เมืองหลวง เอกวาดอร์ ภาษาอังกฤษ

การเดินทางไปเที่ยวทวีปอเมริกาใต้ อาจเป็นการเดินทางที่ไกลเกินฝัน สำหรับใครหลายๆ คน เพราะต้องใช้เวลามากกว่า 24 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ กว่าจะถึงแต่ละเมือง แต่สำหรับฉันที่ได้มีโอกาสไปเยือนประเทศต่างๆ ในทวีปอเมริกาใต้มาบ้างแล้ว รับประกันได้เลยว่าเป็นการเดินทางไกลที่คุ้มค่าที่จะได้เห็นเมืองเหล่านั้นด้วยตาสักครั้ง

การเดินทางสุดขอบฟ้าครั้งล่าสุดของฉัน ก็คือการไปเยือนประเทศเอกวาดอร์ (Ecuador) หรือ สาธารณรัฐเอกวาดอร์ ประเทศนี้มีความน่าสนใจด้วยความหลากหลายทางภูมิประเทศ Ecuador เป็นภาษาสเปน ตรงกับคำว่า Equator ในภาษาอังกฤษแปลว่า “เส้นศูนย์สูตร”

ที่ได้รับการตั้งชื่อเช่นนี้เพราะประเทศเอกวาดอร์ตั้งอยู่บริเวณที่เส้นศูนย์สูตรพาดผ่าน และจากการที่ตั้งอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตรนี่เองทำให้ทั้งประเทศได้รับแสงแดดเต็มที่ตลอดทั้งปี

แต่สภาพอากาศในแต่ละพื้นที่ก็แตกต่างกันไปตามสภาพภูมิประเทศซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ภาค คือ พื้นที่ ภูเขา ป่าฝนแอมะซอน (Amazon) ชายฝั่งทะเลแปซิฟิก และหมู่เกาะกาลาปากอส (Galapagos Islands) ที่โด่งดัง

กรุงกีโต (Quito) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ซาน ฟรานซิสโก เด กีโต (San Francisco de Quito) เป็นเมืองหลวงของประเทศ และเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่สูงที่สุดเป็นอันดับที่สองของโลก (รองจากเมืองลาปาซ ประเทศโบลิเวีย) ที่ความสูงประมาณ 2,850 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โอบล้อมด้วยเทือกเขาแอนดีส

และยังมีเส้นศูนย์สูตรพาดผ่าน ห่างไปทางตอนหนือของเมือง ทำให้สภาพอากาศคล้ายกับฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี กีโตยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติจากยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1978 ภาพเมืองมรดกโลกที่ดูสง่างามมากๆ แห่งนี้ ทำให้ฉันอยากแวะมาเยือนที่นี่สักครั้ง

เมื่อมาถึงเมืองกีโต ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะออกไปเดินสำรวจเขตเมืองเก่า (Old town) ร่างกายยังต้องปรับตัวกับชีวิตบนที่สูง

จึงไม่ควรเร่งรีบ ค่อยๆ ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย ไม่เช่นนั้นอาจจะมีอาการโรคแพ้ความสูง (Altitude sickness) กำเริบได้

กีโตสวยงามไม่เป็นรองใคร มีจัตุรัสและโบสถ์เก่าแก่สวยงามมากมายตั้งอยู่บนเนินเขา แม้คุณจะไม่ใช่คนที่ชอบเที่ยวโบสถ์เก่า

แต่อย่างน้อยไม่ควรพลาดที่จะเข้าไปชม The Basilica of the National Vow (ในภาษาสเปน คือ Basílica del Voto Nacional) เพราะนอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกที่สวยเป็นรองเพียงโบสถ์ Notre dame แห่งกรุงปารีสแล้ว

จุดน่าสนใจของที่นี่คือการปีนบันไดขึ้นไปชมวิวมุมสูงบนหอคอย ฉันเป็นคนชอบปีนป่ายเดินเขาขึ้นที่สูงเป็นประจำ ยังมีอาการใจเต้นตุ๊บๆ หลายคนยอมแพ้ใจตัวเองถอยหลังกลับ

มีเพียงผู้กล้าหาญเท่านั้นที่จะได้รางวัลเป็นวิวเมืองอันงดงามไกลสุดลูกหูลูกตาแบบ 360 องศา บนหอคอยนี้เราจะได้เห็นความหลากหลายของเมืองกีโต

ทั้งย่านเมืองเก่าที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ย่านเมืองใหม่ที่ทันสมัยไม่ต่างจากประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ บ้านเรือนสีลูกกวาดเรียงรายอยู่บนภูเขา และทิวเขาสวยรายรอบ

ฉันใช้เวลาอยู่บนหอคอยแห่งนี้นานที่สุดให้คุ้มค่ากับความกล้าและความกลัวที่ฝ่าฟันขึ้นมาหลังการผจญภัยเล็กๆ บนหอคอย ก็ได้เวลาออกไปเดินเล่นชิลๆ ในย่านเมืองเก่า

หากไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน ให้ตั้งหลักจัตุรัสแห่งเสรีภาพ (Plaza de la Independencia) หรือ รู้จักกันดีในชื่อว่า Plaza Grande เป็นเหมือน ศูนย์รวมทุกสิ่งทุกอย่างที่สำคัญของชาวกีโตไม่ว่าจะเป็นรัฐสภา (Palacio de Carondelet) ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมด้านในได้

โบสถ์ Catedral Metropolitana ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองกีโต ลานสาธารณะที่ชาวเมืองมานั่งพักผ่อนพบปะสังสรรค์กัน

