Glonass/Beidou/Galileo)
- รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ Android 6.0 ขึ้นไป และมี RAM มากกว่า 1.5GB
- สีที่ขายในไทย
- 44mm. : Black / Green
- 40mm. : Black / Pink Gold
ภาพรวมการใช้งาน Samsung Galaxy Watch4 เรียกว่าดีขึ้น ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพมากขึ้น แต่ที่ชอบอย่างชัดเจนเลยคือเรื่อง UI ที่ใช้งานได้ง่าย และคล่องตัวมากขึ้น แต่มีติดเรื่องของอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ไม่ค่อยอึดเท่าที่คาดหวังเอาไว้แต่จากที่ทดลองใช้มาก็ยังน่าพอใจอยู่ดี
ส่วนใครที่ใช้อุปกรณ์ iOS หรือ HarmonyOS ก็อาจจะต้องสังเกตก่อนซื้อนิดหนึงเพราะจากที่ค้นข้อมูลมาในตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันว่ารองรับการเชื่อมต่อด้วยกันได้หรือไม่ ซึ่งอาจจะจำกัดแค่บนอุปกรณ์ Android เท่านั้น หรือถ้าเชื่อมต่อได้ก็อาจจะเข้าถึงไม่ครบทุกฟีเจอร์ที่นาฬิกามี สำหรับใครที่อยากลองไปเชิญจับจองกันได้ โดยราคาในไทยมีดังนี้