“บ้าน” เป็นปัจจัย 4 เพื่อการดำรงชีวิต ดังนั้น เมื่อมีหน้าที่การงาน รายได้ที่มั่นคงหลายคนก็อยากเติมเต็มความฝันด้วยการมีบ้าน โดยวิธีการซื้อบ้านมักจะขอกู้สินเชื่อกับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งลักษณะพิเศษ คือ มีระยะเวลาผ่อนชำระนานกว่าสินเชื่อประเภทอื่นๆ สูงสุดไม่เกิน 30 ปี หมายความว่า หากตัดสินใจซื้อบ้านต้องมีภาระผ่อนชำระค่อนชีวิต
ดังนั้น การตัดสินใจผ่อนบ้านสักหลัง ที่สำคัญหากเป็นบ้านหลังแรกต้องคิดให้รอบคอบ เพราะถ้าเกิดความผิดพลาดอาจต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหามากกว่าที่คิด
1.สำรวจสถานะทางการเงิน
“รายได้” และ “ค่าใช้จ่าย” จะเป็นตัวกำหนดความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ ซึ่งตามหลักการวางแผนการเงินควรมีภาระหนี้ทุกประเภทแต่ละเดือนสูงสุดไม่เกิน 40% ของรายได้ เช่น เงินเดือน 45,000 บาท ควรมีหนี้ต้องผ่อนรวมกันไม่เกิน 18,000 บาท ดังนั้น หากมีหนี้อื่นๆ เช่น หนี้รถ หนี้บัตรเครดิต ที่ต้องผ่อนในแต่ละเดือน อาจทำให้การขอสินเชื่อบ้านได้ในวงเงินลดน้อยลง
เช่น ผ่อนรถยนต์เดือนละ 6,000 บาท จ่ายหนี้บัตรเครดิตเดือนละ 2,000 บาท (รวมกันเท่ากับ 8,000 บาท)
หมายความว่าจะมีความสามารถในการผ่อนชำระบ้านอีก 10,000 บาท (18,000 – 8,000) ดังนั้น ก่อนซื้อบ้านควรสำรวจรายได้เพื่อประเมินว่าตัวเองเหมาะกับการซื้อบ้านราคาไหน และสำรวจค่าใช้จ่ายเพื่อประเมินความสามารถในการผ่อนชำระหนี้แต่ละเดือน
2.ซื้อบ้านในราคาที่เหมาะสม
เมื่อรู้สถานะทางการเงินและความสามารถในการผ่อนชำระหนี้แต่ละเดือนแล้ว ก็จะรู้ว่าควรซื้อบ้านที่ราคาไหนเพื่อทำให้ไม่เป็นภาระจนเกินไป ซึ่งหลักการเบื้องต้นในการประเมินวงเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์จะคำนวณจากจำนวนเงินที่ผู้กู้มีความสามารถผ่อนได้ในแต่ละงวดในอัตราส่วน โดยจำนวนเงินผ่อนต่องวด 8,000 บาท ต่อยอดหนี้ 1 ล้านบาท นั่นคือ ถ้าสามารถผ่อนได้ 8,000 บาทต่อเดือน ธนาคารจะให้กู้ 1 ล้านบาท ถ้าผ่อนได้ 16,000 บาทต่อเดือน จะกู้ได้ 2 ล้านบาท เป็นต้น
วงเงินกู้ได้สูงสุด = (1,000,000 x ความสามารถในการผ่อนแต่ละเดือน)
8,000
เช่น มีความสามารถในการผ่อน 10,000 บาทต่อเดือน จะกู้ซื้อบ้านได้สูงสุด 1,250,000 บาท อย่างไรก็ตาม เป็นการคำนวณคร่าวๆ ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองมีความสามารถในการกู้ได้เท่าไหร่ต้องปรึกษาเจ้าหน้าที่ธนาคาร เพราะการที่จะกู้ได้เท่าไหร่นั้นยังขึ้นกับเงื่อนไขอื่นๆ เช่น ระยะเวลาในการผ่อนชำระ อัตราดอกเบี้ย หรือมีผู้กู้ร่วมด้วยหรือไม่ เป็นต้น
3.วางเงินดาวน์เยอะๆ
เมื่อวางแผนซื้อบ้านก็ต้องมีเงินสำหรับดาวน์บ้าน ประมาณ 5 - 20% ของราคาบ้าน ส่วนเงินที่เหลือถึงจะไปขอสินเชื่อกับธนาคาร ซึ่งมีหลายคนที่เลือกจ่ายเงินดาวน์ให้น้อยที่สุด ข้อดี คือ ใช้เงินตัวเองไม่เยอะ ข้อเสีย คือ มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสูง ดังนั้น หากเป็นไปได้ควรเตรียมเงินให้พร้อมสำหรับดาวน์บ้านให้มากที่สุด เช่น 20% หรือ 30% ก็จะช่วยประหยัดดอกเบี้ย
เช่น ซื้อบ้านราคา 1,500,000 บาท ใช้เงินดาวน์ 10% (150,000 บาท) แสดงว่าต้องขอกู้จากธนาคาร 1,350,000 บาท สมมติว่าจ่ายดอกเบี้ย 6% ต่อปี ระยะเวลาผ่อน 25 ปี ก็ต้องผ่อนเดือนละ 8,698 บาท
และจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมด 1,259,421 บาท แต่ถ้าวางเงินดาวน์ 30% (450,000 บาท) แสดงว่าต้องกู้อีก 1,050,000 บาท ก็จะผ่อนเดือนละ 6,765 บาท และจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมด 979,548 บาท
เมื่อเงินเพื่อไปดาวน์บ้านจะเป็นเงินก้อนระดับแสนบาท ดังนั้น หากมีการเตรียมเงินให้พร้อมก่อนซื้อบ้านหลังแรกจะแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ วิธีการ คือ เงินเดือนออกก็แบ่งเงินไปลงทุน เช่น ลงทุนทุกเดือนๆ ละ 1,000 บาท ได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7% ต่อปี ผ่านไป 10 ปี จะมีเงินจากการลงทุนประมาณ 173,084 บาท
ซึ่งในทางปฏิบัติก็สามารถนำเงินก้อนนี้ไปวางเป็นเงินดาวน์บ้านได้ แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำ ดังนั้น อาจนำเงินจำนวนหนึ่งมาเติมเพื่อให้เงินดาวน์เพิ่มสูงขึ้น
4.เพิ่มเงินผ่อนต่อเดือน
ช่วงเริ่มวัยทำงาน เงินเดือนยังไม่ได้เยอะก็ควรเลือกระยะเวลาผ่อนบ้านให้นานที่สุด เช่น 25 ปี หรือ 30 ปี เป็นต้น เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย แต่เมื่อไหร่ที่เงินเดือนเพิ่มสูงขึ้นหรือมีรายได้พิเศษก็ต้องเพิ่มเงินที่ผ่อนแต่ละเดือนให้สูงขึ้น อาจใช้วิธีเพิ่มแบบขั้นบันใด เช่น ปีนี้ผ่อนเดือนละ 6,765 บาท ปีหน้าผ่อนเดือนละ 7,765 บาท ปีถัดมาผ่อนเดือนละ 8,765 บาท เป็นต้น ก็จะทำให้ประหยัดดอกเบี้ยและปลดหนี้ได้เร็วยิ่งขึ้น
การคิดมีบ้านสักหลังอาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหลายคน บางคนอาจมีความสับสันว่าจะเริ่มต้นอย่างไร หรือกังวลว่าจะกู้เงินไม่ผ่าน แต่ถ้ามีการวางแผนรอบคอบเป็นขั้นตอน และเมื่อมีความพร้อม การมีบ้านสักหลังจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
5 รถยนต์ที่คุณสามารถผ่อนได้ต่ำกว่าเดือนละ 5,000
รถยนต์ในปัจจุบัน นับว่าได้รับการพัฒนาจากอดีตไปมาก ด้วยระบบการควบคุมหรือระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่ได้เพิ่มเข้ามา ย่อมทำให้ตัวรถนั้นมีราคาแพงขึ้นไป ปัจจุบัน กลุ่มคนที่มักจะมองหารถคันใหม่ใช้ส่วนมากจะเป็นนักศึกษา หรือคนที่พึ่งเริ่มทำงาน เงินเดือนอาจจะอยู่ที่ 15,000-20,000 บาท การจะซื้อรถที่มีราคาแพงๆ จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไปอย่างมาก
รถที่ราคาต่ำกว่า 500,000 บาท จึงจะเป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากสามารถผ่อนได้เดือนละ 5,000 บาท อาจจะมากหรือน้อยกว่าเล็กน้อย วันนี้ เราจึงทำการรวบรวมรถที่สามารถผ่อนได้ต่ำกว่าเดือนละ 5,000 บาท/เดือนมาให้ดูกันเป็นทางเลือกครับ
1. Suzuki CELERIO
- 1.0 GA 5MT 318,000 บาท
- 1.0 GL CVT 398,000 บาท
- 1.0 GX CVT 427,000 บาท
Celerio เปิดตัวในไทยมา 6 ปีแล้ว ซึ่งยังนับว่าเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ถือว่าถูกที่สุดในประเทศไทย เปิดตัวที่รุ่น 1.0 GA ราคา 318,000 บาท หากไม่ได้ใส่ใจกับหน้าตาหรือรูปทรงที่เรียบง่าย เซเลริโอจึงเป็นรถที่เหมาะกับครอบครัวเล็กๆที่พยายามเก็บออมเงิน ซึ่งมีแต่อุปกรณ์พื้นฐานมาให้เท่าทีจำเป็นเท่านั้น
คำนวณค่างวด
หากลองคำนวณค่างวดของรุ่นที่ถูกที่สุดคือ GA 318,000 บาท ณ ตอนนี้ซูซูกิมีโปรโมชั่น ลดราคา 20,000 บาท ทำให้เหลือราคาแค่ 298,000 หากลองคำนวณค่างวด ด้วยการดาวน์ 25% เป็นเงิน 74,500 บาท กับดอกเบี้ย 2.89 ยอดจัดไฟแนนซ์อยู่ที่ 223,500 ค่างวดจะอยู่ที่ 3,199 บาทต่อเดือนเท่านั้น
2. Nissan March
- 1.2 S 5MT 420,000 บาท
- 1.2 E 5MT 480,000 บาท
- 1.2 E CVT 495,000 บาท
- 1.2 EL CVT 510,000 บาท
อีกตัวเลือกราคาประหยัด สำหรับผู้ที่ต้องการมีรถคันแรก จุดขายของมาร์ชอยู่ที่ขนาดตัวรถใหญ่กว่า Celerio มาพร้อมความโปร่งของห้องโดยสาร และส่วนลดราคาขายหน้าโชว์รูมที่มีมาให้ตลอด ส่วนในเรื่องการขับขี่ถือว่า สามารถใช้งานในเมืองได้ง่าย ด้วยขนาดที่เล็ก กระชับ กระนั้น อัตราเร่งดีกว่า Nissan Note ทั้งที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตรเหมือนกัน เพราะว่ามาร์ชเบากว่า
คำนวณค่างวด
หากลองคำนวณค่างวด 1.2 S MT ที่ถูกที่สุดที่ราคา 420,000 บาท วางเงินดาวน์ 25% หรือ 105,000 บาท กับดอกเบี้ย 2.89%* ยอดจัดไฟแนนซ์อยู่ที่ 315,000 บาท 84 งวด ค่างวดจะอยู่ที่ 4,509 บาทต่อเดือน
3. Mitsubishi Mirage และ Attrage
Mitsubishi Mirage
- GLX 5MT 474,000 บาท
- GLX CVT 509,000 บาท
- GLS CVT
574,000 บาท
- GLS-LTD CVT 619,000 บาท
Mitsubishi Attrage
- GLX 5MT 494,000 บาท
- GLX CVT 536,000 บาท
- GLS CVT 579,000 บาท
- GLS-LTD CVT 624,000 บาท
