มโนทัศน์ของการตั้งครรภ์--ความหมายและระยะของการตั้งครรภ์--การเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารก--การเปลี่ยนแปลงทางกายของหญิงตั้งครรภ์--การเปลี่ยนแปลงทางจิตสังคมของหญิงตั้งครรภ์--ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อหญิงตั้งครรภ์และทารก--การวินิจฉัยการตั้งครรภ์--กระบวนการพยาบาลสำหรับหญิงตั้งครรภ์--การประเมินสภาพ--การวางแผนการพยาบาล--การปฏิยบัติการพยาบาล--การประเมินผลการพยาบาล--การพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสที่1--การประเมินสภาพหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสที่1--หลักการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสที่1--กรณีศึกษาหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสที่1--การพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสที่2--การประเมินสภาพหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสที่2--ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสที่2--หลักการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสที่2--กรณีศึกษาหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสที่2--การพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสที่3--การประเมินสภาพหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสที่3--ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสที่3--หลักการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสที่3--กรณีศึกษาหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสที่3
- การพยาบาลสูติศาสตร์
- การตั้งครรภ์
การที่คุณแม่ตั้งครรภ์มีอารมณ์ดีอยู่เสมอจะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โดยคุณแม่อาจฟังเพลงที่ตนเองชอบเสมอๆ นอกจากนี้การแบ่งปันเพลงเพราะๆ ให้เด็กน้อยในครรภ์จะช่วยให้มีการพัฒนาเรื่องการพูดและการฟังที่ดี สามารถทำได้ด้วยการใช้เสียงเพลงแนบหน้าท้อง เปิดเพลงไพเราะ ฟังสบายอย่างน้อยวันละ 10 นาที
ความเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวังในไตรมาสแรก
- อาการแพ้ท้อง คุณแม่ส่วนใหญ่มักแพ้ท้องอย่างหนักในช่วงไตรมาสแรก คลื่นไส้ อาเจียน และรับประทานอาหารไม่ได้ หากคุณแม่ละเลยการรับประทานอาหาร อาจเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารที่จำเป็นทั้งในทารกและตัวคุณแม่เอง ส่งผลให้ทารกในครรภ์ไม่ได้รับสารอาหารบำรุงสมองอย่างเพียงพอ ส่วนคุณแม่เกิดภาวะขาดสมดุลของเกลือแร่และวิตามิน หากมีอาการแพ้ท้องมากควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
- เลือดออกทางช่องคลอด ภาวะเลือดออกทางช่องคลอดมีความเสี่ยงต่อชีวิตของทารกในครรภ์และคุณแม่อย่างมาก ถือเป็นอันตรายที่สามารถเกิดได้ทุกช่วงอายุครรภ์ จึงควรรีบพบแพทย์ทันที ไม่ต้องรอให้ถึงวันนัด
- ปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง แม้คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มักพบอาการปวดท้องน้อยเป็นปกติ เนื่องจากกล้ามเนื้อมดลูกมีการขยายตัวเพื่อรองรับตัวอ่อนในครรภ์ แต่หากอาการปวดมากขึ้นจนผิดสังเกต หรือปวดติดต่อกันยาวนาน ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ
ทั้งนี้ภาวะเสี่ยงในไตรมาสแรกยังขึ้นกับโรคประจำตัวของคุณแม่ อาทิ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ โลหิตจาง ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ และโรคธาลัสซีเมีย เป็นต้น นอกจากนี้อายุของมารดาขณะตั้งครรภ์ก็มีผลต่อความเสี่ยงเช่นกัน โดยคุณแม่ตั้งครรภ์มีอายุน้อยกว่า 16 ปี หรือมากกว่า 40 ปี ควรปรึกษาแพทย์และตรวจครรภ์อย่างสม่ำเสมอ
ท้องไตรมาสแรก กับการตรวจคัดกรองครรภ์เสี่ยง
การเอาใจใส่ดูแลคุณแม่ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ถือเป็นสิ่งจำเป็น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเบาๆ สม่ำเสมอ ทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่วิตกกังวลจนเกินไป แต่ก็ไม่ละเลยอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่มองว่าเป็นเรื่องปกติ โดยการฝากครรภ์ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ตรวจคัดกรองความเสี่ยงของครรภ์เป็นพิษในช่วง 3 เดือนแรก สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้สูงถึง 90 % และสามารถป้องกันการเกิดครรภ์พิษได้ 70% ที่สำคัญคุณแม่ตั้งครรภ์ควรมาพบแพทย์ตามนัด ปรึกษาแพทย์หากมีอาการผิดปกติ ไม่ซื้อยารับประทานเอง เพื่อสุขภาพที่ดีทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์
(Read : 234647 times)
รายชื่ออาจารย์ผู้สอน : อาจารย์วารุณี เพไร, ผศ.ภัทรพร อรัณยภาค, อาจารย์จิตต์ระพี บูรณศักดิ์
รายละเอียดลักษณะของรายวิชา แบบ มคอ.3 : Download
สัปดาห์ที่
หัวข้อศึกษาทั่วไปหมายเหตุSlideเอกสารแบบทดสอบ1บทที่ 1 บทนำ การพยาบาลสูติศาสตร์
1.1 ประวัติการพยาบาลมารดาและทารก
1.2 การพยาบาลมารดาและทารกในปัจจุบัน
1.3 แนวโน้มทางการพยาบาลมารดาและทารก
1.4 บทบาทและขอบเขตความรับผิดชอบของพยาบาลวิชาชีพในการพยาบาลสูติศาสตร์
บทที่ 2 ทบทวนการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์
2.1 การปฏิสนธิ การฝังตัว และการเจริญเติบโตของไข่ที่ถูกผสมแล้ว
2.2 พัฒนาการของรก สายสะดือ เยื่อหุ้มทารกและน้ำคร่ำ
2.3 การเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์
2.4 การไหลเวียนเลือดทารกในครรภ์
2.5 ส่วนต่าง ๆ และขนาดของศีรษะทารก
2.6 ปัจจัยที่มีผลต่อการสร้างเซลล์ การปฏิสนธิและการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
3
บทที่ 3 การพยาบาลสตรีในระยะตั้งครรภ์
3.1 ศัพท์ทางสูติศาสตร์
3.2 การวินิจฉัยการตั้งครรภ์
- 3.2.1 Presumptive signs
- 3.2.2 Probable signs
- 3.2.3 Positive signs
3.3 การเปลี่ยนแปลงของสตรีตั้งครรภ์
- 3.3.1 การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของสตรีตั้งครรภ์
- 3.3.2 การเปลี่ยนแปลงทางจิตสังคมของสตรีตั้งครรภ์
4
3.4 การฝากครรภ์
- 3.4.1 วัตถุประสงค์ของการฝากครรภ์
- 3.4.2 ระยะเวลาการรับบริการฝากครรภ์
- 3.4.3 การซักประวัติ
- 3.4.4 การคาดคะเนอายุครรภ์และกำหนดวันคลอด
- 3.4.5 การตรวจร่างกาย
- 3.4.6 การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
- 3.4.7 การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันในระยะตั้งครรภ์
- 3.4.8 การตรวจครรภ์
- Lie, Attitude, Presentation Denominator, Position
- Leopold’s maneuve
3.5 การให้สุขศึกษาและคำแนะนำแก่สตรีมีครรภ์
- 3.5.1 การแต่งกาย
- 3.5.2 การขับถ่าย
- 3.5.3 การมีเพศสัมพันธ์
- 3.5.4 การเดินทาง
- 3.5.5 อาการผิดปกติที่ต้องมาโรงพยาบาลทันที
- 3.5.6 อาการนำก่อนคลอด
- 3.5.7 การเตรียมตัวมาคลอด
3.6 การพยาบาลสตรีที่มีอาการไม่สุขสบายในระยะไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์
6
3.7 การพยาบาลสตรีที่มีอาการไม่สุขสบายในระยะไตรมาสที่สอง
3.8 การพยาบาลสตรีที่มีอาการไม่สุขสบายในไตรมาสที่สาม
3.9 การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการปรับตัวด้านจิตอารมณ์ในสตรีมีครรภ์
3.10 การเตรียมสตรีมีครรภ์เพื่อการคลอด
- 3.10.1 Prenatal exercise
- 3.10.2 Breathing exercise
- 3.10.3 Relaxation exercis
7
บทที่ 4 การพยาบาลสตรีระยะคลอด
4.1 การเจ็บครรภ์
- 4.1.1 ทฤษฎีการเริ่มเจ็บครรภ์
- 4.1.2 อาการของการเจ็บครรภ์
4.2 องค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อการคลอด
4.3 ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีอิทธิพลต่อความก้าวหน้าของการคลอด
4.4 ระยะต่าง ๆ ของการคลอด
8
4.5 กลไกการคลอด
- 4.5.1 Engagement
- 4.5.2 Descent & Flexion
- 4.5.3 Internal Rotation of Head
- 4.5.4 Crowning
- 4.5.5 Extension of the Head
- 4.5.6 Restitution
- 4.5.7 Internal Rotation of the Shoulders
- 4.5.8 External Rotation of Head
- 4.5.9 Birth by lateral flexio
9
4.6 การรับใหม่ผู้คลอด
4.7 การพยาบาลผู้คลอดในระยะที่หนึ่งของการคลอด
- 4.7.1 ซักประวัติ
- 4.7.2 การตรวจร่างกาย
- 4.7.3 การวัดสัญญาณชีพ
- 4.7.4 การประเมินสภาพทารกในครรภ์
- 4.7.5 การประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
- 4.7.6 การดูแลความสุขสบายของผู้คลอดทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และจิตวิญญาณ
- 4.7.7 การย้ายผู้คลอดเข้าห้องคลอด
4.8 การพยาบาลผู้คลอดในระยะที่สองของการคลอด
- 4.8.1 การประเมินสภาวะผู้คลอด
- 4.8.2 การเตรียมสำหรับการคลอด
- การเตรียมสถานที่และอุปกรณ์
- การเตรียมตัวของผู้ทำคลอด
- การเตรียมผู้คลอดทางด้านร่างกายและจิตใจ
11
4.9 การพยาบาลผู้คลอดในระยะที่สามของการคลอด
- 4.9.1 การประเมินสภาวะผู้คลอด
- 4.9.2 การทำคลอดรกและการตรวจรก
- 4.9.3 การตรวจการฉีกขาดของช่องทางคลอด
- 4.9.4 การซ่อมแซมฝีเย็บ
4.10 การพยาบาลผู้คลอดในระยะ 2 ชั่วโมงหลังคลอด
- 4.10.1 การประเมินสภาวะผู้คลอด
- 4.10.2 การดูแลย้ายผู้คลอดไปหอผู้ป่วยหลังคลอด
บทที่ 5 การพยาบาลมารดาในระยะหลังคลอด
5.1 การปรับตัวทางด้านร่างกายของมารดาในระยะหลังคลอด
- 5.1.1 มดลูกและปากมดลูก
- 5.1.2 น้ำคาวปลา
- 5.1.3 ผนังช่องคลอด
- 5.1.4 เต้านม / การหลั่งน้ำนม
- 5.1.5 การมีประจำเดือน
- 5.1.6 การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายทั่ว ๆ ไป
5.2 การปรับตัวทางด้านจิตสังคมของมารดาและครอบครัวในระยะหลังคลอด
135.3 การพยาบาลมารดาในระยะหลังคลอด
- 5.3.1 การพยาบาลในระยะ 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
- 5.3.2 การพยาบาลในระยะหลังคลอด 24 ชั่วโมงจนถึง 6 สัปดาห์หลังคลอด
5.4 การพยาบาลมารดาที่มีอาการไม่สุขสบายในระยะหลังคลอด
- 5.4.1 ไข้หลังคลอด
- 5.4.2 ปวดมดลูก
- 5.4.3 เต้านมคัด
5.5 การเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา
14บทที่ 6 การส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดากับทารก
6.1 มโนทัศน์ของสัมพันธภาพระหว่างมารดากับทารก
6.2 พัฒนาการของการสร้างสัมพันธภาพระหว่างมารดากับทารก
6.3 ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการสร้างสัมพันธภาพ
6.4 การประเมินสัมพันธภาพระหว่างมารดากับทารก
6.5 บทบาทของพยาบาลในการส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดากับทารก
15
บทที่ 7 การวางแผนครอบครัว
7.1 ความหมายและความสำคัญของการวางแผนครอบครัว
7.2 ขอบเขตแนวโน้มและเป้าหมายของการวางแผนครอบครัว
7.3 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการวางแผนครอบครัว
7.4 หลักและวิธีการคุมกำเนิด
7.5 การให้สุขศึกษาและการจูงใจผู้รับบริการวางแผนครอบครัว
7.6 บทบาทของพยาบาลในการให้บริการวางแผนครอบครัว
16
สอบการตรวจครรภ์ การทำคลอด การดูแลทารกแรกเกิด