การเดินเที่ยวชมรอบๆ บริเวณนี้ทำให้ได้เห็นวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นได้มากที่สุดหรืออาจจะเลือกนั่งพักมองดูผู้คน อาคารเก่าแก่รอบๆ ตอนนี้ก็ได้กลายเป็นร้านอาหารหรือคาเฟ่เปิดไว้ต้อนรับผู้มาเยือนการเดินวนรอบเมืองเก่าในกีโต ทำให้ได้เห็นวัฒนธรรมของสเปนที่มีมาตั้งแต่ยุคอาณานิคมได้อย่างเด่นชัด

ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์คาทอลิก อาคารบ้านเรือนที่มีระเบียงและสีสัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใกล้ๆ บริเวณ Plaza de San Francisco ที่วัฒนธรรมท้องถิ่นยังคงมีให้เห็นอย่างชัดเจนอีกหนึ่ง

ไฮไลต์ของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนกีโต ก็คือการเข้าชมอนุสาวรีย์แห่งใจกลางโลก (Monument of the Middle of the World, ภาษาสเปนเรียกว่า Mitad del Mundo) ตั้งอยู่ในเมืองปิชินชา (Pichincha) ห่างจากกีโตไปประมาณ 30 นาที

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักซื้อทัวร์ Middle of the world tour แบบ Day trip มาจากกีโต ที่นี่เคยเป็นสถานที่ใช้วัดละติจูดของเส้นอิเควเตอร์และพิสูจน์สมมติฐานเรื่องโลกกลมในปี ค.ศ. 1736 อนุสาวรีย์สูงประมาณ 30 เมตร สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1979-1982

ด้านบนเป็นจุดชมวิวที่สวยมากที่สุดแห่งหนึ่ง ถึงแม้ตอนหลังการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของระบบ GPS ได้พิสูจน์แล้วว่า ความจริงแล้วเส้นศูนย์สูตรที่แท้จริงอยู่ห่างออกไปจากที่นี่ประมาณ 200 เมตร

แต่นักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาที่นี่เพื่อจะได้สัมผัสประสบการณ์การถ่ายรูปที่ละติจูด 0°0’00”

นอกจากนี้ยังเป็นเหมือนคอมเพล็กซ์ท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายไว้ต้อนรับ

ทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึก เวทีการแสดง พิพิธภัณฑ์และจุดถ่ายรูปมากมายเพื่อเช็กอินว่าครั้งหนึ่งเคยได้มายืนอยู่ ณ ใจกลางโลก

ไม่ไกลจากที่นี่ยังมีพื้นที่สีเขียวที่สวยงามซ่อนอยู่ ที่นั่นคือ Pululahua ซึ่งเป็นพื้นที่คุ้มครองเฉพาะของประเทศเอกวาดอร์ ภายในหมวดหมู่ “Geobotanical Reserve” หรือพื้นที่เขตสงวน ที่มีคนอยู่อาศัยภายในปล่องภูเขาไฟที่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตรมากที่สุด

โดยส่วนตัวแล้วฉันไม่ค่อยอินกับสถานที่ท่องเที่ยวหลักแบบนี้สักเท่าไร เพราะไม่ชอบที่ที่คนเยอะๆ และสถานที่ที่เหมือนจัดขึ้นมาไม่สมจริง ฉันมักเกิดความประทับใจกับสถานที่ท่องเที่ยวนอกสายตาหรือสถานที่ที่คนอื่นไม่ค่อยไปกัน

อย่างการเดินทางครั้งนี้ก็เช่นกัน ฉันพบว่าตัวเองประทับใจอนุสาวรีย์แห่งใจกลางโลก (Middle of the world) ที่เมืองเล็กๆ ชื่อว่า Cayambe มากกว่าหลายขุมนัก

โดยต้องนั่งรถออกไปจากตัวเมืองกีโตประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ

ที่นี่เป็นโปรเจกต์เล็กๆ ของคนท้องถิ่นชื่อว่า Quitsato ที่นำเสนอและให้ความรู้มากมายเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของโลกในจักรวาลและทำให้เราได้ประสบการณ์การเดินบนเส้นศูนย์สูตรของโลกที่แท้จริงด้วย

อีกทัวร์หนึ่งในตัวเมืองกีโตที่ฉันประทับใจมากๆ ก็คือการไปชม Agave house พิพิธภัณฑ์แห่งแรกที่ให้ความรู้เกี่ยวกับพืชตระกูลอะกาเว่ ที่มีความสำคัญอย่างมากต่อวัฒนธรรมของชาวแอนดีส

ที่นี่ฉันได้ค้นพบความมหัศจรรย์และประโยชน์อันหลากหลายของพืชชนิดนี้

ที่มีมากกว่าการใช้ผลิตเตกีล่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชื่อดัง

แอบภูมิใจแทนชาวเอกวาดอร์ที่มีหน่วยงานดีๆ แบบนี้ช่วยสืบสานประเพณีอันทรงคุณค่าของบรรพบุรุษเอาไว้

การเดินทางสู่ประเทศเอกวาดอร์ นอกจากทำให้ฉันได้ชื่นชมความงดงามของเมืองมรดกโลกอย่างกีโตแล้ว

ที่นี่ยังตอกย้ำกับฉันว่าประเทศควรมีการพัฒนาด้านความเจริญทางวัตถุนิยมต่างๆ ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามเอาไว้ เพื่อนำมาซึ่งการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนจริงๆ

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก