Digital Disruption เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในทุกวงการในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรมต่างๆ, การศึกษา, การเงินการธนาคาร และอื่นๆอีกมากมาย ไม่เว้นแม้แต่ในเรื่องใกล้ตัวเรา ทำให้ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งการที่ปรับตัวให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้นต้องอาศัยการใช้เทคโนโลยีต่างๆไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีในการสื่อสาร เทคโนโลยี Cloud, Big Data, Robotics, Machine Learning, AI และอื่นๆ เข้ามาช่วยในการทำธุรกิจ แต่อาศัยเพียงแค่เทคโนโลยีนั้นไม่เพียงพอ วิสัยทัศน์ของผู้นำในองค์กรก็เป็นสิ่งสำคัญ Disruption สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน จึงเป็นทางเลือกใหม่ในการสร้างสิ่งที่แตกต่างจากผู้นำตลาด หรือบรรดาคู่แข่งในตลาดที่มีอยู่ ซึ่งแน่นอนว่า "ถ้าคุณทำสำเร็จ" จะส่งผลกระทบทำให้ผู้นำตลาดในทุกๆ อุตสาหกรรมจะต้องพบกับความท้าทายใหม่ ในการตัดสินใจครั้งใหญ่เกี่ยวกับอนาคตขององค์กร ว่าจะมีแนวทางในการเดินหน้าธุรกิจอย่างไรต่อไป ที่จะต้องแข่งขันกับองค์กรขนาดเล็ก แต่มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ ที่ทันสมัยเข้ามาช่วยในการทำงาน และกำลังก่อตัวเพื่อจะเข้ายึดพื้นที่ Market Share ของอุตสาหกรรมนั้นๆ ทำให้องค์กรเดิมที่มีอยู่จะต้องเกิดปัญหาและอุปสรรคในการทำธุรกิจอย่างแน่นอน ถ้าหากยังดำรงอยู่ในตลาดในรูปแบบเก่า ใช้วิธีการแบบเดิมๆ ทำการตลาดแบบ Traditional Marketing ทั่วๆ ไป เมื่อถึงวันหนึ่งถ้าหากไม่แข็งแรงพอก็คงจะต้องล้มหายตายจากไปได้อย่างง่ายๆ เหมือนกัน เพราะมันไม่ใช่ยุคของ "ปลาใหญ่กินปลาเล็ก" แต่มันเป็นยุคของ "ปลาเร็วกินปลาช้า"
8 หลุมพรางที่ทำให้โปรเจ็ค Digital Transformation ล้มเหลว (ภาคแรก)
8 หลุมพรางที่ทำให้โปรเจ็ค Digital Transformation ล้มเหลว (ภาคจบ)
แต่ถ้าหากคุณจะสู้กันด้วยรูปแบบวิธีการดำเนินการแบบเก่า สิ่งที่จะต้องคำนึงคือเมื่อคุณต้องการจะนำสินค้าเข้าสู่ตลาด สินค้าของคุณจะต้องเป็นสินค้าที่ไม่อยู่ในตลาด ต้องเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว "Unique" ต้องซื้อกับคุณเท่านั้น เป็นสินค้าที่ไม่มีอยู่ในตลาด เพราะถ้าหากคุณขายสินค้าที่มีอยู่ แน่นอนว่า..ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคา ช่องทางการจำหน่าย และอื่นๆ ผู้นำตลาดจะมีกำลังอำนาจทางการตลาด และงบประมาณที่มากกว่า ซึ่งยากที่จะเป็นคู่แข่งเข้าไปต่อกร "ถ้าหากคุณไม่เจ๋งจริง"
ดังนั้นธุรกิจที่มีอยู่เหล่านี้จะต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นถ้าธุรกิจที่ไม่แข็งแรงจริง ก็เสี่ยงที่จะต้องถูกเขี่ยออกจากธุรกิจไปทั้งๆ ที่เคยเป็นผู้นำตลาด ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจาก Digital Disruption ที่ทำให้ธุรกิจอย่างการบริการแท็กซี่ต้องหยุดชะงัก เช่น Grab Taxi ในประเทศไทย ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเรียกใช้บริการในการเรียกรถแท็กซี่ได้ง่ายมากขึ้น โดยผ่านแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเรียกใช้บริการได้อย่างง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น และยังมีอีกหลากหลายธุรกิจที่กำลังถูก Disruption
เกี่ยวข้องอย่างไรกับการทำธุรกิจ
ปัจจุบันมีการใช้โทรศัพท์มือถือ Smart Phone กันอย่างแพร่หลายทำให้ Trend หรือ พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก การรับข้อมูลข่าวสาร ก็เปลี่ยนแปลงไป บทบาทของสื่อวิทยุ โทรทัศน์ ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัย Digital Disruption ที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันมีอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น ซีบีเอสเอ็นบีซีและเอบีซีในสหรัฐอเมริกายังคงได้รับรายได้จากรายการโทรทัศน์กระจายเสียง แต่พวกเขาไม่สามารถคิดค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นได้ ปัจจุบันเครือข่ายโทรทัศน์ต้องใช้วิธีการหลายช่องเพื่อสร้างรายได้ให้กับตน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ Live และ Stream เพื่อทำรายได้จากการทำโฆษณา
3D Printing
ความสามารถในการสร้างรูปร่างที่ซับซ้อนจากวัตถุดิบที่หลากหลาย 3D Printing จึงเป็นเทคโนโลยีที่คาดว่าจะช่วยในด้านการแพทย์และการก่อสร้างในอนาคตเป็นอย่างมาก
Robotics
หุ่นยนต์เข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมการผลิตได้ซักพักใหญ่ แต่จะมีบทบาทและความสำคัญเพิ่มยิ่งขึ้น สะดวกในการใช้งานมากขึ้น ตั้งแต่การใช้งานในครัวเรือนจนถึงการใช้งานในอวกาศ