1.3 ประโยชน์ของการสำรวจด้วยภาพถ่ายทางอากาศ
มีประโยชน์อย่างกว้างขวางมากมาย ซึ่งพอสรุปดังนี้
1) การใช้ทำแผนที่ภูมิประเทศ เป็นงานเริ่มแรกและงานหลักในการถ่ายภาพทางอากาศ และนิยมใช้ทำแผนที่มากที่สุด โดยใช้ภาพถ่ายทางอากาศร่วมกับงานสำรวจภาคสนาม ทั้งการรังวัดค่าพิกัดทางราบและหรือทางดิ่งของจุดควบคุมภาพถ่าย เพื่อใช้ในการขยายจุดควบคุม ในงานสามเหลี่ยมทางอากาศ (Aerial triangulation) กรมแผนที่ทหาร ใช้เป็นข้อมูลหลักในผลิตแผนที่ฐาน กรมชลประทาน
ใช้ทำแผนที่ภูมิประเทศเพื่อก่อสร้างระบบชลประทาน การนำภาพถ่ายทางอากาศมาใช้ช่วยทำให้ลดภาระค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในงานสำรวจภาคสนามได้มาก เมื่อเปรียบเทียบกับงานสำรวจภาคพื้นดินด้วยกล้องธีโอโดไลด์ (Theodolite) แต่เพียงอย่างเดียว
2) ด้านวิศวกรรม เช่น การสร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ เส้นทางคมนาคมต่าง ๆ การคำนวณปริมาณงานขุดและการถมดิน การประมาณราคาค่าก่อสร้าง และช่วยสร้างแบบจำลองเชิงพื้นที่เพื่อหารูปแบบการระบายน้ำ
3) ด้านการรังวัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน (Cadastral Survey) ภาพถ่ายทางอากาศช่วยสร้างแผนที่ถือครองได้ โดย พ.ศ. 2516-2521 กรมที่ดิน ใช้ภาพถ่ายปรับแก้ (Rectified photo) เพื่อการออกโฉนดที่ดิน นส.3 ก. ด้วยมาตราส่วน1:15,000 หรือเอกสารสิทธิ์ต่าง ๆ ทั่วประเทศ และ พ.ศ. 2538 ได้ผลิตภาพถ่ายมาตราส่วน 1:4,000 ในพื้นที่นอกเขตเทศบาล และมาตราส่วน 1:1,000 ในเขตเทศบาลและเขตเมือง เป็นต้น
4) ด้านการวางผังเมือง กรมโยธาธิการและการผังเมือง นำไปใช้กำหนดขอบเขตการใช้ทประโยชน์ที่ดิน เช่น ย่านการค้า ย่านที่อยู่อาศัย ย่านอุตสาหกรรม การกำหนดโครงข่ายการคมนาคม ซึ่งเป็นประโยชน์ในการวางผังเมืองทั้งในปัจจุบันและอนาคต
5) ด้านกิจการทหาร ในส่วนนี้หมายถึงการใช้ภาพถ่ายทางอากาศสืบราชการลับและงานด้านความมั่นคงของประเทศร่วมกับภาพถ่ายดาวเทียมและระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ในการวางแผนยุทธการและกำหนดยุทธศาสตร์ต่าง ๆ
6) ด้านสิ่งแวดล้อม และการวางแผนจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทั้งนี้เพื่อการ ติดตามการเปลี่ยนแปลง และวางแผนอนุรักษ์เพื่อความเหมาะสม การสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ การสำรวจการใช้ทรัพยากรที่ดิน
7) ด้านการป่าไม้ กรมป่าไม้ นำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อประโยชน์ในการป่าไม้ การหาปริมาตรไม้โดยอาศัยการเปรียบเทียบจากแปลงตัวอย่าง การเก็บสถิติต่าง ๆ เช่น ความสูงเฉลี่ยของแปลงตัวอย่าง หาเส้นผ่าศูนย์กลางของเรือนยอด การปกคลุมของเรือนยอด การหาพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งสามารถวัดได้ง่าและรวดเร็วโดยใช้ภาพถ่ายดิ่งที่มีส่วนซ้อน เพื่อมองเห็นภาพทรวดทรงหรือภาพ 3 มิติ
�ѧ����ʵ�� �Ѱ��ʵ�� ������ͧ ���ɰ��ʵ�� >>
�ѧ���֡��
(�Ѹ���֡�ҵ����)
�Ը�������ͧ��ͷҧ������ʵ��
�ٻ���·ҧ�ҡ������Ҿ�ҡ�������
�ٻ���·ҧ�ҡ������Ҿ�ҡ����������ٻ���͢����ŵ���Ţ�����ҡ���红����� �Ҥ��鹴Թ�ҡ���ͧ���Դ����Ѻ��˹� �� ����ͧ�Թ ���ʹ������ ���ա�úѹ�֡���������ҧ�����´������Һ�����ᵡ��ҧ�ѹ �֧���������Ҿ����ͧ������鹷����С������¹�ŧ��ҧ � �������ҡ�����鹼���š �� ����Դ�ط���� 俻�� �������¹�ŧ �������Թ ��á�����ҧʶҹ��� �繵�
����ª��ͧ�ٻ���·ҧ�ҡ������Ҿ�ҡ������� ��������ѹ�ҡ�����ٻ�����Ҿ���·����ҡ����з������ʧ�ͧ�ǧ�ҷԵ������������ͧ�ѹ�֡���Դ���躹����ͧ�Թ���ʹ������ ��úѹ�֡�������Ҩ�з��������� �� �ٻ���·ҧ�ҡ���բ�� � �� �����ٻ���·ҧ�ҡ���ո����ҵ� ��úѹ�֡�����Ũҡ������������ѭ�ҳ�繵���Ţ���Ǩ֧�ŧ��ҵ���Ţ���Ҿ�ҡ������������ѧ
การใช้ภาพถ่ายทางอากาศและภาพจากดาวเทียม
ภาพถ่ายทางอากาศ คือ
ภาพถ่ายทางอากาศแบ่งได้เป็น 2 ชนิด
1. ภาพถ่ายแนวดิ่ง หมายถึง ภาพถ่ายที่แกนของกล้องถ่ายภาพถ่ายทางอากาศตั้งฉากพื้นผิวโลก มักมีสัดส่วนคงที่ ใช้ในการรังวัดทำแผนที่ภูมิประเทศ และแปลความหมายข้อมูลภูมิศาสตร์ที่ปรากฏอยู่ในภาพ
2. ภาพถ่ายเฉียง หมายถึง ภาพถ่ายทางอากาศที่แกนกล้องเฉียงไปจากพื้นผิวโลก มีจุดประสงค์เพื่อเก็บรายละเอียดภูมิประเทศทั่วไป ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างกว่าภาพถ่ายแนวดิ่ง และไม่ได้นำไปใช้ทำแผนที่ภูมิประเทศ
ภาพถ่ายดาวเทียม
ภาพ ดาวเทียมสปุตนิก
แบ่งตามชนิดได้เป็น
1. ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา เป็นดาวเทียมสำรวจข้อมูลด้านสภาพอากาศ เช่น ดาวเทียม GMS และ NOAA
2. ดาวเทียมสมุทรศาสตร์ เป็นดาวเทียมสำรวจข้อมูลด้านลักษณะคลื่นผิวน้ำและใต้ผิวน้ำ ความสูงของคลื่น ศึกษาน้ำแข็งในทะเล อุณหภูมิผิวหน้าทะเล เป็นต้น
3. ดาวเทียมสำรวจแผ่นดิน เป็นดาวเทียมสำรวจข้อมูลด้านทรัพยากรบนแผ่นดิน เช่น ดาวเทียม THEOS เป็นดาวเทียมสำรวจทรัพยากรดวงแรกของไทย ส่วนดาวเทียม LANDSAT เป็นของสหรัฐอเมริกา และดาวเทียม SPOT เป็นของประเทศฝรั่งเศส
4. ดาวเทียมสื่อสาร เพื่อการรับส่งสัญญาณโทรศัพท์ โทรสาร โทรทัศน์ วิทยุ เช่น ดาวเทียมไทยคม
ข้อมูลจากดาวเทียม
ข้อมูลเชิงเลข คือ
เวลาที่เก็บข้อมูลมาจากดาวเทียมดาวเทียมก็จะแปลค่าให้เป็นตัวเลข เช่น ดี = 1, แย่ = 2 และ แย่ที่สุด = 3 หรือชนิดของตัวเลขที่ใช้ในระบบราสเตอร์ จะเป็นตัวบอกว่าชั้นข้อมูลนั้น ๆ จะถูกแสดง หรือสามารถนำไปประมวลผลได้อย่างไร ตัวอย่างเช่น ชั้นข้อมูลความสูง ที่มีค่าในช่วง 550 ถึง 560 จะถูกใช้ต่างกับชั้นข้อมูลที่มีค่าแค่ 1, 2 หรือ 3 ซึ่งเป็นตัวแทน น้ำ ดิน พืช จะเห็นได้ว่าข้อมูลที่ส่งกลับมาทุกอย่างจะถูกแปลผลไปเป็นตัวเลข แล้วเวลาใช้งานก็จะแปลตัวเลขมาเป็นข้อมูลที่ต้องการนำเสนอ ในประเทศไทยมีสถานีรับสัญญาณดาวเทียมสำรวจทรัพยากร ตั้งอยู่ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และมีสถานีรับสัญญาณของกรมอุตุนิยมวิทยากระจายตามภูมิภาคของประเทศ
การใช้ประโยชน์จากภาพถ่ายดาวเทียม เช่น
- การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ใช้สำรวจ ตรวจสอบสภาพผืนป่า ความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้
- ด้านการทำแผนที่ ใช้สำรวจวัตถุบนพื้นโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพชายฝั่ง การจัดทำแผนที่ธรณีวิทยา การจัดทำแผนที่ชุดดิน
- ด้านอุตุนิยมวิทยา ใช้ติดตามการเปลี่ยนแปลงลักษณะอากาศในช่วงเวลาในแต่ละวัน
- ด้านคมนาคม เช่น การติดตามสภาพการจราจรขณะปัจจุบัน