กรดไหลย้อน กี่ วัน หาย pantip

ถ้าเป็นมากต้องลองกินยาธาตุผสมอบเชยช่วยค่ะ เราเคยแสบหน้าอกนอนไม่ได้เลย พยายามเลี่ยงพวกของแสลงก็แล้ว แต่ก็ไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ พอมากินยาธาตุผสมอบเชยเลยโอเคขึ้นเยอะเลย แต่แนะนำให้เช็คดีๆว่ายี่ห้อมีสเตียรอยด์ผสม ของเรากินแต่ตราชัญญธร มีชะเอมเทศ อบเชยเทศ ข่าต้น สมุลแว้ง กระวาน กานพลู โป๊ยกั๊ก เมนทอล สมุนไพรพวกนี้ช่วยลดกรด ขับลม เคลือบป้องกันไม่ให้กรดส่งผลต่อลิ้นเปิดปิดกระเพาะอาหารได้ดีค่ะ

กรดไหลย้อน เป็นได้…หายได้

ปกติผมจะไม่ค่อยได้ตั้งกระทู้ในพันทิปซักเท่าไรนะครับ แต่ครั้งนี้ตั้งใจไว้ว่า ถ้าอาการดีขึ้นหรือสามารถหายป่วยจากโรคกรดไหลย้อนได้จะกลับมาตั้งกระทู้เพื่อช่วยให้เพื่อนๆพี่ๆที่ป่วยด้วยโรคเดียวกันนี้อยู่หายได้หรืออย่างน้อย ๆก็อาการดีขึ้นสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้นครับ

  เท้าความก่อนว่าผมเริ่มป่วยด้วยโรคกรดไหลย้อนตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 โดยอาการแรกเริ่มคือเช้าวันนึงตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกแน่นๆท้อง เหมือนอาหารที่ทานไปเมื่อวานมันไม่ย่อย ผมก็คิดแค่ว่าคงเป็นแค่ท้องอืดธรรมดาๆ ก็เลยทานยาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายบินไปโดยหวังว่าเดี๋ยวก็คงหาย

  ผ่านไปสัปดาห์นึงอาการก็ยังไม่ค่อยดีขึ้นเลยไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลพญาไท 1 ครับ โดยพบกับคุณหมอเฉพาะทาง ด้านทางเดินอาหาร คุณหมอก็ตรวจท้อง เคาะๆท้องดูและบอกว่ามีลมในท้องเยอะนะ แต่น่าจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงและให้ยาลดกรดมาทานและนัดอีกที 1 สัปดาห์ ระหว่างนี้ก็มีของที่ห้ามทานหลายอย่างมากเลยครับ ทั้งผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ช็อคโกแลต อาหารที่มีรสเผ็ดหรือเปรี้ยว ซึ่งแต่ละอย่างนี่มีแต่ของอร่อยๆทั้งนั้นเลยครับ ฮือ T_T

อาการผมหลังจากนี้ก็มีท้องอืดบ้าง มีรสเปรี้ยวๆในปากบ้าง ก็หาคุณหมอตามนัดมาเรื่อยๆ แต่อาการก็เป็นๆหายๆครับ ช่วงที่หายก็รู้สึกว่ามันยังไม่หายขาด ยังรู้สึกว่าร่างกายยังไม่ปกติดีและสุดท้ายคุณหมอก็วินิจฉัยว่า “ผมเป็นกรดไหลย้อนครับ”

  จากนั้นผมก็เลยเริ่มหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับโรคนี้ครับ ทั้งในพันทิปและเว็บไซต์ต่างประเทศ ซึ่งผมเจอกระทู้นึงในพันทิปแนะนำคุณหมอที่เชี่ยวชาญในเรื่องกรดไหลย้อนอยู่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ผมก็รีบโทรไปนัดเลยครับ และเข้าไปพบคุณหมอ คุณหมอตรวจร่างกายดูและแนะนำให้ส่องกล้องเพื่อหาสาเหตุของอาการท้องอืดและน้ำหนักที่ลดลง แต่ในช่วงนั้นเป็นช่วงเดือนกรกฎาคม 64 ซึ่งเป็นช่วงที่โควิดระบาดหนักมาก ผมเลยยังไม่อยากส่องกล้อง เลยเลื่อนนัดคุณหมอออกไปก่อน

  ในระหว่างนี้ผมก็ไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ด้วยนะครับ เพราะคุณหมอท่านเดิมที่โรงพยาบาลพญาไท 1 เปลี่ยนตารางออกตรวจเฉพาะวันธรรมดาซึ่งผมติดทำงาน ผมก็ได้ทานยาลดกรดมาเรื่อยๆซึ่งอาการก็ดูเหมือนจะดีนะครับ แต่ก็ยังคงมีอาการมาให้รำคาญใจตลอดครับบวกกับน้ำหนักของผมซึ่งลดลงต่อเนื่องอย่างน่าใจหายจากน้ำหนัก 60 กิโลกรัม ลดลงไปเหลือ 53 กิโลกรัม สุดท้ายผมเลยตัดสินใจไปส่องกล้องให้รู้แร้วรู้รอด เพื่อหาสาเหตุให้ชัดๆกันไปเลย