สำหรับ Mirageและ Attrage รถ B-Segment ที่เป็น Eco Car ที่ได้เวลาปรับโฉมไปเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้หน้าตาดูทันสมัย เฉียบคมขึ้น ต่างกันแค่ตัวถังแบบ 5 ประตู และ 4 ประตู จุดเด่นของคันนี้คืออุปกรณ์ติดตั้งพื้นฐานที่มีมาให้เยอะที่สุด รวมทั้งการติดตั้งระบบ FCW (Forward Collision Warning หรือระบบเตือนกันชนด้านหน้า) ที่มาเป็นรายแรกในบรรดาเซกเมนท์เดียวกัน พวงมาลัยและช่วงล่างที่ถือว่าตอบสนองได้ดี มีความเป็นธรรมชาติ ตัวถังที่เล็กทำให้ขับขี่ได้คล่องแคล่ว
คำนวณค่างวด
หากคำนวณค่างวดของตัวที่ถูกที่สุดคือ Mirage GLX 5MT ราคา 474,000 วางเงินดาวน์ 25% คือ 118,500 บาท ยอดจัดไฟแนนซ์อยู่ที่ 355,500 บาท กับดอกเบี้ย 2.89 จะทำให้คุณผ่อนเจ้ามิราจเพียงเดือนละ 5,089 บาทเท่านั้น
4. Honda Brio / Honda Brio AMAZE
- Hatchback 1.2 V CVT 495,000 บาท
- Amaze 1.2 V CVT 517,000 บาท
สำหรับ Honda Brio ในประเทศไทยเรียกได้ว่าทำยอดขายได้ไม่ดีนัก สำหรับ ตัวถังแฮทช์แบ็ค 5 ประตู และ Amaze ซีดาน 4 ประตู ที่มีตัวถังสั้นมากๆ แม้จะได้รับการปรับโฉมไปเมื่อปี 2016 ก็ตาม ด้วยการเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ เพิ่มชุดแต่ง Modulo Amaze แล้วยังตัดเกียร์ธรรมดาออกอีกด้วย ซึ่งแต่ละคันก็มีรุ่นให้เลือกให้เพียงรุ่นเดียว แม้จะมีขุมพลังและระบบที่ดีก็ตาม แต่เรื่องดีไซน์ก็อาจจะยังไม่ถูกใจหลายๆคน
คำนวณค่างวด
สำหรับ Brio 1.2 ราคา 495,000 บาท วางดาวน์ 25 % ที่ 123,750 บาท ยอดจัด 371,250 บาท กับดอกเบี้ย 2.89 จะทำให้คุณผ่อนบริโอนี้อยู่ที่ 5,314 บาท/เดือน
5. MG3
- MG3 1.5 C 519,000
- MG3 1.5 D 549,000
- MG3 1.5 X 589,000
- MG3 1.5 V 629,000
MG3 เป็นรถยนต์ขนาดซับคอมแพ็ครุ่นเล็กสุดของเอ็มจี เปิดตัวครั้งแรกปี 2015 โดยมีกลุ่มลูกค้าเป็นผู้ที่มองหารถคันแรกและรถยนต์ขนาดเล็กใช้งานในเมือง
ซึ่งล่าสุดได้รับการเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ในปี 2018 แม้ว่ายอดขายของ MG3 โฉมก่อนจะถือว่าทำได้ดี แต่ด้วยการออกแบบที่ยังดูไม่น่าดึงดูดสำหรับผู้ใช้ชาวไทย และสมรรถนะของเกียร์ AMT ที่ตอบสนองได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้จุดขายของ MG3 นั้นอยู่ที่ ราคา ที่คุ้มค่าในระดับเดียวกับเหล่าอีโคคาร์ แต่มีเครื่องยนต์ที่ 1.5 ลิตรมาแทน
คำนวณค่างวด
MG3 แม้มีราคาสูงกว่าคันอื่นๆ แต่ด้วยเครื่องก็ยังถือว่าน่าสนใจ โดยรุ่น 1.5 C เปิดที่ 519,000 บาท วางดาวน์ 25% 129,750 บาท ยอดจัด 389,250 บาท ดอกเบี้ย 2.89 จะทำให้คุณผ่อน MG3 อยู่ที่เดือนละ 5,572 บาท
ทั้งนี้ทั้งนั้น จำนวนดอกเบี้ย จะขึ้นอยู่กับระบบสินเชื่อที่ผู้ซื้อจะเลือก รวมถึงราคาและโปรโมชั่นของรถ ที่ทางโชว์รูมและดีลเลอร์ต่างๆออกมาแต่ละเดือน ซึ่งอาจจะขอส่วนลดได้จาก 3-5 หมื่น หรือของแถมต่างๆที่มีมาให้ และระบบการใช้งานภายใน ขึ้นอยู่กับตัวผู้ซื้อเอง ว่ามองว่าคันไหนคุ้มค่ากว่ากัน ฉะนั้นการจะซื้อรถคันแรก ควรจะตัดสินใจให้ดีๆก่อนนะครับ