  ผมโทรนัดหมายคุณหมอที่กรุงเทพคริสเตียนอีกครั้งเพื่อเข้าตรวจและนัดหมายส่องกล้อง ช่วงนั้นเป็นช่วงเดือนกันยายน 2564 ครับ สถานการณ์โควิดก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไร แต่ก็ไม่อยากรอแล้วครับ หลังจากส่องกล้องเสร็จคุณหมอก็อธิบายผลการส่องให้ฟังครับโดยมีรูปที่ถ่ายจากในกระเพาะอาหารประกอบการอธิบายไปด้วย ซึ่งในกระเพาะอาหารผมจะมีรอยแดงๆจากการอักเสบครับ แต่ก็ยังไม่มีอะไรน่ากังวลในเรื่องของมะเร็งนะครับ ระหว่างนี้ 2 สัปดาห์คุณหมอให้รอผลตรวจชิ้นเนื้อที่ตัดออกมาครับ โดยให้ยาลดกรดมาทานต่อเนื่อง ซึ่งอาการผมเริ่มมาหนักมากในช่วงนี้ครับ คนที่เป็นจะรู้ถึงความทรมาน ทานอะไรเข้าไปก็ไม่สบายท้อง ปากมีรสเปรี้ยว บางครั้งก็มีอาการแสบร้อนทรวงอก (Heartburn) ของอะไรที่อร่อยที่เคยทานได้ก็ไม่สามารถทานได้เลย เรียกได้ว่าชีวิตช่วงนั้นเป๋ไปเลยครับ ย่ำแย่ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ

  ในช่วงที่เครียดมากๆ ผมก็หาที่พึ่งทางใจครับโดยได้บนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่โตวัดระฆัง เจ้าแม่กวนอิม ท้าวหิรัญพนาสูร ขอพรท่านให้ผมหายจากโรคนี้ด้วย

2 สัปดาห์ผ่านไปอย่างช้าๆ ผมก็ไปฟังผลชิ้นเนื้อด้วยใจหวังว่าจะให้เจอสาเหตุอะไรสักอย่างซึ่งสามารถที่จะรักษาได้     คุณหมอแจ้งว่าผมมีเชื้อแบคทีเรีย เอชไพโลไร (H.Pylori Bacteria) ครับ ซึ่งเชื้อนี้ส่วนใหญ่เป็นสาเหตุ การเกิดแผลในกระเพาะอาหารซึ่งอาจนำไปสู่มะเร็งกระเพาะอาหารได้ครับ แต่จริงๆเชื้อนี้บางคนก็อาจไม่แสดงอาการก็ได้นะครับ

  ผมดีใจมากตอนที่ฟังผลเพราะอย่างน้อยเราก็รู้สาเหตุของโรคเราแล้ว น่าจะสามารถรักษาหายได้ คุณหมอก็ให้ยาฆ่าเชื้อมากิน 2 สัปดาห์ครับ โดยหวังว่าถ้ากินครบ 2 สัปดาห์ อาการน่าจะหายไป ผ่านไป 2 สัปดาห์ ผมกินยาครบทุกเม็ดอย่างเคร่งครัด แต่ๆๆ อาการมันยังไม่หายครับ มาตอนนี้ผมเริ่มเครียดละ ว่าถ้าเราแก้ที่สาเหตุจริง มันน่าจะหายสิ จากนั้นคุณหมอนัดให้กลับมาตรวจซ้ำหลังจากผ่านไป 1 เดือน ว่ายังมีเชื้ออยู่ในกระเพาะอาหารไหม (ตรวจโดยวิธีเป่าลมครับ) ผลปรากฏว่าไม่มีเชื้อเหลืออยู่แล้วครับ แต่อาการผมก็ยังไม่ดีขึ้น ทีนี้ผมก็ใจแป้วสิครับ ไม่รู้จะไปทางไหนต่อ (คนใกล้ชิดกับผู้ป่วยคุณหมอแนะนำให้ตรวจด้วยวิธีนี้ด้วยเช่นกันครับ)

  แต่อย่างที่บอกว่าผมหาข้อมูลเยอะมากครับ จากทั้งในและต่างประเทศ บังเอิญผมไปเจอคลิปๆนึงในยูทูป เป็นคลิปของชาวต่างชาติท่านนึงชื่อ Steve จาก Serious Keto Channel ครับ (ผมจะแนบ Link ให้ด้านล่างนะครับ) เค้าเป็นกรดไหลย้อนมา 15 ปี แต่สามารถหายได้จากการดื่มน้ำ Apple Cider Vinegar ผมก็เข้าไปศึกษาดูความน่าเชื่อถือก็พบว่าคอมเมนท์ส่วนใหญ่ก็เป็นไปในทางที่ดีและได้ผลเหมือนกัน โดยคุณ Steve เนี่ย เค้าเชื่อในทฤษฎีที่ว่าการที่เราเป็นกรดไหลย้อนเนี่ย เกิดจากในกระเพาะอาหารเรามีความเป็นกรดน้อยเกินไป (ข้อมูลเค้าบอกว่า 80% ของคนที่เป็นกรดไหลย้อนคือคนที่มีความเป็นกรดในกระเพาะอาหารต่ำ (Low stomach acid) จึงทำให้กระเพาะอาหารไม่ส่งสัญญาณไปที่หูรูดให้รูดปิด ผลคือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารจึงย้อนกลับเข้ามาที่หลอดอาหาร ทีนี้พอเราดื่มน้ำ Apple Cider Vinegar ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดจะช่วยส่งสัญญาณไปให้หูรูดปิดก็จะช่วยไม่ให้กรดไหลย้อนขึ้นมา ส่งผลให้อาการเราก็ดีขึ้น

  ผมจึงเริ่มทดลองดื่มด้วยตัวเอง และพบว่าอาการผมดีขึ้นมากจริงๆครับ สามารถเรียกได้ว่าหายเลยก็ว่าได้ อาการที่เคยเป็นทั้งหมดหายไป ไม่ว่าจะเป็นท้องอืด อาการมีรสเปรี้ยวในปาก อาการจุกที่หน้าอก อาการแสบร้อนทรวงอก นอกจากนี้ผมยังสามารถกลับมาทานทุกอย่างที่เคยต้องหยุดทาน เนื่องจากกรดไหลย้อนได้อีกครั้งโดยไม่มีอาการไม่พึงประสงค์เลย ผมดีใจมากๆและตั้งใจว่าถ้ายังได้ผลดีอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆระยะเวลาหนึ่งแล้ว ผมจะมาโพสต์ลงพันทิป     เผื่ออย่างน้อยสามารถที่จะช่วยใครที่มีอาการอย่างผมให้อาการดีขึ้นได้ ผมก็ดีใจมากแล้วครับ เพราะยอมรับจริงๆว่าโรคนี้มันเป็นแล้วทรมานมากครับ ขณะที่พิมพ์อยู่นี้ผมก็ดื่ม Apple Cider Vinegar  อย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 2 เดือนแล้ว และพบว่าอาการผมแทบจะไม่มีเลย (จะมีรู้สึกท้องอืดนิดๆช่วงที่ลองลดจากกินเช้า-เย็น มากินเหลือมื้อเช้าอย่างเดียวเท่านั้นครับ)

  ทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นคนที่มีกรดในกระเพาะอาหารต่ำหรือไม่ มีวิธีทดสอบดังนี้ครับ
1. ผสมเบคกิ้งโซดา ¼ ช้อนชา กับน้ำแก้วเล็ก 
2. ดื่มแล้วจับเวลาว่านานแค่ไหนกว่าเราจะเรอ
 ถ้ามากกว่า 5 นาที (หรือไม่เรอเลย) แปลว่า คุณเป็นคนที่มีความเป็นกรดในกระเพาะต่ำ(Low stomach acid) ดังนั้นคุณจะมีแนวโน้มว่ารักษาด้วยการดื่มApple Cider Vinegar จะได้ผลครับ

  วิธีรับประทาน
สำหรับตัวผมเองนะครับ 
1. ผสม Apple Cider Vinegar 1 ช้อนชา, น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา กับ น้ำเย็น 1 แก้ว 
2. ดื่มด้วยหลอดนะครับ เพื่อที่จะลดความเสี่ยงจากการที่กรดจะไปทำอันตรายฟันเราครับ
ป.ล. *น้ำผึ้ง ช่วยให้รสชาติดีขึ้นและทานง่ายขึ้นครับ
ผมดื่มวันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า-เย็น ครับ โดย Apple Cider Vinegar ที่ใช้ควรจะเป็นแบบ Organic และ With the mother ครับ (จะมีเขียนที่ขวดเลยครับ)

สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกท่านที่ป่วยด้วยโรคกรดไหลย้อนนี้หายเป็นปกตินะครับ หรืออย่างน้อยๆก็อาการดีขึ้นจนสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขครับ

ถ้าท่านไหนอยากจะหาข้อมูลเพิ่มสามารถตามไปดูคลิปของคุณ Steve ได้จาก Link นี้เลยครับ
//www.youtube.com/watch?v=JkJu9OAJ8l4&t=5s

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก